|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สรรหาเอ็มดี ธอส. ใกล้จบ คุณสมบัติผ่านเกณฑ์ 2 ราย เตรียมสัมภาษณ์สัปดาห์หน้าก่อนส่งผลให้ปลัดกระทรวงการคลังเสนอครม.อนุมัติต่อไป เร่งแต่งตั้งเพื่อให้เข้ามาคัดเลือกซีเอฟโอ เพราะต้องทำงานร่วมกันอีก 5 ปี พร้อมขออนุมัติบอร์ดลดเป้าสินเชื่อลงอีก 10,000 ล้านบาท เหตุสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ ฉลองครบรอบ 53 ปี มอบเงินฝาก 1 ล้านบาท เฉพาะลูกหนี้สินเชื่อที่มีประวัติชำระหนี้ดีคิดย้อนหลัง 5 ปี
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระบวนการสรรหากรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว โดยในสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้สมัครที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ 2 ราย เข้ามาสัมภาษณ์ ได้แก่ นายขรรค์ ประจวบเหมาะ อดีตกรรมการผู้จัดการ และอีกรายเป็นผู้สมัครที่มาจากบริษัทหลักทรัพย์แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) ขณะที่ผู้สมัครอีก 2 ราย ที่ได้สมัครเข้ามาพร้อมกันในรอบแรกจากการตรวจสอบคุณสมบัติในเบื้องต้นแล้วพบว่าขาดคุณสมบัติบางประการจึงหมดสิทธิเข้าสัมภาษณ์
ทั้งนี้ในการเปิดรับสมัครในรอบที่ 2 ปรากฏว่ามีผู้ขอรับใบสมัครเพิ่มเติมจำนวน 2 ราย แต่เมื่อถึงกำหนดปิดรับสมัครกลับไม่มีการยื่นใบสมัครเข้ามาเพิ่มเติมแต่อย่างใด ทั้งนี้แม้สถานการณ์ของประเทศจะอยู่ในช่วงที่ไม่มีรัฐบาล แต่ธุรกิจของธนาคารต้องมีการเดินหน้า ดังนั้นกระบวนการสรรหาจึงต้องทำไปตามขั้นตอนที่ได้วางไว้
"คาดว่าในสัปดาห์หน้าการสรรหาน่าจะเสร็จสิ้น และเมื่อดำเนินการเสร็จก็จะส่งรายชื่อให้กับปลัดกระทรวงการคลังในฐานะผู้กำกับดูแลเป็นผู้นำเสนอเรื่องให้กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้อนุมัติต่อไป และการที่มีผู้สมัครน้อยรายนั้นอาจเป็นเพราะตอนที่คุณขรรค์เป็นเอ็มดีผลงานที่ออกมาถือว่าสอบผ่านจึงทำให้ไม่ค่อยมีผู้สมัครแข่งขันเข้ามาเป็นเอ็มดีกัน" แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า การเร่งสรรหากรรมการผู้จัดการในครั้งนี้นอกจากจะทำให้ธนาคารสามารถดำเนินธุรกรรมได้อย่างต่อเนื่องแล้ว ยังต้องเข้ามาร่วมสัมภาษณ์ผู้สมัครเป็นรองกรรมการผู้จัดการสายการเงินและบัญชี (ซีเอฟโอ) แทนนางสาวชมพูนุท สุมนะเศรณี ที่จะเกษียณอายุในปีนี้ด้วย เพราะเป็นตำแหน่งสำคัญจำเป็นจะต้องให้กรรมการผู้จัดการเข้าร่วมเป็นกรรมการสัมภาษณ์ด้วยเนื่องจากต้องทำงานร่วมกันอีก 5 ปี ตามวาระการดำรงตำแหน่ง
แหล่งข่าวกล่าวว่า ธนาคารเตรียมขออนุมัติต่อกรรมการธนาคารเพื่อลดเป้าสินเชื่อของปีนี้จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 110,000 ล้านบาท ลงไป 10,000 ล้านบาท เนื่องจากสภาวะบ้านเมืองที่ไม่เป็นปกติในขณะนี้ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ลูกค้าที่กำลังตัดสินใจซื้อบ้านชะลอการตัดสินใจออกไปรวมทั้งปัจจัยลบทางเศรษฐกิจบางอย่างจึงทำให้ต้องขอลดเป้าสินเชื่อลง
นายฉัตรชัย วีระเมธีกุล กรรมการธนาคาร และรักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธอส.กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่ธนาคารดำเนินงานครบรอบ 53 ปี ในวันที่ 24 ก.ย.นี้ ทางธนาคารได้จัดเตรียมมอบโชคต่อที่ 2 ให้แก่ลูกค้าใหม่ที่ยื่นกู้ขอสินเชื่อระหว่างวันที่ 25 - 29 ก.ย. 2549 จะได้รับยกเว้นค่าประกันอัคคีภัยในปีแรก เพื่อเป็นแนวทางหนึ่งในการแบ่งเบาภาระและช่วยเหลือประชาชน ที่ต้องการมีบ้านเป็นของตนเองแม้ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่มีการผันแปรอยู่ตลอดเวลา
ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการจัดกิจกรรมต่อเนื่องในโอกาสครบรอบดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ธนาคารได้มอบโชคต่อที่หนึ่งด้วยการลดราคาทรัพย์สินรอการขาย (NPA ) 20% และลดหนี้ส่วนขาด 40-70% พร้อมทั้งออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาในการผ่อนชำระไปแล้ว นอกจากนี้ ส่วนของลูกค้าสินเชื่อเก่าของธนาคารที่มีประวัติการผ่อนชำระเงินอย่างสม่ำเสมอ ธนาคารยังได้มอบโชครางวัลเงินฝาก 1 ล้านบาท ซึ่งจะทำการจับรางวัลโดยสุ่มเลือกรายชื่อ จำนวน 10 รางวัล รางวัลละ 100,000 บาท
โดยมีเงื่อนไขในการคัดเลือกลูกค้าเก่าเพื่อเข้าร่วมรับรางวัลเงินฝากนั้น จะต้องเป็นลูกค้ารายย่อยที่กู้เงินและทำนิติกรรมกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี รวมทั้งไม่มีประวัติการค้างชำระหนี้กับธนาคาร 5 ปี ย้อนหลังจากปัจจุบัน และไม่อยู่ในระหว่างการทำบันทึกข้อตกลงประนอมหนี้หรือมาตรการประนอมหนี้ใดๆ กับทางธนาคาร ต้องมียอดเงินต้นคงเหลือในบัญชีเงินกู้ไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท โดยลูกค้าที่ได้รับรางวัลจะต้องเปิดบัญชีเงินฝากประจำ 1 ปี หรือบัญชีเงินฝากสินเคหะกับธนาคาร เพื่อใช้สำหรับการจ่ายเงินรางวัลโดยวิธีโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของลูกค้าเป็นรายเดือน เดือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 10 เดือน เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนมีนิสัยรักการออมให้มากยิ่งขึ้น
|
|
|
|
|