|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บีเอ็นทีฯ ปรับโครงสร้างธุรกิจหันจับงานผลิตรายการ สื่อโทรทัศน์ โฆษณา จากเดิมผลิตจำหน่ายซีดี-วีซีดี ผู้บริหารมั่นใจครึ่งปีหลังผลประกอบการพลิกจากขาดทุน 341 ล้านบาท เป็นกำไรได้ คาดดำเนินการลดทุน-เพิ่มทุนเสร็จ ธ.ค.หรือ ม.ค.นี้ โปรยยาหอมปี 50 ล้างขาดทุนเกลี้ยง พร้อมจ่ายปันผล
วานนี้ (18 ก.ย.) บริษัท บีเอ็นที เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ BNT จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2549 ณ ห้องเอเวอร์กรีน โรงแรมอเล็กซานเดอร์ ซึ่งผู้ถือหุ้นให้ความเห็นชอบวาระเปลี่ยนชื่อบริษัทการลดทุน-เพิ่มทุนจดทะเบียน นายสุพจน์ ทรงสวัสดิชัย รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบีเอ็นทีฯ เปิดเผยว่า ในครึ่งปีหลังบริษัทคาดว่าจะกลับมามีผลกำไรได้จากครึ่งปีแรกที่บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 341.24 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจใหม่ จากเดิมที่ประกอบธุรกิจด้านการผู้ผลิตจำหน่ายซีดีและวีซีดี ฯลฯ โดยหันมาประกอบธุรกิจทางด้านการเป็นผู้ให้บริการข้อมูลต่างๆ (คอนเทนโพไวเดอร์) การให้บริการสื่อโฆษณา และการผลิตรายการให้กับสถานีโทรทัศน์ (ฟรีทีวี) ซึ่งรายการแรกที่จะออกอากาศทางช่องไอทีวี ในเดือนตุลาคมนี้ คือ Changing room ซึ่งขณะนี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ที่จะเข้ามาลงโฆษณา
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่ารายได้รวมปีนี้จะเพิ่มขึ้นมากกว่าจากปี 48 ที่มีรายได้รวมที่มี 284.75 ล้านบาท มีผลขาดทุนสุทธิ 333.86 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้รวม 117.06 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 341.24 สำหรับการปรับธุรกิจมาเป็นผู้ผลิตสื่อต่างๆ ขณะนี้บริษัทมีลูกค้าที่ประกอบการเคเบิลทีวีท้องถิ่นจำนวน 80% ของผู้ประกอบการเคเบิลทีวีที่มี 500 ราย โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัทจะมาจากคอนทนโพไวเดอร์ 40% สื่อทีวี 20-30% และที่เหลือจะมาจากการรับรู้รายได้จากบริษัทย่อยต่างๆ
“ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะกลับมามีกำไรได้ ถึงแม้ครึ่งปีแรกจะขาดทุนจำนวน 341 ล้านบาท จากการที่บริษัทมีการปรับการดำเนินธุรกิจ และการที่ครึ่งปีแรกมีผลขาดทุนจำนวนมากจากการที่บริษัทได้มีการสำรองหนี้สูญ แต่ในไตรมาส 3 บริษัทไม่ได้มีการสำรองหนี้อีก” นายสุพจน์กล่าว
สำหรับการดำเนินการลดทุนจดทะเบียน 2,500 ล้านบาท เหลือ 230 ล้านบาท จากการตัดหุ้นที่ยังไม่จำหน่าย 219.89 ล้านบาท ลดจำนวนหุ้นสามัญที่ชำระเต็มมูลค่าแล้วในอัตรา 1 หุ้นเดิม เหลือ 0.1008725 หุ้นรวมจำนวนหุ้นที่ลดลงไปทั้งสิ้นจำนวน 2,050.10 ล้านบาท เพื่อล้างส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นจำนวน 760.48 ล้านบาท และลดขาดทุนสะสมจำนวน 1,289.62 ล้านบาท และดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 230 ล้านหุ้น โดยออกหุ้นสามัญใหม่เสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 1 หุ้นเดิม หลังการลดทุนต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคา 1.10 บาท หลังจากผู้ถือหุ้นอนุมัติ คาดว่าจะดำเนินการเสร็จภายในเดือนธันวาคม หรือเดือนมกราคม 2550 หากไม่มีเจ้าหนี้รายใดคัดค้าน
นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า มั่นใจว่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 230 ล้านหุ้น ที่จะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในราคาหุ้นละ 1.10 บาท ว่าจะสามารถขายได้หมด เนื่องจากการที่บริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจใหม่ ทำให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดี และน่าจะทำให้นักลงทุนมองเห็นศักยภาพการเติบโตของบริษัทในอนาคต ซึ่งหากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้จำหน่ายไม่หมดบริษัทมีหุ้นที่เหลือจากการจองซื้อ ให้คณะกรรมการบริษัทและ/หรือบุคคลที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมายมีอำนาจในการจัดสรรหุ้นที่เหลือดังกล่าวให้แก่บุคคลในวงจำกัด ฯลฯ
สำหรับภายหลังจากการที่บริษัทลดทุนแล้ว ทำให้บริษัทเหลือผลขาดทุนสะสมเพียง 17.31 ล้านบาท จากเดิมที่บริษัทมีผลขาดทุนสะสมทั้งหมด 1,306.93 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมหมดจากการนำผลกำไรจากการดำเนินงานมาล้าง ทำให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลได้สำหรับผลการดำเนินงานปี 2550 ซึ่งเงินที่บริษัทจะได้รับจากการเพิ่มทุนจดทะเบียนนั้น บริษัทจะนำไปขยายธุรกิจของบริษัทและบริษัทย่อย รวมถึงรองรับการนำเงินไปลงทุนในบริษัทอื่นที่มีผลตอบแทนที่ดีและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
ทั้งนี้ ในเรื่องการยกหนี้ของบริษัท นวดิศ จำกัด ซึ่ง BNT ถือหุ้น 100% ขณะนี้เจ้าหนี้เดิมได้มีการยกหนี้บางส่วนจำนวน 36 ล้านบาทแล้ว ส่วนหนี้ที่เหลืออีกประมาณ 30 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเจรจาเพื่อยกหนี้ได้ภายในปีนี้ ซึ่งหากเป็นไปตามที่คาดการณ์จะทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 30 ล้านบาท จากที่ผ่านมาบริษัทได้มีการสำรองหนี้ไว้
สำหรับการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งนี้มีนักลงทุนได้สอบถามถึงเหตุผลการลดทุนจดทะเบียนและถามว่าทำไมผู้บริหารไม่มีการใช้วิธีการสร้างผลกำไรมาล้างขาดทุนสะสม
นายวิชัย เบญจพลาพร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินบริษัทบีเอ็นทีฯ กล่าวว่า หากบริษัทมีการสร้างผลกำไรเพื่อนำมาล้างขาดทุนสะสมที่มี 1,300 ล้านบาทนั้น จะต้องใช้ระยะเวลานาน และการที่บริษัทจะมีผลประกอบการที่ดีนั้นต้องมีเงินทุนเข้ามาในการดำเนินธุรกิจ และการที่ชวนให้นักลงทุน พันธมิตร เข้ามาร่วมในการดำเนินธุรกิจนั้นเป็นไปได้ยากหากบริษัทมีผลขาดทุนสะสมจำนวนมาก
|
|
|
|
|