|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
จุฑานาวี เล็งจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นภายในสิ้นปีนี้ หลังลดพาร์จากหุ้นละ 4 บาทเหลือหุ้นละ 3 บาท ทำให้ล้างขาดทุนสะสมได้หมด เผยจับมือนอร์ดานา โปรเจ็ค แอนด์ ชาร์เตอร์ริง ตั้งบริษัทย่อย ตั้งเป้า3 ปีซื้อเรือเพิ่มอีก 10 ลำ
นายชเนศร์ เพ็ญชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จุฑานาวี จำกัด (มหาชน) หรือJUTHA เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำเนินการล้างขาดทุนสะสมจำนวน 36.31 ล้านบาท โดยลดมูลค่าที่ตราไว้(พาร์)จากหุ้นละ 4 บาทลดเหลือหุ้นละ 3 บาท และจะจดทะเบียนใหม่กับกระทรวงพาณิชย์ภายในวันที่ 13 กันยายนนี้ ทำให้งบการเงินในงวดไตรมาส 2 กลับมามีกำไรสะสมประมาณ 50 ล้านบาท และทำให้บริษัทอยู่ในข่ายที่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ เพราะก่อนหน้านี้บริษัทไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้
ทั้งนี้บริษัทคาดว่าปี 2550จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 27%จากปีนี้ เนื่องจากบริษัทมีแผนที่จะทยอยซื้อเรือลำใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3 ลำ โดยจะซื้อร่วมกับพันธมิตร บริษัทนอร์ดานา โปรเจ็ค แอนด์ ชาร์เตอร์ริง จำกัด ซึ่งจะเป็นเรือลำใหม่เข้ามาแทนที่เรือเก่าที่กำลังจะหมดอายุการใช้งาน จากที่ปัจจุบันบริษัทมีเรือทั้งหมด 7 ลำ ขณะเดียวกันในเดือนมกราคม2550 ก็จะขายเรือจำนวน 1 ลำ เนื่องจากเรือดังกล่าวมีอายุการใช้งานกว่า 27 ปี ส่งผลให้บริษัทมีเงินทุนเข้ามา 3-4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อที่จะนำไปลงทุนซื้อเรือเพิ่มอีก
"บริษัทมั่นใจว่าภายในปี2550จะมีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ภายหลังจากที่บริษัทได้เปลี่ยนนโยบายการรับส่งสินค้ามาเป็นการให้เช่าเรือส่งผลให้บริษัทลดค่าใช้จ่ายในเรื่องการใช้น้ำมันน้อยลง ประกอบกับบริษัทมีเรือเพิ่มขึ้น"นายชเนศร์กล่าว
อย่างไรก็ดีหลังจากที่บริษัทร่วมมือกับบริษัท นอร์ดานา โปรเจ็ค แอนด์ ชาร์เตอร์ริ่ง จำกัด จัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อซื้อเรือเอนกประสงค์ เบื้องต้นมีแผนจะซื้อเรือประมาณ 10 ลำ ราคาเฉลี่ยลำละ 10 ล้านเหรียญ ภายในระยะเวลา3 ปี ซึ่งจะเป็นการทยอยซื้อปีละ 2-3 ลำ โดยเงินที่จะนำมาลงทุนซื้อเรือนี้ 70% จะมาจากการกู้ยืมของบริษัทพันธมิตร และบริษัทจะลงทุนอีก 15% ซึ่งเรือที่จะซื้อใหม่นี้ทางพันธมิตรก็มีแผนที่จะเช่าทั้งหมดระยะ 8-10 ปี
นายชเนศร์ กล่าวว่า ภายในปีนี้จะพยายามรักษากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 36% เพิ่มจากปีก่อน 29% จากค่าระวางเรือปีนี้ได้ปรับขึ้นเป็น 7,100 ดอลล่าร์สหรัฐต่อวันจากงวดเดียวกันของปีก่อน 6,800 ดอลล่าร์สหรัฐต่อวัน และจะพยายามรักษาสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(DE)อยู่ที่ระดับ 2.5 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 4 เท่า อย่างไรก็ตามดำเนินการได้ยาก เพราะบริษัทยังต้องการขยายกองเรือเพิ่ม
สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีหลัง คาดว่าบริษัทจะมีรายได้มากกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้จากการขายและหรือการให้บริการจำนวน 386 ล้านบาทกำไรสุทธิ 108.99 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส4 เป็นช่วงที่มีการส่งออกสินค้าจำนวนมาก ทำให้บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 780 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2548 ที่มีรายได้ 700 ล้านบาท
|
|
|
|
|