|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
" ไลม่า แลนด์ฯ "เครือวิจิตรา กรุ๊ป สวนกระแสตลาดบ้านหรูขนาดใหญ่ ผุดโครงการไฮเอ็นท์ "เดอะ รอยัล สามมุข" มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ระบุนักการเมือง-เศรษฐีบรูไนควักเงินซื้อหลายหลัง แจงไม่เกิน 8 เดือนปิดการขายแน่ เล็งพัฒนาเฟส 2 มูลค่าเกือบ 300 ล้านบาท หากตลาดยังเอื้ออำนวย ยอมรับที่ดินในบางแสนราคาพุ่ง แต่ภาครัฐ-สำนักงานทรัพย์สินฯครอบครองเกือบหมด เอกชนจิ๊บจ๊อย
นางสาวนวณัฐ สุขะมงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลม่า แลนด์ ลอร์ด จำกัด ในเครือวิจิตรา กรุ๊ป เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์โซนบางแสนว่า ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยระดับราคาสูงการแข่งขันไม่ค่อยรุนแรง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ผลของการสำรวจตลาดพบว่า ที่อยู่อาศัยในย่านบางแสนส่วนใหญ่จะมีขนาดที่พัก 3 ห้องนอน ซึ่งจะเป็นโครงการขนาดกลาง ราคาขายประมาณ 6-8 ล้านบาท ส่วนโครงการจัดสรรระดับล่างจะอยู่ที่ประมาณ 1.8-3 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นนักพัฒนาโครงการจากท้องถิ่นเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในบางแสนจะประกอบธุรกิจ และต้องการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ขนาด 4-6 ห้องนอน โดยเหมาะสำหรับเป็นบ้านหลังแรกของครอบครัวขยาย แต่ที่ผ่านมา ยังไม่ค่อยพบว่าจะมีโครงการที่อยู่อาศัยจะพัฒนาที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ ดังนั้น ทางบริษัทฯจึงนำความต้องการของลูกค้าในตลาด มาพัฒนาเป็นโครงการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มดังกล่าว ภายใต้ชื่อ เดอะ รอยัล สามมุข ตั้งอยู่ในบริเวณถนนบางแสน-อ่างศิลา บนพื้นที่ประมาณ 18 ไร่เศษ จำนวน 28 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ยของบ้าน 15-28 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 518 ล้านบาท
โครงการเดอะ รอยัล สามมุข มีแบบบ้านให้เลือก 5 แบบ เฉลี่ย 1 แบบต่อการสร้างที่อยู่อาศัย 7-8 ยูนิต และได้รับการสนับสนุนแหล่งสินเชื่อจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางโครงการได้เปิดขาย Pre-Sale ไปแล้ว ปรากฏว่ามีลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้ามาจองซื้อแล้ว 6 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าขาย 120 ล้านบาท เฉลี่ยอยู่ที่ 18 ล้านบาทต่อยูนิต แยกเป็นส่วนของลูกค้าในท้องถิ่น 60% และ 40% จะมาจากกรุงเทพฯและลูกค้าต่างชาติ คาดว่าภายในระยะ 8 เดือนข้างจะสามารถปิดการขายโครงการได้อย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงาน มีลูกค้าระดับวีไอพีที่อยู่ในหลากหลายอาชีพเข้ามาจับจอง อาทิเช่น นักการเมือง นักธุรกิจ และเศรษฐีจากประเทศบรูไน เป็นต้น
"เดิมที่ดินดังกล่าวทางไลม่า แลนด์ฯได้ซื้อจากบริษัทแม่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ราคาในช่วงนั้นประมาณ 4 ล้านบาทต่อไร่ แต่ปัจจุบันราคาที่ดินในบางแสนได้ขยับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 6 ล้านบาทต่อไร่ ซึ่งที่ดินดังกล่าวมีศักยภาพในการพัฒนาโครงการ เนื่องจากที่ดินในบางแสนค่อนข้างจะหาแปลงใหญ่จากเอกชนยากมาก เพราะภาครัฐและสำนักงานทรัพย์ส่วนพระมหากษัตริย์จะครอบครองเกือบหมด อาทิเช่น ตระกูลคุณปลื้ม ได้เช่าพื้นที่ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พัฒนาในรูปแบบครบวงจร "นางสาวนวณัฐกล่าวและว่า
ทางบริษัทไลม่าฯ ยังมีที่ดินสะสมอีก 10 ไร่อยู่ตรงข้ามโครงการดังกล่าว ซึ่งจะมีแนวคิดพัฒนาโครงการจัดสรรที่มีกลิ่นอายที่มีความเป็นบางแสนเช่นเดิม โดยจะนำผลตอบรับจากเฟสแรกและสภาวะของตลาดที่อยู่อาศัยมาประยุกต์ให้เข้ากับการพัฒนาในเฟสที่ 2 ซึ่งหากจะพัฒนาคาดว่ามูลค่าโครงการประมาณ 272 ล้านบาท นอกจากนี้ ในกลุ่มวิจิตรา กรุ๊ป ยังมีที่ดินสะสม(แลนด์แบงก์)ในภาคตะวันออกอีกไม่ต่ำกว่า 5,000 ไร่ โดยรอจังหวะที่ตลาดเอื้ออำนวยก่อน
" แนวทางการพัฒนาบริษัทไลม่าฯจะวางตัวเองพัฒนาโครงการขนาดเล็ก มีจำนวนยูนิตไม่มากประมาณ 20-30 ยูนิต แต่มีความหลากหลายในรูปแบบของบ้าน ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ระดับราคาค่อนข้างสูงหรือกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยม " กรรมการผู้จัดการบริษัทฯกล่าว
อนึ่ง บริษัทวิจิตรา กรุ๊ป ได้เข้ามาบุกเบิกตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดชลบุรีเป็นรายแรกประมาณปี 2538 พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ระดับราคา 3 ล้านบาท เน้นกลุ่มเป้าหมายระดับสูง จำนวน 500 ยูนิต ซึ่งได้ปิดการขายไปนานแล้วในส่วนของเมืองชลบุรี ต้องถือว่ามีความเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ผลจากการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิได้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเมืองชลบุรีและบางแสน ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจมากขึ้น หรือจะกล่าวว่าเป็นเมืองของนักธุรกิจก็ไม่ผิด ที่สำคัญเมืองชลบุรีจะมีสภาพเป็นเมืองที่ 2 รองจากกรุงเทพฯ
ม.ล.ภาวินี สันติศิริ (ศุขสวัสดิ์) กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหัสชา จำกัด กล่าวยอมรับว่า เป็นโครงการแรกที่เข้ามาออกแบบและตกแต่งภายในให้แก่โครงการ จากปกติที่จะเน้นออกแบบให้แก่เจ้าของกิจการขนาดใหญ่ เช่น ออกแบบและตกแต่งให้นายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจนำเมาของเมืองไทยและอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น โดยสาเหตุที่รับออกแบบโครงการนี้ เพราะมีความสนิทสนมกับผู้บริหารเป็นการส่วนตัว และเห็นความตั้งใจจริงในการพัฒนาโครงการระดับหรู ซึ่งในครั้งแรกตนไม่ค่อนข้างกังวลว่า บ้านราคาสูงในบางแสนจะได้รับนิยม แต่ขณะนี้โครงการมียอดขายดีเกินคาด ซึ่งบ้านแต่ละแบบที่ทำมาจะเน้นกลุ่มเป้าหมายชัดเจน สามารถเป็นที่อยู่อาศัยรองรับลูกหลานได้ถึง 3 รุ่น
|
|
|
|
|