ผู้บริหาร "เซอร์คิทฯ" แจงรายละเอียดแผนฟื้นฟูกิจการ หลังศาลล้มละลายอนุมัติ ระบุแบ่งเจ้าหนี้ออกเป็น 8 กลุ่ม ทยอยจ่ายคืนรวม 8 ปี ขณะที่ดอกเบี้ยค้างจ่ายจำนวนกว่า 772 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นทั้งจำนวน
นายสมบูรณ์ กริชชาญชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการเงิน บริษัท เซอร์คิทอีเลคโทรนิคส์อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ CIRKIT เปิดเผยถึง รายละเอียดของแผนการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2549 ที่ผ่านมา ว่า บริษัทได้แบ่งเจ้าหนี้ออกเป็น 8 กลุ่ม โดยกลุ่มแรก เจ้าหนี้สถาบันการเงินที่มีหลักประกัน จะได้รับชำระจำนวนเท่ากับมูลค่าของหลักประกันเท่ากับ 625,856,700 บาท
สำหรับกลุ่มที่ 2 เจ้าหนี้สถาบันการเงินที่ไม่มีประกัน จะได้รับชำระคืน 55.96% ของเงินต้น หรือเท่ากับ 1,097,048,726 บาท ส่วนเงินต้นที่เหลือจำนวน 863,440,920.17 บาท ให้ตั้งพักแขวนไว้โดยไม่คิดดอกเบี้ย และจะชำระคืนจากกระแสเงินสดส่วนเกิน (ถ้ามี) โดยเมื่อครบระยะเวลาตามแผน 8 ปี หากยังคงเหลือมูลหนี้ที่พักแขวนไว้ ไม่ได้รับชำระ ให้ถือว่าได้รับการยกเว้นทั้งจำนวนในสิ้นปีสุดท้าย (ปี 2556) ของแผนฟื้นฟูกิจการ
ทั้งนี้ การชำระคืนเงินต้นในส่วนของเจ้าหนี้กลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 ต้องจ่ายชำระให้เสร็จสิ้นภายใน 8 ปี นับจากวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน มีระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นประมาณ 1 ปี 6 เดือน โดยชำระเป็นรายไตรมาส เริ่มชำระงวดแรกในไตรมาสสามของปี 2550
ส่วนเจ้าหนี้กลุ่มที่ 3 และกลุ่มที่ 4 เจ้าหนี้การค้านั้น เจ้าหนี้ที่ยื่นขอรับชำระหนี้จะดำเนินการจ่ายให้เสร็จสิ้นภายใน 12 เดือน ขณะที่เจ้าหนี้การค้าที่ไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ จะดำเนินการจ่ายให้เสร็จสิ้นภายใน 9 ปี เจ้าหนี้กลุ่มที่ 5 ค่าจ้างพนักงานค้างจ่าย กำหนดชำระให้เสร็จสิ้นภายใน 9 ปี และเจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 ภาษีกรมสรรพากรค้างจ่าย บริษัทจะจ่ายชำระเต็มจำนวนตามคำสั่งที่สุดของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาล ภายใน 12 เดือน
เจ้าหนี้กลุ่มที่ 7 กรมศุลกากรและเจ้าหนี้ที่มีเงื่อนไขการชำระหนี้ เนื่องจากบริษัทต้องรับผิดชำระหนี้ค่าภาษีดังกล่าว หากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ยกเลิกสิทธิและประโยชน์ทางภาษี แต่ปัจจุบันบริษัทยังคงได้รับสิทธิและประโยชน์ทางภาษีจาก BOI ตามปกติ ดังนั้นบริษัทจึงไม่ต้องรับผิดชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ ในกรณีที่ต้องจ่ายชำระให้เป็นไปตามคำสั่งเป็นที่สิ้นสุดของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาล
เจ้าหนี้กลุ่มที่ 8 เจ้าหนี้ภาระค้ำประกัน ในกรณีที่ธนาคารเจ้าหนี้ ถูกเรียกร้องความเสียหายดังกล่าวจากการค้ำประกัน บริษัทจะชำระหนี้ให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ภายใน 7 วัน นับจากวันที่เจ้าหนี้มีหนังสือบอกกล่าวให้บริษัทฯ ทราบ
สำหรับการชำระคืนดอกเบี้ยค้างจ่ายนั้น ปัจจุบันบริษัทมีภาระดอกเบี้ยค้างจ่ายจำนวน 772,609,601 บาท บริษัทได้รับการยกเว้นทั้งจำนวน แต่บริษัทจะต้องชำระดอกเบี้ยให้กับเจ้าหนี้กลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 เท่านั้น โดยจะเริ่มคิดตั้งแต่วันถัดจากวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน โดยเงินต้นของเจ้าหนี้กลุ่มที่ 1 ชำระดอกเบี้ยในอัตราเอ็มแอลอาร์ ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ คือ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ขณะที่หนี้เงินต้นส่วนไม่มีหลักประกันของเจ้าหนี้กลุ่มที่ 2 กำหนดให้ชำระดอกเบี้ยในปี 2549-2550 อัตราดอกเบี้ย 2.75% ต่อปี ปี 2551-2553 อัตราดอกเบี้ย 3.20% และปี 2554 - 2556 อัตราดอกเบี้ย 5.70%
|