เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก เตรียมลอนช์ช่องรายการผ่านยูบีซีเพิ่ม เตรียมส่งช่อง “เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ไวลด์ไลฟ์” สู่ไทยต้นปีหน้า หลังพบการปรับโครงสร้างรายการช่องเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนล มีรายการสารคดีสัตว์โลกหดเหลือ 25% ยังมีกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการดูสารคดีสัตว์โลกสูงอยู่ ด้านจีโอกราฟฟิก ชาแนล เตรียมส่งรายการใหม่ “Martial Arts Week” ขอเบียดความนิยมสู้ผู้นำตลาดรายการสารคดีอย่างช่องดิสคอฟเวอรี่ชาแนลอีกครั้ง

นายฤทธิชาติ ศิลารักษ์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาดและการจัดจำหน่าย เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก เอเชีย บริษัท เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนล อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ NGCI เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางบริษัทฯ เตรียมลอนช์ช่องรายการสารคดีสัตว์โลกใหม่ในไทย ช่วงต้นปี 2550 โดยจะยังเป็นการออกอากาศผ่านยูบีซี ส่วนจะออกมาเป็นช่องหลัก หรือผ่านแพคเก็จต่างๆ ที่ทางยูบีซีจัดหรือไม่นั้น ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนปรึกษาหารือกันอยู่ ซึ่งในส่วนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ขณะนี้ได้ออกอากาศไปแล้วในประเทศฮ่องกงเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และสิงคโปร์กำลังจะออกอากาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 ตุลาคม ที่จะถึงนี้

สาเหตุที่ทางบริษัทฯ จะเปิดช่องรายการสารคดีสัตว์โลกในครั้งนี้เนื่องมาจาก ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนล ได้ปรับผังรายการใหม่ จากเดิมที่มีรายการเกี่ยวกับสารคดีสัตว์โลก 50% สารคดีทั่วไป 50% มาเป็น สารคดีสัตว์โลก 25% สารคดีทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่างๆ 30-35% ส่วนที่เหลือเป็นสารคดีใกล้ตัว เช่น สารคดีเกี่ยวกับผู้คน วัฒนธรรม และการผจญภัยต่างๆ ทำให้ลูกค้าที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับสารคดีสัตว์โลกจำนวนหนึ่งที่ยังต้องการดูสารคดีสัตว์โลกอยู่ ทำให้บริษัทฯ ต้องเพิ่มช่องรายการสารคดีเกี่ยวกับสัตว์โลกโดยเฉพาะขึ้นนั้นเอง

โดยสาเหตุของการปรับผังรายการใหม่นั้น เนื่องจากพบว่าเทรนด์ผู้บริโภคในการดูรายการสารคดีนั้นเปลี่ยนไป ส่วนใหญ่จะนิยมสารคดีที่มีเนื้อหาเป็นเรื่องใกล้ตัวมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคล วัฒนธรรม รวมทั้งการผจญภัยต่างๆ ซึ่งรูปแบบการนำเสนอรายการก็เปลี่ยนไป จากเดิมที่จะเป็นการบรรยายเรื่อง มาเป็นมีผู้ดำเนินรายการ และเรียกความสนใจจากผู้ชมได้ตลอดเวลา

สำหรับช่องรายการเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนลนั้น ในภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะประเทศมาเลเซียและฟิลิปปินส์นั้น ถือเป็นผู้นำตลาดรายการสารคดี ส่วนประเทศสิงคโปร์ขณะนี้การเติบโตสูงขึ้น แต่สำหรับประเทศไทยนั้น อยู่ในอันดับที่สอง รองจากช่องรายการดิสคอฟเวอรี่ชาแนลเท่านั้น จากกลุ่มรายการสารคดีผ่านการออกอากาศจากพรีเพดทีวี โดยล่าสุดจากการสำรวจของทางยูบีซี พบว่าความนิยมเกี่ยวกับช่องต่างๆ ของยูบีซี ช่องดิสคอฟเวอรรี่ชาแนล อยู่อันดับที่ 8 ส่วนเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิกชาแนล อยู่ในอันดับที่ 9

จากแต่ก่อนช่องดิสคอฟเวอรี่อยู่ในอันดับ 8 ส่วนเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิกอยู่ในอันดับ 15 ทิ้งห่างกันมาก สาเหตุหนึ่งมาจากช่องดิสคอฟเวอรี่ทำตลาดในประเทศไทยก่อนประมาณ 15 ปี ทำให้แบรนด์แข็งแกร่งและผู้บริโภครู้จักมากกว่า พร้อมทั้งออกอากาศเป็นภาษาไทยอีกด้วย ส่วนทางเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนลนั้น เพิ่งออกอากาศเป็นภาษาไทยได้ประมาณ 2 ปี และเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเพียง 8 ปีเท่านั้น

ขณะที่กลุ่มผู้บริโภคของช่องดิสคอฟเวอรี่ชาแนลและเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนล อาจจะมีคาบเกี่ยวกันอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกันคนละทาร์เก็ต โดยของดิสคอฟเวอรี่จะเป็นกลุ่มที่ชอบดูรายการสารดีที่เป็นความบันเทิงมากกว่า ส่วนเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนล จะเป็นกลุ่มที่ต้องการเนื้อหาสาระสำคัญมากกว่า โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มผู้ใหญ่ อายุ 35-60 ปี และกลุ่มเด็กๆ ที่พ่อแม่ต้องการให้ดู

ล่าสุดเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนล ได้นำเสนอรายการใหม่เกี่ยวกับเทคนิคการต่อสู้ ภายใต้ชื่อ “Martial Arts Week” ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ อีกด้วย คาดว่าจะช่วยให้ความนิยมในการดูช่องเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนล เพิ่มขึ้น รวมทั้งเพิ่มฐานผู้บริโภคให้กว้างขึ้นด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามในปีนี้ทางบริษัทฯ ได้ใช้งบการตลาดไปเพียง 10 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นในส่วนของการสนับสนุนทางยูบีซีในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายมากกว่าเพื่อเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าอีกทางหนึ่ง

นายฤทธิชาติ กล่าวอีกว่า การเพิ่มฐานลูกค้าของยูบีซี ถือเป็นการเพิ่มฐานผู้บริโภคของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนล ที่สำคัญ ถึงแม้ว่าบริษัทฯ จะมีการเติบโตแต่ละปีโดยเฉลี่ยประมาณ 5% ก็ตาม แต่ถือเป็นรายได้ที่น่าพอใจ