|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
หุ้นซีฮอร์สไม่หวั่นถูกตลท.สอบ ราคาพุ่งเย้ยต่ออีก 18.63% ขณะที่หุ้นเก็งกำไรตัวอื่นๆ "IEC-BNT" เริ่งร่าตามภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนหุ้นดีอี แคปปิตอล กอดคอบริษัทแม่ ไดสตาร์ อิเลกทริก ร่วงหลังผู้บริหารออกมาปฏิเสธข่าวควบรวมกิจการและการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์
วานนี้ (13ก.ย.) ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท บีเอ็นที เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ BNT ปิด 0.55 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท หรือเพิ่มขึ้น 10% มูลค่าการซื้อขาย 607.27 ล้านบาท, บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC ปิดที่ 2.34 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท หรือเพิ่มขึ้น 3.54% มูลค่าการซื้อขาย 367.60 ล้านบาท และบริษัท ซีฮอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ SH ราคายังร้อนแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งวานนี้ราคาปิดที่ 30.25 บาท เพิ่มขึ้น 4.75 บาท หรือเพิ่มขึ้น 18.63% มูลค่าการซื้อขาย 2.21 ล้านบาท
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ UOBKH เปิดเผยว่า ส่วนตัวมองว่าการที่ราคาหุ้นของ บริษัท ซีฮอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ SH ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นแม้ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะออกมาเปิดเผยว่ากำลังตรวจสอบการซื้อขาย เนื่องจากมีนักลงทุนทราบถึงทิศทางการดำเนินงานของบริษัทซีฮอร์สว่าจะมีการเติบโตที่ดี หลังจากกมีการปรับการดำเนินธุรกิจและมีผู้ถือหุ้นใหม่ จึงทำให้มั่นใจในการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้สำหรับนักลงทุนทั่วไปเชื่อว่าจะมีการระมัดระวังในการเข้ามาลงทุน เพราะตลาดหลักทรัพย์ได้มีการส่งสัญญาณในเรื่องการตรวจสอบ แต่การที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 18% นั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องปกติจากที่ปริมาณการซื้อขายน้อย
สำหรับวานนี้หุ้นเก็งกำไรหลายบริษัทได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น มองว่าเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามภาวะตลาดที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และจากการที่นักลงทุนยังไม่กล้าเข้ามาลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ต่างๆ รวมถึงหุ้นพลังงาน จึงหันมาเก็งกำไรในหุ้นเดิมๆ โดยหุ้นเก็งกำไรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น หุ้นบริษัท บีเอ็นที เอ็นเตอร์เทนเม้นท์, หุ้นบริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง เป็นต้น
นายวิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัทดี อี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ DE แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า ตามที่ปรากฏข่าวว่าบริษัทจะมีการควบรวมกิจการกับ บริษัท ไดสตาร์ อิเลคทริก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (DISTAR) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ และมีพันธมิตรใหม่ของบริษัทจะมีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์หรือเทนเดอร์ออฟเฟอร์ในราคาหุ้นละ 1.20 บาทนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ซึ่งบริษัทและผู้บริหารไม่ได้เป็นผู้ให้ข่าวแต่อย่างใด
นางสาวลินดา โชคชูชัย ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าการที่ราคาหุ้นบริษัทดีอี แคปปิตอล ปรับตัวสูงขึ้นก่อนหน้านี้ คาดว่าเกิดจากแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นขนาดเล็ก เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นยังคงขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด
ทั้งนี้แนะนำนักลงทุนให้รอซื้อเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวมาถึงแนวรับบริเวณ 0.70 บาท เนื่องจากราคาหุ้นในช่วงก่อนหน้านี้ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทำสถิติสูงสุด (new high) รอบใหม่ที่ต่ำกว่าจุดเดิมที่ 0.91 บาท ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณทางเทคนิคที่ไม่เหมาะกับการเข้าเก็งกำไรมากนัก จึงควรรอให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาก่อนจึงจะสามารถเข้าเก็งกำไรได้
สำหรับราคาหุ้นวานนี้ (13 ก.ย.) หุ้นบริษัทดีอี แคปปิตอล ราคาปิดที่ 0.75 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ 6.25% มูลค่าการซื้อขาย 78.20 ล้านบาท และหุ้นบริษัทไดสตาร์ อิเลคทริก คอร์ปอเรชั่น ราคาปิดที่ 0.77 บาท ลดลง 0.04 บาท หรือ 4.94% มูลค่าการซื้อขาย 19.12 ล้านบาท
|
|
|
|
|