|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
โรงงานโอเลฟินส์ในเอเชียหลายแห่งทยอยหยุดซ่อมบำรุง ดันราคาเอทิลีนพุ่ง1.5 พันเหรียญสหรัฐต่อตัน ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกไทยเตรียมรับมือราคาต้นทุนเม็ดพลาสติกพุ่ง ทั้งเจอEUและสหรัฐฯเก็บภาษีAD ถุงพลาสติกปลายปีนี้ ขณะที่ราคายังปรับเพิ่มไม่ได้เพราะผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อ
ในภาวะราคาน้ำมันยังเป็นปัจจัยหลักในการผลิตและขนส่ง กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกในครึ่งปีหลังจะอยู่รอดได้อย่างไร เพราะ EU และสหรัฐฯเก็บภาษีAD ถุงพลาสติกไทยสูงกว่าคู่แข่ง และยังมีโรงงานในเอเชียทยอยปิดตัวซ่อมบำรุงอีก "สมศักดิ์ บริสุทธนะกุล" ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงอุตสาหกรรมพลาสติกในครึ่งปีหลังว่า ปีนี้ไทยส่งออกพลาสติกเพิ่มขึ้น 10% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวลดลงจากปีก่อนที่ส่งออกโตขึ้น 20% และปีก่อนมีมูลค่าส่งออก 7.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากประสบปัญหาการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) ในส่วนผลิตภัณฑ์ถุงพลาสติกจากสหรัฐฯและสหภาพยุโรป (อียู) โดยล่าสุด อียูประกาศเก็บภาษีAD ถุงพลาสติกไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่งอย่างมาเลเซีย ในไตรมาส 4 ปีนี้ คาดว่าปีหน้ายอดการส่งออกพลาสติกบรรจุภัณฑ์จะลดลงโดยเฉพาะตลาดEU ปัจจุบันไทยส่งออกถุงพลาสติกไปอียูถึง 7 พันล้านบาทจากยอดส่งออกถุงพลาสติกรวม 2 หมื่นล้านบาท
ด้านวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกิตติมศักดิ์ กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกมองว่า ราคาผลิตภัณฑ์พลาสติกจะยังไม่ปรับขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการหวั่นเกรงว่าผู้บริโภคจะรับไม่ได้จนไม่ซื้อสินค้า ส่วนผลกระทบจากราคาน้ำมันถือว่าเป็นผลกระทบทั่วโลก สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมพลาสติกขณะนี้ยังจะไม่มีการลงทุนใหม่ เนื่องจากมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมลดลงในปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกน้อยกว่าการนำเข้าในปี 2548 ที่มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์พลาสติก 70,000 ล้านบาท แต่ส่งออกเพียง 50,000 ล้านบาท
"ขอเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบข้อมูลการนำเข้าผลิตภัณฑ์พลาสติกจากกรมศุลกากร เพื่อพิจารณาว่าไทยนำเข้าผลิตภัณฑ์พลาสติกประเภทใดมากที่สุด และจะสามารถผลิตในประเทศทดแทนได้หรือไม่ "
นอกจากนี้อุตสาหกรรมพลาสติกยังถูกซ้ำเติมจากราคาน้ำมัน ประกอบกับผู้ผลิตในไทยยังขาดการจัดระบบ โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการทั้งหมด 5,000 ราย แต่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ถึง 3,000 ราย ซึ่งต่างผลิตสินค้าเหมือนกันตามกระแส ปีนี้ คาดว่าอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกจะเติบโตเท่ากับจีดีพี จากสถานการณ์ปกติจะต้องเติบโต 1-2 เท่าของจีดีพี แต่ยังมั่นใจว่าจะยังไม่มีการปลดคนงาน เพียงแต่อาจจะกระทบต่อการทำงานล่วงเวลา ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของพนักงานในภาคอุตสาหกรรมนี้
ขณะที่บริษัท พีทีที โพลีเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัดผู้ผลิตรายใหญ่โดย "ณรงค์ชัย พิสุทธิ์ปัญญา" กรรมการผู้จัดการอาวุโส มองว่า แนวโน้มราคาเม็ดพลาสติกจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังไปถึงต้นปี 2550 เนื่องจากโรงโอเลฟินส์หลายแห่งในภูมิภาคเอเชียนี้ได้หยุดซ่อมบำรุงรักษา และโรงงานปิโตรเคมีแห่งใหม่ก็ยังไม่เกิดขึ้น สวนทางกับความต้องการใช้เม็ดพลาสติกยังมีอยู่ ทำให้ราคาเอทิลีน ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตเม็ดพลาสติกในช่วงส.ค.ที่ผ่านปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 150 เหรียญสหรัฐต่อตันมาอยู่ที่ระดับ 1.4 พันเหรียญสหรัฐใกล้เคียงกับราคาเม็ดพลาสติก แนวโน้มราคาแนฟธา ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทลีนเองก็ยังทรงตัวในระดับสูง 604 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็นผลสืบเนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
"ดังนั้นผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทยจำเป็นต้องบริหารสต็อกสินค้าให้ดีเพื่อรองรับราคาเม็ดพลาสติกที่เพิ่มสูงขึ้น " ณรงค์ชัย กล่าว
ขณะที่สถานการณ์โรงงานเม็ดพลาสติกของอินโดนีเซียได้นำเข้าเอทิลีนที่ราคา 1.5 พันเหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งเป็นระดับราคาที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้โรงงานผลิตเม็ดพลาสติกที่ต้องนำเข้าเอทิลีนในฟิลิปปินส์ได้มีการหยุดผลิต เนื่องจากไม่คุ้มต้นทุน ส่งผลให้ปริมาณเม็ดพลาสติกหายออกไปจากตลาดบางส่วน
ทั้งนี้ โรงงานปิโตรเคมีที่ไต้หวันมีแผนหยุดซ่อมบำรุง 3 โรงในช่วงส.ค.-พ.ย.นี้ เป็นเวลา 40-45 วันขณะที่โรงงานปิโตรเคมีของไทย อาทิ โรงงานของพีทีที เคมิคอล ก็จะหยุดซ่อมบำรุงในช่วงต้นปีนี้เป็นเวลา 73 วัน และโรงงานทีพีไอหยุดพ.ย.นี้เป็นเวลา 30 วัน
|
|
|
|
|