Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2540








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2540
"ยงยุทธ บุญเปกข์ตระกูล" คน (ไม่) ใหม่กับงานใหม่ใน "ซิงเกอร์"             
 


   
www resources

โฮมเพจ ซิงเกอร์ (ประเทศไทย)

   
search resources

ซิงเกอร์ ประเทศไทย, บมจ.
ยงยุทธ บุญเปกข์ตระกูล
Electric




ช่วงต้นปีนอกจากจะเป็นเทศกาลหฤหรรษ์ของปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่กันแล้ว ยังถือเป็นเทศกาลของคนเปลี่ยนงานกันอีกด้วย แม้ว่าปี 2539 ที่ผ่านมาภาวะเศรษฐกิจซบเซาลงไปและมีการปรับลดพนักงานกันไปในหลายๆ องค์กรเพื่อรอบรับกับแผนงานธุรกิจในปีนี้ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีโอกาสเริ่มงานใหม่กับองค์กรใหม่ ในปี 2540 "ยงยุทธ บุญเปกข์ตระกูล" ก็เป็นหนึ่งในนั้น

ปลายปีที่แล้ว ยงยุทธ ยังคร่ำเคร่งกับการหายอดโฆษณาให้กับหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ "BANGKOK POST" และหนังสือในเครือด้วยเพราะดำรงตำแหน่งผู้จัดอำนวยการฝ่ายการตลาด ของบมจ.โพสต์พับลิชชิ่งแต่พอขึ้นปีใหม่ เขาก็เปลี่ยนมาดูแลงานด้านการตลาดของเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ของบมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ซึ่งทำให้หลายๆ คนอดแปลกใจไม่ได้ว่าไฉนถึงได้เปลี่ยนงานไปสู่ธุรกิจที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ยงยุทธไขข้อข้องใจว่ายังเป็นงานทางการตลาดเช่นเดิม ยิ่งกว่านั้น "ซิงเกอร์ไม่ใช่ที่ทำงานใหม่ แต่ถือเป็นการกลับคืนบ้านเดิม"

การเข้าสู่ซิงเกอร์ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองของเขา ครั้งแรกนั้นเขาเข้าทำงานเมื่อปี 2529 ในสายงานการตลาดกับซิงเกอร์สิงคโปร์และย้ายมาที่ซิงเกอร์แห่งประเทศไทย ซึ่งรวมเวลาเบ็ดเสร็จร่วม 5 ปี หลังจากนั้นก็ไปหาประสบการณ์กับธุรกิจอาหารจานด่วนอย่างเชคกี้พิซซ่าเสีย 5 ปี ตามมาด้วยการเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดให้กับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ 4 ปี ก่อนที่จะกลับมาที่ซิงเกอร์อีกครั้ง

"ผมมีเพื่อนๆ อยู่ในซิงเกอร์เยอะ และติดต่อกันตลอดเวลา การที่ออกจากซิงเกอร์ไปในตอนแรก ก็เป็นเพราะผมมีเป้าหมายของตัวเองจะอยู่ตรงไหน แต่ครั้งนั้นมันวางไว้เร็วไป แต่ผมก็ระลึกเสมอว่ายังเป็นคนซิงเกอร์ และยังผูกพันกับซิงเกอร์ เพราะซิงเกอร์คือชีวิตเมื่อเป็นคนซิงเกอร์แล้วไปอยู่ที่ไหนก็ยังรู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกัน และที่ผมกลับมาซิงเกอร์ครั้งนี้ก็เพราะเพื่อนๆ ชวนมา"

ตำแหน่ง "ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ" เป็นตำแหน่งที่คนซิงเกอร์วางไว้ให้ยงยุทธโดยเฉพาะ เพราะงานด้านนี้ต้องติดต่อกับฝ่ายขายและบริการตลาดอย่างใกล้ชิดและต้องเข้าใจธรรมชาติของงานขายเป็นอย่างดี ซึ่งเขาเองก็เคยคุมทางด้านการตลาดของซิงเกอร์มาก่อนและมีเพื่อนพ้องในฝ่ายขายเป็นจำนวนมาก

"หน้าที่ผมคือหาช่องทางการตลาดใหม่ๆไม่ว่าจะเป็นจากสินค้า การบริการ หรือช่องทางการขาย" ยงยุทธ สรุปสั้นๆ

เดิมซิงเกอร์ไม่มีฝ่ายพัฒนาธุรกิจ งานส่วนนี้อยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายขายและตลาด แต่เนื่องจากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เครือข่ายซิงเกอร์ได้ขยับขยายงานไปมาก บริษัทซิงเกอร์ในต่างประเทศซื้อโรงงานและบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เข้ามา เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้ออะไก โนเกีย ส่วนซิงเกอร์ประเทศไทยก็เพิ่มไลน์สินค้าใหม่ เช่นเฟอร์นิเจอร์จากอเมริกา ทำให้ข่ายงานของวิงเกอร์ขยายออกไปมากและมีโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นอีก จึงต้องหาหน่วยงานใหม่ขึ้นมาช่วยสนับสนุนงานของของให้เป็นระบบมากขึ้น

การกลับมาของยงยุทธและการตั้งฝ่ายพัฒนาธุรกิจขึ้นมาย่อมต้องมีสีสันใหม่ๆ ทางด้านการตลาดให้กับซิงเกอร์

ยงยุทธชี้ว่านโยบายหลักของบริษัทในปีนี้ก็คือ การเพิ่มบริการให้ถึงตัวลูกค้ามากขึ้น "สิ่งที่เราใฝ่ฝันก็คือการให้บริการลูกค้าที่บ้านด้วยไม่ใช่แค่ที่ร้าน" ยงยุทธระบุ

นั่นก็คือมีบริการหลังการขายที่ทันอกทันใจลูกค้า เช่น กรณีเครื่องใช้ไฟฟ้าชำรุดก็สามารถเรียกช่างเทคนิคจากซิงเกอร์ไปซ่อมแซมให้โดยทัน แม้ในปัจจุบันบริษัทจะมีช่างเทคนิคร่วม 700-800 คน กับร้านสาขาซิงเกอร์จำนวน 338 แห่งทั่วประเทศ แต่ก็ยังไม่สามารถให้บริการลูกคาได้ในระดับที่ผู้บริหารพอใจ การเพิ่มจำนวนพนักงานขายและร้านสาขาจึงต้องมีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งอาจจะมีการเปิดบูธซิงเกอร์ตามห้างสรรพสินค้าจากเดิมที่ไม่มีเคยมีการเปิดบูธมาก่อน

นอกจากนี้แล้ว ยังจะเน้นการเปิดร้านรูปแบบใหม่มากขึ้น โดยร้านรูปแบบใหม่ที่ว่าจะแตกต่างจากร้านซิงเกอร์ทั่วไปตรงที่นอกจากจะมีสินค้าซิงเกอร์จำหน่ายแล้ว ก็ยังมีการจัดตกแต่งห้องสาธิตสำหรับการวางสินค้าและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ของซิงเกอร์ เช่น ห้องนอน ห้องรับแขก เพื่อให้ลูกค้าได้ทราบถึงประโยชน์ใช้สอยของสินค้าอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะนี้ร้านรูปแบบใหม่มีเพียงแห่งเดียวที่ ถ.รามอินทรา ซึ่งเป็นร้านแรกของซิงเกอร์ในประเทศไทยและทั่วโลก

ยิ่งกว่านั้น ก็คือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการผ่อนชำระค่าสินค้า แม้ว่าซิงเกอร์จะยังบุกตลาดสินค้าเงินอยู่ต่อไป แต่ก็จะปรับเปลี่ยนมาให้บริษัทไฟแน้นซ์เข้ามาช่วยจัดการมากขึ้น จากแต่เดิมที่ซิงเกอร์ดำเนินการเองมาโดยตลอด ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาตกลงกับสถาบันการเงิน

ยงยุทธอธิบายว่า "เราจะให้เงินผ่อนกับสินค้ารวมกันเป็นชุดเช่น ปลูกบ้านใหม่ก็อาจจะมีการตกแต่งภายในและใช้เครื่องไฟฟ้าจากซิงเกอร์เราจะคิดค่าผ่อนรวมกันทั้งจำนวน ไม่ใช่เป็นชิ้นๆ ซึ่งเราจะให้บริษัทไฟแน้นซ์เข้ามาช่วย"

นั่นก็คือเมื่อลูกค้าซื้อสินค้า บริษัทไฟแน้นซ์ก็จะชำระค่าสินค้าแทนให้ และลูกค้าก็ไปผ่อนส่งกับสถาบันการเงินนั่นๆ เรียกว่าเป็นผลดีกับซิงเกอร์โดยตรงทีเดียว ทั้งในด้านเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินจากการรับชำระค่าสินค้าเป็นเงินสดทันที และยังไม่ต้องเสี่ยงกับการมีลูกหนี้สูญหรือการเลื่อนการชำระหนี้อีกด้วย

กระนั้นยงยุทธย้ำว่าเป็าหมายที่แท้จริงก็คือ ต้องการเปลี่ยนความคิดของลูกค้า ที่คิดว่าการซื้อสินค้าเงินผ่อนเป็นเรื่องน่าอายให้มาเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เพราะเป็นการผ่อนชำระในแบบเดียวกับการผ่อนชำระบ้าน หากเปลี่ยนความคิดลูกค้าได้ย่อมจะทำให้ซิงเกอร์มีลูกค่าระดับสูงเพิ่มขึ้นซึ่งจะเหมาะกับสินค้าระดับสูงหลายๆ อย่างที่ซิงเกอร์จะนำมาบุกตลาดต่อไป เช่น เฟอร์นิเจอร์ราคาสูงจากสหรัฐอเมริกา

สำหรับสินค้าที่จะเป็น "พระเอก" ในปีนี้ได้แก่ เครื่องกรองน้ำซึ่งนำมาจำหน่ายตั้งแต่ปี 2539 ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้รุกตลาดอย่างจริงจัง ในปีนี้ซิงเกอร์มีแผนสำหรับสินค้าตัวนี้ เพราะมองแนวโน้มว่า "น้ำดื่ม" ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีพ มีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ การใช้เครื่องกรองน้ำจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้ ซึ่งจะเป็นจุดดึงดูดให้ผู้บริโภคหันมาใช้เครื่องกรองน้ำมากขึ้น และสินค้าตัวนี้จะช่วยเพิ่มยอดขายรวมให้บริษัทไม่น้อยทีเดียว

ในปี 2539 (ปิดงบ 30 มิถุนายน) SINGER และบริษัทย่อย มียอดขายรวม 8,500 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 643 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 643 ล้านบาทหรือเติบโต 10% และ 4% ตามลำดับ จากปี 2538 ซึ่งมียอดขายและกำไรสุทธิเติบโตจากปี 2537 คิดเป็น 15% และ 12% ตามลำดับ (ดูตารางประกอบ)

การที่ SINGER มีอัตราเติบโตที่น้อยลงไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าฐานยอดขายของ SINGER ใหม่มาก แต่ที่มีผลมากทีเดียวก็คือภาวะการแข่งขันทีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งยังส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิลดลงด้วยดังนั้นการรุกทางการตลาดในปีนี้ SINGER ก็ย่อมหวังผลยอดขายอย่างมาก

กระนั้นก็ตาม ในความเห็นของยงยุทธแล้ว ยอดขายมิใช่สิ่งที่จะวัดความสำเร็จของเขาและฝ่ายพัฒนาธุรกิจ "สำหรับผมแล้วความสำเร็จก็คือทำอะไรแล้วมีคนสานต่อ เช่น เมื่อตอนอยู่ซิงเกอร์ครั้งแรกผมเป็นคนริเริ่มที่จะให้ขายสินค้าเฟอร์นิเจอร์และจัดร้านใหม่ สิ่งที่ริเริ่มในวันนั้นก็มีการสานต่อจนถึงวันนี้ ผมก็ถือว่าทำสำเร็จแล้ว"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us