Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน22 กันยายน 2549
RS เร่งล้างขาดทุนสะสม 300 ล. มั่นใจไตรมาสที่ 3-4 โกยกำไรแน่             
 


   
www resources

โฮมเพจ อาร์.เอส. โปรโมชั่น

   
search resources

อาร์เอส, บมจ.
Entertainment and Leisure




RS หายใจทั่วท้อง หลังที่ประชุมผู้ถือหุ้นไฟเขียว นำทุนสำรองตามกฎหมายและส่วนเกินมูลค่าหุ้น มาชดเชยผลขาดทุนสะสมหมดเกลี้ยงรวดเดียวกว่า 300 ล้านบาท พร้อมประกาศลดพาร์จากหุ้นละ 5 บาท เหลือ 1 บาท หวังเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย เผยมีแนวโน้มจ่ายปันผลจากผลการดำเนินงานปี 49 ไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ เหตุมั่นใจผลประกอบการไตรมาส 3 และ 4 โกยกำไร

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า มติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2549 พิจารณาอนุมัตินำทุนสำรองตามกฎหมายจำนวน 5,400,000 บาท และส่วนเกินมูลค่าหุ้นจำนวน 309,993,648.50 บาท มาชดเชยผลขาดทุนสะสม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 จำนวน 315,393,648.50 บาท

ขณะเดียวกัน ยังพิจารณาอนุมัติเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากหุ้นละ 5 บาท เหลือหุ้นละ 1 บาท เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นสามัญของ RS ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมทั้งเพื่อขยายฐานการลงทุนให้ครอบคลุมนักลงทุนรายย่อย ทำให้นักลงทุนรายย่อยมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของบริษัทมากขึ้น

“ขณะนี้ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติให้นำทุนสำรองตามกฎหมาย และส่วนเกินมูลค่าหุ้นมาชดเชยผลขาดทุนสะสม ซึ่งถือเป็นข่าวดี เพราะการไม่มีขาดทุนสะสมทำให้สามารถจ่ายปันผลได้ ตามนโยบายของบริษัทที่กำหนดจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ แล้วเราก็มั่นใจว่าไตรมาส 3 และ 4 จะทำกำไรอย่างแน่นอน” นายสุรชัย กล่าว

นอกจากนี้ ยังพิจารณาอนุมัติยกเลิกการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ (warrant) ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ให้แก่พนักงาน (ESOP) และ/หรือบริษัทย่อยจำนวน 5,000,000 หน่วย ตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2548 (20 เมษายน 2548) และยังพิจารณาอนุมัติลดหุ้นจดทะเบียนที่ยังไม่ได้นำออกจำหน่าย จำนวน 5,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par Value) หุ้นละ 5 บาท คิดเป็นจำนวน 25,000,000 บาท เนื่องจากการยกเลิกออกและเสนอขายวอร์แรนต์ข้างต้น ทำให้ไม่มีความจำเป็นจะต้องสำรองหุ้น

ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2549 บริษัทมีรายได้รวม 757.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 4.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะที่มีกำไรสุทธิ 35.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 350.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

สาเหตุที่รายได้เพิ่มขึ้นมาจาก 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.รายได้ค่าโฆษณาเท่ากับ 59.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.3% มาจากธุรกิจวิทยุและธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ 2.รายได้ค่าลิขสิทธิ์เท่ากับ 48.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.7% มาจากธุรกิจดาวน์โหลดเพลงและธุรกิจภาพยนตร์ 3.รายได้ผลิตภาพยนตร์เท่ากับ 25.5 ล้านบาท เนื่องจากมีภาพยนตร์เข้าฉาย 2 เรื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีภาพยนตร์เข้าฉายเพียง 1 เรื่อง และ 4. รายได้รับจ้างผลิตเท่ากับ 23.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.8% มาจากผลิตละครเพิ่มขึ้น

สำหรับแผนดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายยังคงตอกย้ำโมเดลธุรกิจใหม่ ในการเป็นผู้นำทางด้าน Entertainment Content Provider ด้วยการนำคอนเทนต์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเพลง ละคร ภาพยนตร์ รายการทีวี วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ อีเว้นต์มาร์เก็ตติ้ง ฯลฯ มาต่อยอดธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ถือเป็นการบริหารสินทรัพย์ทำรายได้ 360 องศารอบตัว

พร้อมทั้งยังคงรายได้รวมปีนี้ตามเป้าที่วางไว้ประมาณ 3.2-3.3 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 25% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 2.7 พันล้านบาท แบ่งสัดส่วนรายได้มาจาก ธุรกิจเพลงหรือคอนเทนต์ 45% ธุรกิจสื่อ ได้แก่ ทีวี วิทยุ สิ่งพิมพ์ 45% และธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ รับจ้างผลิต รับจ้างจัดงานอีก 10%

“แม้จะมีปัจจัยลบหลายอย่าง โดยเฉพาะความไม่ชัดเจนทางด้านการเมือง แต่ยังมั่นใจว่ารายได้เติบโตตามเป้าที่วางไว้ เพราะเรามีการทำงานหนักอย่างระมัดระวังมากๆ อีกทั้งหากย้อนไปดูภาวะวิกฤตในอดีตที่ผ่านมาจะพบว่า นอกจากธุรกิจบันเทิงจะไม่ได้รับผลกระทบแล้ว ตรงกันข้ามกลับเติบโตได้ดีด้วย เพราะคนไทยยิ่งเครียดก็ยิ่งหาความบันเทิงให้ตัวเอง ได้ผ่อนคลาย” นายสุรชัย กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us