|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ชินณิชา วิลล์ หรือเบเวอร์ลี่ ฮิลล์ เดินหน้าสางหนี้เก่า 600 ล้านบาท หลังผู้บริหารชุดใหม่รับไม้ต่อเข้าบริหาร“ไพวงษ์ เตชะณรงค์” ยันโครงการไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แค่ตั้งชื่อเหมือนลูกสาวเจ๊แดง ฝ่ายค้านจึงนำมาเป็นประเด็นการเมือง
เป็นเวลาราวๆ 1 ปีแล้วที่โครงการชินณิชา วิลล์ ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น เบเวอร์ลี่ ฮิลล์ พร้อมทั้งเปลี่ยนทีมผู้บริหารชุดใหม่ เพื่อต้องการลบภาพพัวพันกับการเมืองออกไปให้หมด เพราะที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวถูกโจมตีอย่างหนักว่าเป็นของเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือเจ้แดง รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และน้องสาวนายกรัฐมนตรี และที่หนักกว่านั้น คือ พรรคฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่า หากโครงการเป็นของ เจ๊แดง จริงแล้วเจ๊แดง นำเงินที่ไหนมาซื้อโครงการ
อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้ ยังไม่มีบทสรุปออกมาอย่างจริงจังว่า โครงการนี้เป็นของใครกันแน่ ซึ่งคงต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
สำหรับโครงการชินณิชา หลังจากที่ทีมผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาดูแล โครงการมีความคืบหน้าไปมากพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องการก่อสร้าง ยอดขาย และการชำระหนี้ที่มีมากถึง 600 ล้านบาท
ไพวงษ์ เตชะณรงค์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สร้างสิน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่เข้ามาบริหารโครงการเบเวอรี่ ฮิลล์ พบว่าโครงการนี้มีปัญหาด้านการตลาด เพราะทีมผู้บริหารชุดเดิมคิดว่าจะใช้คอนเน็กชั่นทางการเมืองเป็นเครื่องมือในการขายบ้าน แต่ในความเป็นจริงการเมืองไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญที่จะขายบ้านได้เลย ซึ่งการขายบ้าน สิ่งที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า คือ ทำเล รูปแบบโครงการ ราคา และความน่าเชื่อถือของโครงการ ไม่ใช่คอนเน็กชั่นทางการเมืองอย่างที่ผู้บริหารชุดเดิมเข้าใจ เห็นได้ว่าในช่วง 4 ปี ที่ทำการตลาด มียอดขายเพียง 3-4 แปลง เท่านั้น จากพื้นที่ทั้งหมด 130 ไร่
เหตุผลสำคัญข้อหนึ่งที่ในอดีตโครงการขายไม่ได้หรือขายได้ช้ามาก เพราะการขายเป็นการขายกระดาษเปล่าไม่มีสาธารณูปโภค และบ้านตัวอย่างที่จะสร้างความเชื่อมั่นใจแก่ผู้ซื้อ ซึ่งหลังจากเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจรอบที่แล้ว การตัดสินใจซื้อของลูกค้าเปลี่ยนไป จะต้องได้เห็นบ้าน รวมทั้งสาธารณูปโภคในโครงการ เพื่อความมั่นใจ ขณะที่โครงการชินณิชา ไม่มีอะไรให้ลูกค้าเห็นเลย นอกจากสำนักงานขายและพื้นที่โล่ง ๆ
“ก่อนที่ผมจะเข้ามาบริหารต่อนั้น ที่ตรงนี้เป็นเพียงพื้นที่โล่งๆ ไม่มีแม้กระทั่งต้นไม้ หรือสวนอย่างที่เห็นในตอนนี้ พอผมเข้ามาบริหาร ประเด็นแรกที่ต้องทำคือ การสร้างสาธารณูปโภค สวน และบ้านตัวอย่าง โดยใช้เงินลงทุนกว่า 30 ล้านบาท สำหรับสร้างบ้านตัวอย่าง ทำสวน ตกแต่งใหม่เกือบทั้งหมด หลังจากนั้น กระตุ้นยอดขายด้วยการลดราคาลงราว 10-15%”
ผู้บริหารเบเวอร์ลี่ฮิลล์ กล่าวต่อว่า โครงการดังกล่าวสามารถขายได้ด้วยตัวเองไม่จำเป็นต้องอาศัยคอนเนคชั่นจากนักการเมืองเลย เพราะทำเลตั้งอยู่บนพื้นที่ที่มีศักยภาพ แวดล้อมด้วยโครงข่ายคมนาคมที่สมบูรณ์ รวมถึงอยู่ใกล้แหล่งชอปปิ้ง โรงพยาบาล ที่สำคัญด้านข้างโครงการเป็นที่ตั้งอยู่นอร์ทปาร์ค ซึ่งมีพื้นที่สวนขนาดใหญ่ ทำให้สภาพแวดล้อมในโครงการดีไปด้วย
สำหรับแนวทางการบริหารงานของผู้บริหารชุดใหม่คือ การเร่งสางหนี้ที่ผู้บริหารชุดเดิมทำไว้กว่า 600 ล้านบาท ให้หมดภายในสิ้นปีหรืออย่างช้าไม่น่าจะเกินต้นปีหน้า
แผนการแรกที่ถูกนำมาใช้คือ ยอมตัดขาดทุนด้วยการตัดขายที่ดินในราคาถูกลง ซึ่งลดราคาจากตารางวาละ 80,000 บาท เหลือ 60,000 บาท ซึ่งถือว่าถูกมาก เพราะหากมองถึงความเป็นจริงแล้ว พื้นที่ที่มีสาธารณูปโภคพรั่งพร้อมเช่นนี้ไม่น่าจะขายในราคาเท่านี้
ไพวงษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทสามารถปลดหนี้ไปแล้วกว่า 200 ล้านบาท หลังจากที่เข้ามาบริหารเพียง 1 ปีเท่านั้น ซึ่งมาจากการขายที่ดินในราคาถูกลงกว่า 10-15% ปัจจุบันเหลือหนี้อยู่ประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งต้องเสียดอกเบี้ยเดือนละ 4 ล้านบาท
เหตุผลสำคัญที่ยอมหั่นราคาขายลง ไพวงษ์ บอกว่า เพราะต้องการปลดหนี้ให้หมดโดยเร็ว ทั้งนี้ดูได้จากการตัดราคาขายแบบยอมขาดทุน ทำให้มีนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติให้ความสนใจที่ดินแปลงนี้จำนวนมาก โดยมีนักลงทุนต่างชาติกว่า 7 ราย ให้ความสนใจเข้ามาเจรจาขอซื้อทั้งในนามบริษัทและในนามภรรยาที่เป็นคนไทย
|
|
 |
|
|