|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
นักลงทุนไล่ทิ้งหุ้นพลังงานฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงต่ออีก 6 จุด หลังราคาน้ำมันปรับตัวลดลงต่อเนื่อง - กังวลสถานะภาพปตท. บล.ธนชาต คาดราคาหุ้นปตท.อาจร่วงไปแตะ 200-208 บาท แนะติดตามการประชุมโอเปกหากคงกำลังการผลิตที่ 28 ล้านบาร์เรลต่อวันจะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับลงได้อีก ขณะที่เหตุการณ์ครบรอบ 5 ปี เหตุการณ์ 11 ก.ย.ไม่ส่งผลกระทบต่อตลาด
ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ (8 ก.ย.) ดัชนีปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้าจากแรงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องประกอบกับนักลงทุนยังกังวลต่อสถานภาพของบริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) ส่งผลทำให้มีแรงขายออกมาโดยดัชนีปรับตัวลดลงปิดที่จุดต่ำสุดของวันที่ 686.03 จุด ลดลง 6.43 จุด หรือลดลง 0.93% มูลค่าการซื้อขาย 10,805.87 จุด นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 163.66 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 282.55 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 446.21 ล้านบาท
สำหรับหุ้นในกลุ่มพลังานที่ปรับตัวลดลง คือ หุ้น PTT ราคาปิดที่ 212 บาท ลดลง 6 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,747.43 ล้านบาท, หุ้น PTTEP ราคาปิดที่ 104 บาท ลดลง 4 บาท มูลค่าการซื้อขาย 495.10 ล้านบาท, หุ้น TPI ราคาปิดที่ 7.15 บาท ลดลง 0.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 246.34 ล้านบาท, หุ้น RRC ราคาปิดที่ 19.20 บาท ลดลง 0.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 150.81 ล้านบาท, หุ้น BANPU ราคาปิดที่ 138 บาท ลดลง 6 บาท มูลค่าการซื้อขาย 98.43 ล้านบาท
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ (11 ก.ย.) ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนได้มีการขายหุ้นพลังงาน จากราคาน้ำมันที่ดิบล่วงหน้าได้มีการปรับตัวลดลงอยู่ที่ 65.68 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ประกอบกับนักลงทุนกังวลในเรื่องสถานภาพของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)หรือ PTT หลังจากที่ศาลปกครองได้มีการรับคำฟ้องของมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคในเรื่องการถอน ปตท.ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาอีกหลายเดือนซึ่งเรื่องดังกล่าวจะมีผลต่อจิตวิทยาการลงทุน
ทั้งนี้บริษัทคาดว่าราคาหุ้นปตท มีโอกาสปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 202-208 บาทต่อหุ้น จากความกังวลในเรื่องสถานภาพของบริษัทซึ่งจะต้องใช้เวลานานกว่าศาลที่จะมีการนัดตัดสิน เว้นแต่ราคาน้ำมันจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่บริษัทเชื่อว่าราคาน้ำมันจะยังคงอ่อนตัวลงได้อีกจากปริมาณสำรองน้ำมันยังคงอยู่ในระดับที่สูงและนักลงทุนคลายความกังวลในเรื่องการคว่ำบาตรของอิหร ่าน
ส่วนประเด็นเรื่องการครบรอบ 5 ปี เหตุการณ์เครื่องบินชนตึกเวิลร์ดเทรด หรือ 911 ไม่ได้มีผลกระทบต่อการลงทุนของตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นภูมิภาคแต่อย่างไร เพราะยังไม่มีข่าวหรือเหตุการณ์ก่อการร้ายเกิดขึ้น มีแต่เพียงการขู่ของผู้นำอันดับ 2 ของกลุ่ม อัลไกด้า เท่านั้น
นายโกสินทร์ กล่าวอีกว่า บริษัทแนะนำนักลงทุนชะลอการลงทุนในหุ้นกลุ่มน้ำมันและทยอยซื้อหุ้นที่ได้รับผลประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง และหุ้นกลุ่มธนาคารเนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาก
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (12 ก.ย.) หากราคาน้ำมันยังคงปรับตัวลดลงต่อประกอบกับนักลงทุนยังคงกังวลในเรื่องสภาพภาพปตท.คาดว่าดัชนีจะมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยมองแนวรับที่ระดับ 681-683 จุด แนวต้านที่ระดับ 690-692 จุด
นายสุกิจ อุดมศิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลุยทธ์การลงทุน บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนักลงทุนเริ่มเก็งกำไรน้ำมันลดลง เนื่องจากอิหร่านไม่ได้มีการหยุดการส่งน้ำมัน ประกอบกับไม่มีภัยธรรมชาติที่จะมีผลกระทบกับราคาน้ำมันให้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้จะต้องติดการประชุมของโอเปกว่าจะยังคงเพดานการผลิตน้ำมันอยู่ที่ระดับ 28 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือไม่ ซึ่งหากมีการลดเพดานการผลิตน้ำมันลงก็จะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น และหากมีการคงเพดานการผลิตน้ำมันระดับดังกล่าวก็จะทำให้ราคาน้ำมันยังคงอ่อนตัวลง
“ปัจจัยหลักที่ดัชนีปรับตัวลดลงจากแรงกดดันในหุ้นกลุ่มพลังงานที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง และความกังวลในเรื่องของปตท.และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับบริษัทรัฐวิสหกิจเป็นหลัก โดยเชื่อว่านักลงทุนต่างประเทศยังคงขายหุ้นปตท.ต่อเนื่องจากความไม่มั่นใจในเสถียรภาพของบริษัท โดยบริษัทแนะนำให้มีการลดพอร์ตการลงทุนในหุ้นกลุ่มน้ำมันลงและไปซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร อสังหาริมทรัพย์แทน โดยมองแนวรับที่ระดับ 680 จุด แนวต้านที่ระดับ 688-690 จุด ”นายสุกิจกล่าว
นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า จากการที่ศาลปกครองได้มีการรับคำฟ้องของมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคทำให้นักลงทุนมีความกังวลในเรื่องสเถียรภาพของปตท.ซึ่งบริษัทคาดว่าราคาหุ้นของปตท.มีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงที่ 200-202 บาท โดยคาดว่าราคาน้ำมันอาจจะปรับตัวมาอยู่ที่ระดับ 65-66 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งหากราคาน้ำมันปรับตัวลดลงต่ำกว่าที่คาดไว้เชื่อว่าราคาน้ำมันจะมีโอกาสปรับตัวลดลงได้อีก 5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลไปอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ทำให้นักลงทุนมีการขายหุ้นพลังงานออกมา
“ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจากแรงกดดันจากหุ้นปตท.ที่ศาลฯรับคำร้อง ประกอบกับหุ้นน้ำมันลดลง ส่วนกรณีครบรอบเหตุการณ์ไนท์วันวันนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยแต่อย่างไร แต่จะต้องติดตามว่าทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐจะเป็นทิศทางใด ”นายแสงธรรม กล่าว
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดจุดต่ำสุดของวันเนื่องจากหุ้นพลังงานได้มีการปรับตัวลดลง ซึ่งนำโดยหุ้น ปตท.และปตท.สผ จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงและความกังวลในเรื่องบริษัทปตท.ที่ศาลปกครองได้มีการรับคำร้องของมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งเหตุการณ์ไนท์วันวันไม่ได้มีผลกระทบต่อการลงทุนแต่อย่างไร
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าดัชนีจะมีการปรับตัวลดลงโดยจะอยู่ในกรอบ 680-690 จุด ซึ่งนักลงทุนจะต้องติดตามในเรื่องการประชุมของโอเปกว่าจะยังคงกำลังการผลิตน้ำมันหรือไม่รวมถึงการประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของประเทศสหรัฐอเมริกา
|
|
 |
|
|