"ใครที่ทำให้ผมสลัดภาพของแลนด์ แอนด์เฮ้าส์ออกไปได้ ผมมีรางวัลให้"
อนุพงษ์ อัศวโภคิน น้องชายคนสุดท้องของอนันต์ อัศวโภคิน แห่งบริษัทแลนด์
แอนด์ เฮ้าส์ เปรยออกมาดัง ๆ เพราะการแยกตัวออกมาทำธุรกิจพัฒนาที่ดินด้วยตัวเองของเขานั้น
คนส่วนมากยังคิดและยึดติดว่าแลนด์แอนด์เฮ้าส์เข้ามามีส่วนด้วย ทำให้เขาอึดอัดพอสมควร
ทั้ง ๆ ที่ได้พยายามชี้แจงไปหลายครั้งแล้วก็ตาม
ถ้าใครได้เห็นและสัมผัสโดยตรงกับอนุพงษ์ จะเห็นความคล้ายคลึงระหว่างตัวเขากับพี่ชาย
เพราะน้ำเสียง ลีลาการพูดคล้ายกันมาก ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของพี่น้องที่คลานตามกันออกมา
อนุพงษ์กับอนันต์ผู้เป็นพี่ชาย มีอายุห่างกันมาก เมื่ออนันต์เรียนปี 4
ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ อนุพงษ์ยังนุ่งกางเกงขาสั้นเรียนหนังสือชั้นประถม 4
เท่านั้น
"พี่ตึ๋ง ไม่ได้เป็นแค่พี่ชายเท่านั้น เขาเป็นพ่อผมไปในตัวด้วย เมื่อตอนเด็กเรียนชั้นประถม
ถ้าดูโทรทัศน์ดึก ๆ พี่ตึ๋งจะเป็นคนไล่ผมไปนอนถ้าดื้อก็ตี" อัศวโภคินผู้น้องรำลึกถึงความสัมพันธ์ครั้งวัยเยาว์
อนุพงษ์ไม่ได้เข้าไปมีส่วนในแลนด์แอนด์เฮ้าส์เท่าไร ทั้ง ๆ ที่เขาเรียนจบวิศวะมา
จากสถาบันเดียวกับพี่ชายคือจุฬาฯ เขาเลือกเรียนต่อเอ็มบีเอ ที่มหาวิทยาลัยเวยน์
สเตท ยูนิเวอร์ซิตี้ สหรัฐอเมริกาและมาเริ่มงานด้านการเงินที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทิสโก้
เขาหาประสบการณ์ด้านการเงินนาน 3 ปีที่ทิสโก้ ก่อนจะกลับไปช่วยงานโรงแรมแมนดารินของครอบครัวในฐานะกรรมการบริหาร
ดูแลด้านการลงทุนและการเงินของโรงแรม
ว่าไปแล้ว จากพื้นฐานทางการศึกษาและประสบการณ์ช่วงสั้น ๆ กับสถาบันที่ได้ชื่อว่าเป็นที่บ่มเพาะนักการเงินมืออาชีพอย่างทิสโก้
เขาสามารถเติบโตในสายธุรกิจการเงินได้ไม่ยาก แต่เส้นทางของคนในตระกูลอัศวโภคิน
มักจะหักเหเข้าสู่วงการเรียลเอสเตทมากกว่าที่จะเข้าไปในสายอื่น
สภาพแวดล้อมของครอบครัวเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกทางสายนี้ เริ่มตั้งแต่เพียงใจ
หาญพาณิชย์ ผู้เป็นมารดาผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการซื้อที่ดิน
ต่อมาคืออนันต์ผู้สร้างแลนด์แอนด์เฮ้าส์จนยิ่งใหญ่ระดับแนวหน้า ช่องทางการทำธุรกิจหรือการหาจังหวะเข้าสู่ธุรกิจจึงเป็นสิ่งที่ซึมเข้าสายเลือดอย่างง่ายดาย
อนุพงษ์ตัดสินใจทำโครงการของตัวเองเป็นแห่งแรกหลังจากที่บ่มเพาะความรู้
ประสบการณ์จากมารดาและพี่ชายมานานพอสมควร
บ้านรองเมืองที่ทำในนามบริษัทบุญชัย โฮลิดิ้งจึงเกิดขึ้นและเขาสามารถยืนอยู่ในวงการพัฒนาที่ดินได้อย่างไม่ยากนัก
เขายอมรับว่า โครงการบ้านรองเมือง ยังอ่อนในเรื่องการประชาสัมพันธ์ที่ไม่ได้กระจายข่าวออกไป
ทำให้หลายคนเข้าใจว่า แลนด์แอนด์เฮ้าส์เป็นผู้ทำโครงการนี้ โดยตัดสินจากนามสกุลเขานั่นเอง
จะว่าไปแล้วความเป็นอัศวโภคินก็น่าจะนับเป็นหนึ่งในจุดขายได้เหมือนกัน
หลังจากที่จบโครงการบ้านรองเมืองแล้ว อนุพงษ์ก็จับมือกับ พิเชษฐ วิภวศุภกรเจ้าของบริษัททาริต
จำกัดนักพัฒนาที่ดินย่านบางบัวทองทำโครงการทาวน์เฮ้าส์ในย่านนั้นหลายโครงการ
อนุพงษ์อธิบายถึงสาเหตุที่เข้าร่วมกับพิเชษฐว่า ทั้ง 2 บริษัทมีความพร้อมคนละอย่างเมื่อรวมกันก็พอดี
ช่วยเสริมกันได้ หลังจากนั้นทาริต ก็กลายมาเป็นบริษัทเอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้
ในทุกวันนี้และมีโครงการทาวน์เฮ้าส์ราคาปานกลางคือบ้านมลดาและบ้านร่มเงาไม้
พร้อมกับแลนด์แบงก์ที่รังสิตและบางบัวทองรวมกันประมาณ 200 ไร่ เตรียมทำโครงการบ้านเดี่ยว
เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ อาจจะไม่เป็นที่รู้จัก ถ้าไม่เข้ามาเป็นผู้ประมูลที่ดินโรงภาพยนตร์เอเธนส์
ในราคากว่า 400 ล้านบาท ข่าวในช่วงแรกกระจายออกมาสู่หูนักซื้อที่ดินต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า
อนันต์เป็นผู้ประมูลได้ ซึ่งความจริงผู้ประมูลคืออนุพงษ์ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด
ๆ กับแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์เลย
"เวลาผมมีปัญหาก็จะไปปรึกษา ขอคำแนะนำจากคุณอนันต์ แต่การทำงานของเราเป็นการตัดสินใจของคณะกรรมการบริษัท"
อนุพงษ์ยืนยันว่าแม้จะเป็นพี่น้องกัน แต่เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด
ๆ กับแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
ปทุมวันรีสอร์ท คือ โครงการบนที่ดินแปลงนี้ เป็นคอนโดมิเนียมความสูง 38
ชั้นจำนวน 690 ยูนิตราคาขายเริ่มต้นที่ 1.93 ล้านบาทขึ้นไปพร้อมกับความฮือฮาเมื่อผู้เช่าเก่าบริเวณอาคารพาณิชย์ด้านหน้า
ติดป้ายประท้วง ทำเอาอนุพงษ์เต้นไปเหมือนกัน
"ที่เกิดปัญหาเพราะผมไม่ได้เข้าไปคุยกับกลุ่มผู้เช่าเก่าเอง เจ้าของที่เขารับปากจะจัดการให้
ธรรมดาผมจะเดินเข้าไปหาพร้อมยกมือไหว้ แจกนามบัตร เพื่อทำความเข้าใจแต่ในที่สุดก็สามารถตกลงกันได้
บริษัทจะจัดที่จอดรถให้ส่วนหนึ่งพร้อมกับออกเงินค่าตกแต่งด้านหน้าตึกแถวใหม่ให้ส่วนหนึ่ง"
อนุพงษ์ กล่าวว่า "ผมเป็นคนพูดรู้เรื่อง และที่ผ่านมาผมก็อยู่ตึกแถวมาก่อนเพิ่งย้ายออกมาอยู่บ้านไม่นานนี้เองและรู้ว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร"
เมื่อเคลียร์ปัญหาต่าง ๆ จบได้เขาก็เปิดโครงการปทุมวันรีสอร์ทอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสียทีด้วยการตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาทำโครงการ
คือบริษัทเอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ (ปทุมวัน) จำกัด โดยมีเอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ถือหุ้น
55% บริษัทตรีทวิธุรกิจถือ 30% และ บงล. เอกสินกับธนนครถือแห่งละ 5%
เคยมีผู้แนะนำว่า ถ้าอนุพงษ์ต้องการสลัดภาพ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ให้หมด เขาต้องเปลี่ยนนามสกุลใหม่
อนุพงษ์นิ่งคิดสักพักและตอบว่า ทำไม่ได้ เพราะคุณแม่เพียงใจ จะมาเล่นงานเอาอย่างไรเสียก็ยังต้องเป็นอัศวโภคิน
และเป็นนักพัฒนาที่ดินต่อไป