Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2537








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2537
"ศึกล้างบางใน ททท. "ประจวบเหมาะ" เจออีกแล้ว"             
 


   
www resources

โฮมเพจ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

   
search resources

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ธรรมนูญ ประจวบเหมาะ
Tourism




"ผมไม่ใช่คนแรกที่โดนแบบนี้" เป็นคำพูดสั้น ๆ ของธรรมนูญ ประจวบเหมาะ ผู้ซึ่งบัดนี้กลายเป็นอดีตผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยไปแล้ว ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่สองที่คนในตระกูลประจวบเหมาะโดนมรสุมการเมืองหลังจากเหตุที่สมหมาย ฮุนตระกูลปลดนุกูล ประจวบเหมาะพ้นจากผู้ว่าแบงก์ชาติ

ข้อหาที่ธรรมนูญโดนจากมติบอร์ดของ ททท. ชี้ว่าธรรมนูญมีจุดบกพร่องขาดความสามารถที่ไม่อาจรักษาผลประโยชน์ของหน่วยงานได้ในกรณีบริษัท ททท. สินค้าปลอดอากรที่ ททท. ร่วมทุนกับบริษัท ดาวน์ ทาวน์ ดิวตรี้ฟรี (ประเทศไทย) ของวิชัย รักศรีอักษรด้วยข้อกล่าวหาว่า บริษัทจ่ายค่าตอบแทนให้ ททท. ไม่ครบ ค้างชำระถึง 40 ล้านบาท โดยไม่มีการติดตามทวงหนี้และให้อัตราดอกเบี้ยของเงินค้างชำระต่ำ

แม้จะมีปัญหาดังกล่าวแต่สัญญาของบริษัท ททท. สินค้าปลอดอากรที่จะสิ้นสุดในเดือนสิงหาคมปีนี้กลับได้รับการพิจารณาโอกาสที่จะต่อสัญญาอีกห้าปี จนก่อให้เกิดความระแวงแคลงใจในหมู่กรรมการบอร์ด ททท. ในผลประโยชน์มหาศาล ดังที่เคยมีข่าวลือว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้วนักการเมืองพรรคชาติไทยซึ่งปัจจุบันย้ายไปอยู่พรรคใหม่เคยได้รับเงินก้อนใหญ่ที่ตามน้ำมาไม่ต่ำกว่า 20 ล้านในการเปิดให้มีร้านค้าปลอดภาษีในเมืองของ ททท. เกิดขึ้น

กรณีการร่วมทุนระหว่างเอกชนกับ ททท. นับตั้งแต่เปิดแห่งแรกที่อาคารมหาทุนพลาซ่ากับที่กรมศิลปากร และขยายไปสร้างร้านค้าปลอดภาษีในเมืองท่องเที่ยว และออกไปตั้งสาขาในต่างประเทศด้วย เช่นกัมพูชา และจีน โดยมีสัญญาครั้งละ 5 ปี จัดผลตอบแทนให้ ททท.10% การท่าอากาศยานฯ 2% กรมศุลกากร 15% ตั้งแต่เปิดมาเดือนตุลาคม 2532 บริษัทแจ้งว่าได้จ่ายให้รัฐไปแล้ว 550 ล้านบาท

โดยทั่วไป หากจะจับผิดผู้บริหาร ททท. ก็เพียงแต่เจาะลึกลงไปในแหล่งประโยชน์มหาศาลแห่งนี้ ย่อมมีเหตุอันน่าสงสัยที่นำไปตั้งเป็นข้อกล่าวหาได้มากมาย นับตั้งแต่ยอดขายที่แจ้งอาจไม่ตรงกับความจริง รัฐเสียเปรียบ ขณะที่พ่อค้าร่ำรวยผิดสังเกต

ปมขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างความเห็นที่ไม่ลงรอยกันระหว่างดอกเตอร์หนุ่มอย่างสาวิตต์ โพธิวิหคในฐานะนายที่มองว่าผู้ว่าฯ ททท. ธรรมนูญ ประจวบเหมาะทำงานไม่สนองตอบนโยบาย ขณะที่ธรรมนูญมองว่าคนนอกอย่างสาวิตต์ก็เฉกเช่นเดียวกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ อื่นที่ไม่รู้เรื่องและไม่เข้าใจในวัฒนธรรมการทำงานของ ททท. โดยเฉพาะกรณีการผลักดันของสาวิตต์ในเรื่องนโยบายใช้เขตวนอุทยานเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว โดยใช้ พรบ. การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือให้เอกชนเข้าไปลงทุนพัฒนาได้เช่นกรณีเขาใหญ่ ซึ่งทางธรรมนูญต้องไปประสานงานกับกรมป่าไม้ตามที่ "นายสั่ง"

ดังนั้น ในต้นปีนี้สาวิตต์ในฐานะประธานบอร์ดจึงใช้มติแต่งตั้งอนุกรรมการกลั่นกรองงานบริหาร ททท. ที่ถูกคน ททท. มองว่าเป็น "ศาลเตี้ย" โดยอาศัยอำนาจตาม ม. 21 สร้างแรงกดดันอย่างรุนแรงต่อผู้ว่าฯ ธรรมนูญ ซึ่งยืนยันว่าทุกสิ่งทุกอย่างนี้ตนรับผิดชอบสองหน่วยงานนี้เป็นไปโดยสุจริตใจ และได้ผ่านความเห็นชอบและรับรู้จากระดับสูงตลอดมา

มรสุมการเมืองที่เล่นงานธรรมนูญ และรองผู้ว่าฯ ได้ตั้งเค้าตั้งแต่เดือนเมษายนปีนี้ ทั้ง ๆ ที่ธรรมนูญได้พยายามปรับตัวให้เป็นที่พอใจต่อสาวิตต์โดยโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงภายใน โดยย้ายเสรี วังส์ไพจิตรจากรองผู้ว่าฯ ฝ่ายวางแผนและพัฒนาไปอยู่ฝ่ายการตลาดแทนวีระเกียรติ อังคะทะวานิชรองผู้ว่าการฝ่ายบริหารปัจจุบัน ส่วนไพโรจน์ ธรรมาภิมุก ย้ายไปเป็นที่ปรึกษา และได้ลูกหม้อเก่าอย่างธรรมศักดิ์ โรจนสุนทรที่ลาออกจากธนายงมาเป็นรองผู้ว่าฯ ฝ่ายวางแผนและพัฒนาแทน แต่ทำได้ไม่ถึงสามเดือนก็ขอลาออกจากเหตุไม่พอใจที่ปลดเพื่อนรักอย่างธรรมนูญ

แต่การเปลี่ยนแปลงประเภทที่ยังคงใช้คนเดิม ไม่ก่อให้เกิดความพอใจแก่สาวิตต์แต่อย่างใด

สาวิตต์ โพธิวิหค เป็นคนรุ่นใหม่ที่ผลิตจากการศึกษาระบบอเมริกัน จบการศึกษาระดับปริญญาตรีวิศวกรรมจากเอ็มไอที และปริญญาโทเอกด้านวิศวกรรมและเศรษฐศาสตร์จากฮาร์วาร์ด

สิบกว่าปีที่สาวิตต์มีบทบาท และส่วนร่วมในการปรับเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจสำคัญ ๆ โครงการระดับยักษ์ใหญ่ที่สาวิตต์ทำขณะอยู่สภาพัฒน์ฯ ได้แก่โครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลตะวันออกและภาคใต้

สาวิตต์เข้าสู่วิถีการเมืองในฐานะ สส. พรรคประชาธิปัตย์ และได้รับตำแหน่งประธานคณะนโยบายเศรษฐกิจของพรรคทันที และได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ โดยภารกิจหนึ่งที่สำคัญของเขาคือดูแลนโยบายของการท่องเที่ยวฯ

ขณะที่คนแก่วัยหกสิบอย่างธรรมนูญ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ทำงานกับการท่องเที่ยวฯ มานานนับ 34 ปี มีประสบการณ์บริหารหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ สายสัมพันธ์ธุรกิจกว้างขวาง ย่อมจะมีศักดิ์ศรีของคนเก่าแก่ที่ยอมรับไม่ได้กับท่าทีของประธานบอร์ด ททท. อย่างสาวิตต์ ที่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพหย่อนยานของทีมบริหาร ททท. ชุดที่มีธรรมนูญเป็นผู้นำ

เหตุนี้เอง จึงเป็นเรื่องของความขัดแย้งของวัฒนธรรมการบริหารของคนรุ่นใหม่แบบสาวิตต์กับธรรมนูญ และทีมงานคนรุ่นเก่าที่ร่วมสร้างตั้งแต่ ททท. เกิด แต่ถูกมองว่าหย่อนยานในประสิทธิภาพและสมรรถภาพการทำงาน

"ในฐานะประธานคณะกรรมการจะมาดูหมิ่นดูแคลนผมยอมไม่ได้ ผมทุ่มงานและทุ่มชีวิตให้กับหน่วยงานนี้ถึง 34 ปี ผมมีส่วนสร้างมันมาด้วยมือของผมร่วมกับน้อง ๆ ทั้งหลายใน ททท. นี้ แล้วคนอย่างผมหรือ? จะมาเสี่ยงกับการทำอะไรบ้า ๆ อย่างนั้นได้ ผมจะฉุดสถาบันนี้ลงเหวไปได้อย่างไรมันเป็นหน้าตาของประเทศ เป็นชื่อเสียงเกียรติวงศ์ตระกูล "ประจวบเหมาะ" ที่มีทั้งทหารและพลเรือนที่มีส่วนทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ" สิ้นเสียงธรรมนูญกล่าว เสียงปรบมือแล้วปรมมืออีกของม็อบพนักงานที่มาชุมนุมให้กำลังใจก็ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ

หากพิจารณาสาวิตต์ในฐานะนักบริหารนโยบาย ย่อมมองเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ ททท. จะต้องยกเครื่องปรับโครงสร้างใหม่ โดยวางศักยภาพกำลังผู้บริหารเลือดใหม่ที่เข้าใจ VISION ของสาวิตต์ เพื่อวางจุดยืนของหน่วยงานในฐานะหน่วยบริการ และประสานงานกับเอกชนที่จะตอบสนองรับต่อกระแสโลกานุวัตรที่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจโลก เป็นงานบริหารที่คนรุ่นใหม่น่าจะทำได้ดีกว่า

"ผมให้ความสำคัญกับหน่วยงานนี้มากที่สุด เพราะเชื่อว่าที่นี่เป็นหน่วยงานสำคัญต่อเศรษฐกิจประเทศชาติความสำเร็จของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวขึ้นอยู่กับคนหลายฝ่าย สำคัญที่สุดคือภาคเอกชนที่เป็นผู้ลงทุนโดยตรง แต่เรามีหน้าที่ประสาน เราคงจะไม่พูดเคลมเครดิตว่าเป็นของเราทั้งหมด" นี่คือหลักการที่สาวิตต์แถลงข้อข้องใจตลอดสองชั่วโมง ในวันที่เดินทางไปชี้แจงข้อข้องใจของพนักงาน ททท. ซึ่งต้องพบกับม็อบที่โห่ ชูป้ายขับไล่ ประธานบอร์ด

"ขณะนี้ผมโดนการเมืองเล่นงาน ทำให้เสียหายถึงชื่อเสียงวงศ์ตระกูล รวมถึงประวัติการทำงาน และสถาบันที่รักและหวงแหน ผมคงต้องไปเล่นการเมืองบ้าง และถ้าจะเล่นผมก็จะขอเล่นในเขตที่ท่านประธานสาวิตต์ลง" นี่คือคำท้าของคนเมืองเพชรอย่างธรรมนูญซึ่งกำลังรอที่จะชำระความแค้น

ความวิตก กังวลของคนรุ่นเก่าที่เป็นพนักงาน ททท. ร่วมสมัยกับธรรมนูญ ที่ทำงานที่นี่นานนับ 34 ปี ได้กลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เกมการเมืองที่นี่อาจจะไม่จบลงได้ง่าย ๆ แม้ว่าสาวิตต์จะ "ล้างบาง" ธรรมนูญและพวกให้พ้นจากอำนาจหน้าที่ใน ททท. ก็ตาม ภารกิจในการยกเครื่อง ททท. ของดอกเตอร์หนุ่มอย่างสาวิตต์จึงเป็นเรื่องที่น่าจับตาต่อไป !!

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us