|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
จากกรณีการยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลรักษาการภายใต้การบริหารของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามมาทั้งในแง่ของการเมือง เศรษฐกิจ และธุรกิจทั่วไป ในฟากธุรกิจของเอกชนต่างก็มีการเฝ้าจับตามองว่า ผลจะลงเอยอย่างไร ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่ในจังหวะนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ การประคองธุรกิจให้อยู่รอด ท่ามกลางความผันแปรของตลาด
งานอีเว้นท์เลื่อนเป็นแถว
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.เอ็ม.ออแกไนเซอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์การปฎิรูปทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในภาพรวมแน่นอน ในระยะสั้น แต่ระยะยาวแล้วคาดว่าจะส่งผลดีต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวม หากได้รัฐบาลที่มีความสามารถและมีความเหมาะสมในการบริหารประเทศ
สำหรับในส่วนของบริษัทฯนั้น พบว่า มีลูกค้าหลายรายที่ได้ติดต่อมาเพื่อยกเลิกการจัดงานอีเว้นท์ต่างๆออกไปก่อนสักระยะหนึ่ง จำนวนหลายราย รวมมูลค่างานแล้วมากกว่า 10 ล้านบาท หลังจากที่ได้วางแผนกันเรียบร้อยแล้ว แต่เป็นการยกเลิกชั่วคราว ก่อนที่จะหาวันเวลาที่เหมาะสมในการจัดอีเว้นท์ต่อไป งานที่ลูกค้าของบริษัทฯยกเลิก เช่น การประชุมดีลเลอร์ของบริษัทแห่งหนึ่ง การจัดคอร์ปอเรทอีเว้นท์ของบริษัทอีกแห่งหนึ่ง เป็นต้น
นายพิเสฐ จึงแย้มปิ่น ประธานกรรมการ บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดอีเว้นท์จะได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะงานที่เป้าหมายในการดึงทั้งผู้เข้าร่วมงานและผู้เข้าชมงานจากต่างประเทศ ซึ่งคนต่างประเทศจะยังคงมีความกังวลในการเดินทางมาเข้าร่วมงานในไทย เพราะเป็นเรื่องปรกติอยู่แล้วหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้น คนต่างชาติจะต้องไม่กล้าเดินทางไปยังประเทศนั้นๆ
อย่างไรก็ตามในส่วนของบริษัทฯ คงจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากปีงบประมาณรายได้ของบริษัทฯจะสิ้นสุดในเดือนตุลาคมนี้แล้ว และที่ผ่านมาก็ทำได้ตามเป้าหมาย อีกทั้งงานภาคเอชนก็มีปรกติ ส่วนงานของรัฐที่เกรงว่างบประมาณจะน้อยลงนั้น บริษัทฯมีสัดส่วนงานของภาครัฐเพียงแค่ 20% เท่านั้น จึงไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรมากนัก
ล่าสุด งาน Sign Asia Expo’06 ที่บริษัทฯได้ร่วมกับบริษัท ไอบริค จำกัด จัดงานนี้ขึ้นมา ซึ่งจะมีในช่วงสัปดาห์หน้า ก็ยังเกิดความไม่มั่นใจว่า จะมีผู้มาเข้าร่วมงานมากน้อยแค่ ไหน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มีความมั่นใจมากและมีผู้ผลิตตอบรับเข้าร่วมงานจำนวนคับคั่ง ทั้งนี้จะมีการประชุมเพื่อสรุปอีกครั้งว่าจะเลื่อนการจัดงานออกไปก่อนหรือไม่ หรือจะจัดเหมือนเดิม และต้องทำประชาสัมพันธ์มากขึ้น
จดจ่อสถานการณ์เตรียมปรับแผน
นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ ประธาน บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า เปิดเผยว่า หลังจากเกิดการยึดอำนาจของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ในรัฐบาลรักษาการนายกทักษิณ ชินวัตรเมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมานี้ เชื่อว่าจะช่วยเรียกความมั่นใจภาคธุรกิจเอกชนและผู้บริโภคได้ส่วนหนึ่ง แต่ในส่วนของผู้ประกอบการคงต้องรอดูสถานการณ์ทางการตลาดระยะหนึ่งก่อน ซึ่งหากมีการจัดตั้งรัฐบาลที่เร็วภายใน 2-3 เดือน รวมทั้งต้องรอดูรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่จะเข้ามาบริหารประเทศด้วย จึงจะทำให้ภาคธุรกิจมีความมั่นใจ และปรับแผนในการทำตลาดในเชิงรุกมากขึ้น
จากในช่วงที่ผ่านมาการเมืองประเทศไทยไม่มีความชัดเจน กับประกอบวิกฤติการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น กระทบต้นทุนการผลิตขยับเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้บริโภคกำลังการซื้อก็ลดลง ส่งผลให้ภาคธุรกิจเอกชนมีการชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในส่วนของการลงทุนหรือกระทั่งการเปิดตัวสินค้าใหม่ที่มีน้อยลง ซึ่งก็ต้องจับตาดูว่าในช่วงไฮซีซั่นหรือก้าวเข้าสู่ฤดูหนาว ทัพสินค้ามีการเตรียมแผนการตลาดอย่างไรบ้าง จากปกติในช่วงดังกล่าวเป็นฤดูกาลแห่งการทำโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม เพื่อกระตุ้นยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ไลอ้อนคงแผนเดิม
ด้านนายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคธุรกิจเอกชนคงจะต้องพิจารณาถึงสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น หลังจากเกิดการยึดอำนาจของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข รวมทั้งพิจารณาถึงกระบวนและขั้นตอนในการเลือกตั้งในครั้งนี้ว่ามีความโปร่งใสหรือไม่ เพื่อกำหนดทิศทางในการทำตลาด เนื่องจากเชื่อว่าทิศทางทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่นหรือฤดูหนาวที่จะกำลังมาถึง คาดว่าการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคจะมีความคึกคักมากยิ่งขึ้น
สำหรับวานนี้ (20 กย. 49) บริษัทได้จัดประชุมตามปกติแม้ว่าจะมีการประกาศให้เป็นวันหยุดก็ตาม โดยขณะนี้บริษัทยังไม่มีแนวทางปรับแผนการตลาดแต่อย่างใด โดยยังคงใช้แผนเดิมอยู่ เนื่องจากต้องรอดูสถานการณ์การเมืองและเฝ้าระวังในอีกระยะหนึ่งก่อน สำหรับในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทได้เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ 2-3 รายการ ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยบริษัทยังไม่มีแผนดำเนินการตลาดในเชิงรุกหรือเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ เพิ่มเติมแต่อย่างใด
ฟิวเจอร์พาร์ครังสิตชะลอกิจกรรมใหม่
นางพิมพ์ผกา หวั่งหลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้า ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต เปิดเผยถึงสถานการณ์ภายหลังการปฏิวัติเกิดขึ้นในครั้งนี้ว่า ทางบริษัทฯจะยังไม่มีแผนที่จะทำกิจกรรมทางการตลาดหรือโครงการใหม่ๆในช่วงนี้ ต้องรอดูสถานการณ์ก่อน แต่ทั้งนี้โปรเจกต์ต่างๆที่ทำอยู่ก่อนแล้ว ก็ยังจะคงดำเนินการต่อไป
โดยเฉพาะในส่วนของการรีโนเวตภายในห้างฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต บนงบการปรับปรุงกว่า 500 ล้านบาทนั้น ก็ยังคงดำเนินการต่อไป เพื่อให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น และเพื่อจับกลุ่มเป้าหมายใหม่ จากเดิมจะเป็นระดับซีถึงบี มาเป็นระดับบีไปจนถึงเอ ตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้
ในขณะที่การลงทุนของกลุ่มอินเตอร์แบรนด์นั้น มองว่า ยังมีการชะลอการลงทุนเช่นเดียวกัน เนื่องจากส่วนใหญ่จะไม่รู้จักหรือเข้าใจในสถานการณ์ในประเทศไทยอย่างชัดเจน แต่ในส่วนของโลคอลแบรนด์แล้วยังคงดำเนินการต่อไป โดยในส่วนของบริษัทฯแล้ว ได้มีการพูดคุยกับทางอินเตอร์แบรนด์ที่จะเข้ามาเปิดภายในห้างฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงไม่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด
ส่วนบรรยากาศภายในห้างฟิวเจอร์ ปาร์ค รังสิต เมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) พบว่า มีจำนวนผู้เข้ามาภายในห้างมากกว่าปกติ เพิ่มขึ้นประมาณ 20 % โดยเฉพาะร้านอาหารส่วนใหญ่จะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเยอะมาก เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติในวันธรรมดา ในขณะที่ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาจะเป็นกลุ่มครอบครัวเป็นหลัก
ขายตรงยังรีรอสถานการณ์
แพทย์หญิงนลินี ไพบูลย์ นายกสมาคมการขายตรงไทย(TDSA) และประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขได้เข้าปฏิรูปการปกครองในวันที่ 19 ก.ย.49ที่ผ่านมานั้น จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจขายตรงหรือไม่มองว่า ยังให้ข้อมูลอะไรมากไม่ได้ เพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้น ต้องขอดูสักระยะหนึ่งก่อนถึงจะให้ข้อมูลได้ อีกทั้งคนส่วนใหญ่ก็เพิ่งทราบข้อมูล ซึ่งถ้าประชาชนสามารถประเมินผลของเหตุการณ์ได้ก็เชื่อว่าความมั่นใจของคนก็จะกลับมาเหมือนเดิม
สำหรับมาตรการรองรับเหตุการณ์ทางเมืองในส่วนของบริษัทกิฟฟารีนฯขณะนี้ยังไม่มี เพราะต้องรอดูสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิดก่อน อย่างไรก็ตามช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯมีแผนรองรับกับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี อาทิ การมีศูนย์ธุรกิจในทุกจังหวัด เพื่อกระจายสินค้าได้อย่างทั่วถึงหรือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่สมาชิกทั่วประเทศ เป็นต้น
นายอิทธิศักดิ์ อำพันยุทธ์ อุปนายกฝ่ายรัฐสัมพันธ์ของสมาคมการขายตรงไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท คังเซน-เคนโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยถึงความเห็นทางการเมืองว่า การเมืองไทยอึมครึมมานาน โดยมีการแบ่งแยกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายอดีตรัฐบาลและฝ่ายพันธมิตร แต่ปัจจุบันมีเจ้ามือใหม่เข้ามาเคลียร์หรือล้างไพ่ทุกอย่างหมด ซึ่งก็ทำได้ดี เพราะเป็นการกระทำที่ละมุนละม่อมและไม่มีความรุนแรงใดๆเกิดขึ้น
สำหรับผลกระทบของการปฎิรูปการเมืองในครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจขายตรงหรือไม่มองว่า ยังไม่มีผลกระทบมากเท่าไรนัก เพราะเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน (วันที่ 19 ก.ย.49) ซึ่งตรงนี้คิดว่าการเมืองกับธุรกิจแยกออกอย่างชัดเจน นักธุรกิจก็คงต้องทำธุรกิจต่อไป แต่อาจต้องรอดูสถานการณ์ของประเทศว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ขณะที่ผลกระทบในด้านการลงทุนระหว่างประเทศอาจได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากชาวต่างชาติเริ่มมีความไม่เชื่อมั่นต่อประเทศไทย
ในส่วนแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทคังเซนฯในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯยังไม่มีการปรับเปลี่ยนแผนแต่อย่างใด โดยยังคงเดินหน้าปฎิบัติตามแผนที่วางไว้เช่นเดิม เช่น การจัดฝึกอบรม,จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดตัวสินค้าใหม่ 1-2 รายการในกลุ่มสุขภาพและผิวพรรณ
สำหรับยอดรายได้ของบริษัทฯสิ้นปี2549นี้คาดว่าจะอัตราการเติบโตขึ้น 10-15% จากยอดรายได้ปีที่แล้วที่มีประมาณ 920 ล้านบาท ส่วนสมาชิกในปัจจุบันของคังเซน-เคนโกฯปัจจุบันมีประมาณ 3 แสนราย และคิดเป็นยอดแอคทีฟหรือสมาชิกที่ใช้บริการหรือมียอดอย่างต่อเนื่อง 20-30%
ยกเลิกงานแถลงข่าวด่วน
ขณะเดียวกันมีหลายบริษัทของภาคเอกชนที่มีแผนจะเปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับการเปิดตัวสินค้าใหม่ รวมไปถึงแผนการรุกตลาด ในช่วงวันที่ 20-22 กันยายนนี้ ต้องยกเลิกงานด่วนหลายราย เพื่อรอดูสถานการณ์ทางการเมืองอีกครั้งว่าจะเป็นเช่นไร
บริษัทที่ยกเลิกงานแถลงข่าวด่วนเช่น บริษัททราเวิลพอร์ท จำกัด ผู้ให้บริการด้านเครือข่ายระบบและการบริการการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลกรายหนึ่ง โดยมีเครือข่ายกว่า 130 ประเทศทั่วโลก ยกเลิกการแถลงข่าว ทิศทางและกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของกาลิเลโอ อินเตอร์เนชั่นแนล ในประเทศไทย ในวันพุธที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา
เครื่องสำอางคลีนิกข์ ยกเลิกการแถลงข่าวกิจกรรมการตลาดและแผนการตลาด และภาพรวมของธุรกิจรองพื้นของคลินิกข์ ในวันที่ 21
บริษัท ไบโอคอนซูเมอร์ จำกัด ยกเลิกงานแถลงข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ซีทีอาร์แอล เครื่องสำอางสำหรับผู้ชาย ในวันที่ 21
บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) และบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ยกเลิกงานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญใหม่ล่าสุดจากเป๊ปซี่ และการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ซึ่งกำหนดจัดในวันที่ 21 กันยายน สายการบินเอทิฮัด ซึ่งเป็นสายการบินประจำชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ยกเลิกการเปิดตัวโปรแกรม เอทิฮัด เกสท์ ในวันพฤหัสบดีที่ 21 ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวเป็นโปรแกรมสะสมไมล์ที่สร้างขึ้นเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบของการสะสมไมล์ ซึ่งผู้โดยสารจะได้รับรางวัลทันทีที่เดินทาง พร้อมข้อเสนอพิเศษทั้งเงื่อนไขและการบริการที่มีความยืดหยุ่น
|
|
|
|
|