Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน18 กันยายน 2549
IHLลดเป้ารายได้เหลือ1.2พันล้านหลังครึ่งปีแรกพิษการเมืองฉุดยอดขาย             
 


   
search resources

Auto-parts
อินเตอร์ไฮด์, บมจ.




อินเตอร์ไฮด์ รอลุ้นผลงานครึ่งปีหลัง เหตุผู้ผลิตรถยนต์เร่งออกรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด โดยครึ่งปีแรกทำยอดขายไว้ 400 ล้านบาท เผยรายได้ทั้งปีอาจลดจาก 1,300 ล้านบาทเหลือ 1,200 ล้านบาท หลังได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมือง ราคาน้ำมันพุ่ง ดอกเบี้ยสูง ขณะนี้มีรายได้เข้ามาเดือนละประมาณ 100 ล้านบาท พร้อมเร่งหาตลาดใหม่เพิ่มช่องทางการจำหน่าย ขณะที่โรงงานใหม่อาจเลื่อนผลิตได้ต้นปี 50

นายอวยชัย มติธนวิรุฬห์ กรรมการ บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน) หรือ IHL เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2549 บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานจะออกมาดีกว่าครึ่งปีแรก หลังจากพบว่ามีคำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศเข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ผลิตรถยนต์ที่จะนำรถรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดจำนวนหลายๆ ค่าย ทั้ง โตโยต้า คัมรี่ และ นิสสัน ทีด้า ซึ่งจะส่งผลดีให้บริษัทได้รับผลดีจากการที่มีรถรุ่นใหม่ผลิตมากขึ้น

"ผมได้รับข้อมูลจากลูกค้าว่า คัมรี่ได้รับการตอบรับจากตลาดดีพอมสมควร ซึ่งจะส่งผลดีกับเรา และในครึ่งปีหลังจะมีออร์เดอร์เข้ามาเดือนละประมาณ 3 พันคัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาทต่อเดือน ขณะเดียวกันบริษัทจะต้องหาลูกค้าในตลาดใหม่ๆ เพิ่มด้วย เพราะตลาดบางแห่งอาจจะมีออร์เดอร์เข้ามาลดลง" นายอวยชัยกล่าว

โดยเฉพาะตลาดที่ฟิลิปปินส์ที่พบว่าออร์เดอร์ลดลงจากเดิม เนื่องจากเกิดปัญหาทางเมืองในประเทศ รวมทั้งภาษีที่ต้องจ่ายสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการเบรกที่จะผลิตรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด แต่ IHL จะแก้ปัญหาด้วยการหาตลาดใหม่ๆ เพิ่ม โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ และออสเตรเลียที่เป็นตลาดใหม่และบริษัทเพิ่งบุกตลาดนี้ด้วย ขณะที่อินโดนีเซีย เวียดนามเป็นตลาดที่มีออร์เดอร์เข้ามาต่อเนื่อง

"ในช่วง 5 เดือนหลังของปีนี้ ต้องลุ้นกันต่อไปว่ารายได้ของบริษัทจะทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้หรือไม่ ขณะที่ยอดขายในครึ่งปีแรกมีอยู่เกือบ 400 ล้านบาท โดยตัวแปรสำคัญคือลูกค้าที่จะสั่งซื้อสินค้าเข้ามา"

ขณะที่โรงงานแห่งที่ 6 ที่สร้างอยู่จะล่าช้าไปจากแผนเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะเดินเครื่องผลิตในปลายปีนี้ อาจเลื่อนไปเป็นไตรมาสแรกปี 50 เนื่องจากขณะนี้การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จและการซื้อเครื่องจักรนำมาติดตั้งจะเกิดขึ้นในไตรมาสสุดท้ายและต้องทดลองผลิตก่อนผลิตจริงตามลำดับ

ทั้งนี้ โรงงานแห่งนี้เป็นโรงผลิตและฟอก จะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มจากเดิม 12 ล้านตารางฟุตต่อปี เป็น 24 ล้านตารางฟุตต่อปี และระยะแรกจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 2-3 ล้านตารางฟุต เพื่อรองรับออร์เดอร์ของโมเดลรถรุ่นใหม่ ๆ ที่บริษัทจะผลิตออกส่ตลาดของผู้ผลิต

"ช่วงปลายปีหากมีออร์เดอร์เข้ามามาก เราคงต้องเหนื่อย เพราะแผนการผลิตในโรงงานใหม่ช้ากว่ากำหนด อาจผลิตยังไม่ได้ในไตรมาสสุดท้าย ซึ่งเราก็ต้องดันให้ถึงปีหน้าให้ได้ " นายอวยชัยกล่าว

อย่างไรก็ตาม ปีนี้เป้ารายได้ที่ตั้งไว้ 1,300 ล้านบาท อาจลดลงเหลือเพียง 1,200 ล้านบาทเท่านั้น เพราะผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกคลาดเคลื่อน อันเกิดจากผลกระทบจากปัญหาการเมืองในประเทศ ราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

โดยในช่วงสองไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีปัญหาเรื่องมาร์จิ้นที่ตกลง เนื่องจากรับพนักงานใหม่เข้ามาเพื่อเทรนงานในส่วนเย็บรวมมากขึ้น หลังพบว่าลูกค้าหันมาเน้นการซื้อหนังแบบCUT PART บวกเย็บรวม ซึ่งเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้ามากและยังได้มาร์จิ้นเป็นสองต่อด้วย ซึ่งช่วงครึ่งปีแรกบริษัทยอมแบกรับต้นทุนการจ้างงาน เพื่อรอผลตอบแทนที่จะได้กลับเมื่อพนักงานสามารถทำงานได้คล่อง

นอกจากนี้ IHL ยังจะลงทุนในเครื่องจักรเพิ่มอีก 120 ตัว เพื่อเพิ่มความสามารถในการ sewing คืองานเย็บและร้อยหนัง ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้ามากขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งโตโยต้าใช้บริการของ IHL เกือบทั้งหมด ส่งผลให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทจากส่วนนี้มี 65% ส่วนที่เหลือจะมาจากงานชิ้นส่วนหนังที่ตัดแล้วหรือ Cut Part

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของบริษัทลดลง ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทคาดไว้โดยมีกำไรสุทธิ 6.471 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 48 ที่มีกำไรสุทธิ 32.45 ล้านบาท ลดลง 25.981 ล้านบาทหรือลดลงร้อยละ 80.06 เนื่องจากยอดรายได้รวมของบริษัทลดลงกว่า 35% ภาวะที่ซบเซาตลาด และอุตสาหกรรมรถยนต์ ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ความต้องการรถยนต์ลดลง ส่งผลให้การผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์ได้รับผลกระทบโดยตรง และช่วงไตรมาส 2 เป็นช่วงปลายของการผลิตเบาะรถยนต์ให้กับหลายๆค่าย ส่งผลให้ยอดขายที่เกิดขึ้นในไตรมาส 2 ปีนี้มีไม่มากเหมือนกับการผลิตในภาวะปกติ ขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพิ่ม

โดยช่วงไตรมาส 3 จะเป็นช่วงของการออกรถยนต์รุ่นใหม่ของผู้ผลิตรถยนต์ และปีนี้จะเป็นปีแห่งการที่ค่ายรถยนต์จะหมดล็อตรถรุ่นเก่าและออกรุ่นใหม่

นอกจากนี้ IHL ยังอยู่ระหว่างศึกษาและเจรจากับพันธมิตร เพื่อจับมือร่วมผลิตอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ ซึ่งหากดีลนี้จบลงด้วยดี IHL จะเป็นผู้ผลิตรายแรกในไทยเป็นการต่อยอดขายทางธุรกิจที่ระยะยาวจะสามารถสร้างรายได้ของบริษัทได้เพิ่มขึ้น คาดสรุปได้ปีนี้ และบริษัทจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในการลงทุน ซึ่งระยะแรกคงลงทุนไม่มาก และรายละเอียดและข้อสรุปที่ชัดเจนต้องแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ก่อน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us