Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน19 กันยายน 2549
บ้านปูสนเข้าตลาดหุ้นอินโดนีเซียเผยอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียด             
 


   
www resources

โฮมเพจ บ้านปู

   
search resources

บ้านปู, บมจ.
Mining




บ้านปูสนใจเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นจาการ์ต้า เผยขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดและหากเกิดขึ้นจริง จะยกระดับ BANPU เป็นโฮลดิ้งส์ คัมพานี เดินหน้าสำรวจเหมืองบราริโตะ คาดดำเนินการผลิตได้ในปี 50 พร้อมนำถ่านหินที่มีค่าความร้อนต่างกันมาผสมให้ได้คุณภาพเพิ่มมูลค่าให้ถ่านหิน เล็งลงทุนในอินดียและเวียดนามเพิ่มหลังพบว่ามีแหล่งถ่านหินและความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศทั้งสองมีน้อย

นายระวิ คอศิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากธุรกิจการทำเหมืองถ่านหินของบริษัทในประเทศดังกล่าวมีการขยายตัวและบริษัทยังเดินหน้าสำรวจเพื่อขยายการทำเหมืองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่บริษัททำการสำรวจและพัฒนาเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียมาหลายปี

"เราก็มีการศึกษาอยู่เหมือนกัน ซึ่งหากจะมีจริง เราก็ต้องตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเพื่อเข้าจดทะเบียนด้วย แต่ก็จะมีข้อดีและข้อเสีย ซึ่งข้อเสียคือนักลงทุนอาจเกิดความสับสน เพราะ BANPU เองก็จดทะเบียนในตลาดหุ้นของไทยแล้ว เราต้องดูอะไรหลายอย่าง และในอนาคตหากจะเกิดขึ้นจริง เราคงต้องมีพันธมิตรที่จะมาถือหุ้นด้วย เพราะการที่เราลงทุนทำธุรกิจที่นี่ จะทำให้เรารู้มูลค่าตลาดของอินโดนีเซียด้วย ซึ่งเราก็ต้องศึกษาเรื่องกฎระเบียบต่าง ๆ ของตลาดหุ้นจาการ์ตาด้วย ซึ่งมีความเป็นไปได้ แต่ต้องให้ถึงวันนั้นก่อน เพราะเราสนใจและอยู่ในระหว่างการศึกษารายละเอียดเท่านั้น" นายระวิกล่าว

โดยหากในอนาคตจะมีการระดมทุน เป้าหมายหลักไม่ใช่เพราะต้องการเงินทุนเพื่อใช้ในการดำเนินงาน และหากเกิดขึ้นจริง BANPU อาจยกระดับเป็นโฮลดิ้งส์ คัมพานี ที่จะรับรู้รายได้จากบริษัท

สำหรับการสำรวจเหมืองถ่านหินนั้น หลังจากที่บริษัทได้ลงทุนในเหมืองหลายแห่งในอินโดนีเซียและบางแห่งใกล้จะหมดอายุสัมปทานแล้ว ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายแห่งที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการสำรวจถ่านหินต่อ ซึ่งปัจจุบันเหมืองบราริโตะเป็นเหมืองอีกแห่งที่บริษัทต้องเข้าสำรวจและเหมืองแห่งนี้มีอายุสัมปทาน 30 ปี

"การสำรวจพื้นที่ในการทำเหมืองบราริโตะนั้น เรามีเป้าหมายต่อเนื่องในการที่จะใช้ท่าเรือ ระบบขนส่งถ่านหินและอื่น ๆ ร่วมกับเหมืองทูบาอินโด อันจะทำให้เราลดต้นทุนการผลิตได้ และเกิด SYNERGY ในการทำงานร่วมกันได้ของเหมืองสองแห่งนี้ เพราะมีพื้นที่ติดต่อเหมืองทูบา อินโด เราตั้งเป้าหมายในการสำรวจเหมืองแห่งนี้ประมาณ 3 ปี"

สำหรับลงทุนในการสำรวจเหมืองดังกล่าวนี้ จะใช้งบทั้งสิ้น 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งขณะนี้ใช้งบลงทุนไปแล้วประมาณ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยโครงการนี้คาดว่าเหมืองแห่งนี้จะสามารถดำเนินการผลิตเพื่อจำหน่ายได้ในปี 2008 ซึ่งผลจากการสำรวจเบื้องต้นพบว่ามีถ่านหิน 28.50 ล้านตัน

โดยงบประมาณของบริษัทส่วนหนึ่งของงบลงทุนของปี 49 ที่จะใช้ทั้งสิ้น 236 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่แผนลงทุนปี 50 นั้น BANPU จะลงทุนในโครงการพัฒนาและขยายท่าเรือ 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะขยายเพื่อรองรับการขนถ่ายถ่านหิน 11-12 ล้านตันต่อปีเป็น 13-14 ล้านตันต่อปี

นายระวิกล่าวต่อว่า หลังจากที่บริษัทได้ขยายท่าเรือเสร็จสิ้น จะทำให้บริษัทสามารถขนถ่านหินที่มีคุณภาพต่างกันมารวมกันได้ง่ายขึ้น และค่าความร้อนที่ต่างกันจะนำมาผสมเพื่อให้ได้คุณภาพตรงตามที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งจะเป็นเหมือนการเพิ่มมูลค่าให้กับถ่านหินที่ด้อยให้มีประสิทธิภาพและมีความหลากหลายมากขึ้น และยังมีถ่านหินสำรองไว้จำหน่ายเพิ่มขึ้นด้วย และเหมืองหลายแห่งของ BANPU จะมีกำลังการผลิตลดลงทั้งคิตาดินและเหมืองลำปางที่กำลังการผลิตปีนี้จะไม่เพิ่มขึ้น แต่สัดส่วนของถ่านหินที่มีเกรดจะสูงขึ้น ส่วนธุรกิจไฟฟ้าของบริษัท บีแอลซีพี พาวเวอร์ เป็นธุรกิจที่ดีและมีอนาคต

นอกจากการขยายการทำเหมืองในอินโดนีเซียแล้ว BANPU ยังจะขยายการลงทุนในอินเดีย เวียดนาม หลังจากที่ไปบุกเมืองจีนมาแล้ว เนื่องจากขณะนี้หลายเหมืองของ BANPU จะปิดเหมืองลงตามอายุสัมปทานที่สิ้นสุด ดังนั้นการหาเหมืองเพิ่มจึงเป็นเป้าหมายที่บริษัทต้องดำเนินการให้ต่อเนื่อง

"เราต้องดูแบบแต่ละโครงการไปตอบไม่ได้ว่าจะเข้าสำรวจที่ไหนก่อน แต่ที่อินเดียทางตะวันออกเฉียงเหนือน่าจะมีโอกาสที่จะเข้าไปสำรวจ เพราะมีแหล่งถ่านหินมากและเขาไม่มีแหล่งน้ำมัน ดังนั้นความต้องการใช้ถ่านหินเพื่อใช้เป็นพลังงงานย่อมมีมากกว่า เวียดนามก็ดีเหมือนกันเพราะเขาเติบโตสูง มีแหล่งแร่แอนทราไซด์ และมีแก๊สอยู่ทางใต้ บวกกับความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง แต่เราต้องค่อยทำไปแต่ละโครงการ" นายระวิกล่าว

การเข้าสำรวจแต่ละโครงการนั้น บริษัทจะเข้าไปลักษณะของการร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่น และการลงทุนของ BANPU แบ่งสัดส่วนการลงทุนในไทย 30% อินโดนีเซีย 30% และจีน 30 ขณะที่ปัจจุบันรายได้ของ BANPU มาจากธุรกิจถ่านหิน 60% และที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจการผลิตไฟฟ้า และจะยังรักษาสัดส่วนรายได้ระดับนี้ต่อไป ขณะที่มาร์จิ้นของธุรกิจถ่านหินอยู่ที่ 37-38% และมาร์จิ้นของธุรกิจไฟฟ้า 20-25% ซึ่งผลการดำเนินงานปี 50 รายได้ของบริษัทจะเติบโตแบบมีนัยสำคัญจากการที่โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี พาวเวอร์ ของบริษัทเดินเครื่องผลิตได้เต็มกำลัง

สำหรับกรณีของปัญหาน้ำเสียที่เหมืองทูบาอินโดของบริษัทนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่บริษัทเชื่อว่าเรื่องน้ำเสียไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น และชาวบ้านที่ร้องเรียนก็อยู่ห่างจากบริเวณเหมืองไปกว่า 15 กิโลเมตร แต่บริษัทก็ต้องเจรจากับชาวบ้านและมั่นใจว่าเหมืองจะไม่ถูกปิดอย่างแน่นอน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us