ในขณะที่ผู้ประกอบการกำลังหาวิธีการต่างๆ ทางด้านการขายมาช่วงชิงลูกค้านั้น
บริษัท AGENCY FOR REALESTATE ซึ่งเป็นบริษัททางด้านที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับปัจจัยการเลือกซื้อบ้านของผู้ซื้อบ้านที่แท้จริงไว้
และผลก็ออกมาว่าทำเลจะมาเป็นอันดับหนึ่งในการเลือก รองลงมาก็คือราคา
สำหรับทำเลนั้นหมายถึงบริเวณที่มี "อนาคต" คือน่าจะมีโอกาส มีศักยภาพที่จะเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินในวันหน้า
ไม่ใช่หมายถึงทำเลที่ "ดี" แต่แพงมากในวันนี้เท่านั้น
ในเรื่องของราคา ต้องการบ้านที่ราคาถูก คือถูกอย่างมีเหตุผล หมายถึงการถูกในเชิงเปรียบเทียบกับโครงการอื่น
ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกว่า "คุ้ม" ที่จะลงทุนซื้อ
สำหรับปัจจัยอื่นๆ พบว่าแบบบ้าน สิ่งแวดล้อมได้รับความสนใจมากกว่าแต่ก่อนบ้าง
ซึ่งคงเป็นแนวโน้มใหม่ๆ ในตลาด
นอกจากนั้นจากการสำรวจยังพบว่า ชื่อเสียงของผู้ประกอบการมีผลน้อยมากในการตัดสินใจในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย
เพราะอาจจะมีความคิดที่ว่า ผู้ประกอบการก็คงเหมือนๆ กัน ไม่มีใครดีกว่าใคร
เด่นกว่าใครชัดเจนทีเดียวนัก ยิ่งเมื่อนำทำเลและราคามาเปรียบเทียบแล้ว ยิ่งไม่น่าจะมีรายใหญ่ใดสามารถสร้างความประทับใจจนต้องเสพเสมอเหมือนสินค้าอุปโภค
บริโภค
ส่วนการลด แลก แจก แถม จะอยู่ในใจของผู้จองบ้านน้อยลงมาอีก ซึ่งเป็นข้อค้นพบที่ดูประหลาดเพราะคนที่ซื้อจำนวนมากที่ไม่เคยเห็นโครงการมาก่อน
แต่มาซื้อที่นี่ ที่ซึ่งมีการลด แลก แจก แถมมากมาย จุดนี้ชี้ให้เห็นว่าวิธีการนี้อยู่ในต้นทุนซื้อบ้านอยู่แล้ว
แต่ที่มาซื้อก็เพราะเผื่อฟลุค ทีจะจับฉลากได้รางวัลบ้าง เพราะจองแค่ 2,000
บาท ก็ได้คูปองไว้จับฉลากแล้ว ในแง่หนึ่งก็น่าเสี่ยง และถ้าไม่ได้จริงๆ "ผ่อนถูกๆ
นานๆ" ก็เป็นข้อดีที่ทำให้ผู้ซื้อสามารถกลับตัวทัน ในยามที่ต้องการทิ้งโครงการก็ได้
ทางด้านหัวข้อของลักษณะผู้ซื้อบ้าน ทางบริษัทได้มีการวิจัยไว้ว่า คนที่ซื้อบ้านมีอายุไม่เกิน
30 ปี มีถึง 45.5% ครึ่งหนึ่งมีอายุไม่เกิน 31 ปี และอาจจะกล่าวได้ว่าผู้ซื้อบ้านเกือบทั้งหมดมีอายุระหว่าง
25.1-41.7 ปีทั้งนั้น ทางด้านสื่อโฆษณา ผลจากการวิจัยพบว่า งานมหกรรมบ้านและที่อยู่อาศัยนี้ประสบความสำเร็จทางด้านการขายเป็นอย่างมาก
เพราะ 40.6% ของผู้ซื้อบ้าน รู้จักบ้านที่ซื้อจากในงานนี้เอง
อย่างไรก็ตามจากที่เคยสำรวจจากผู้จะซื้อบ้านที่ยังไม่ได้ซื้อมักจะไข้อมูลจากหนังสือพิมพ์มากกว่า
การที่มีความแตกต่างเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า กลุ่มผู้ซื้อมีลักษณะเบี่ยงเบนบ้าง
กล่าวคือเป็นผู้ที่จะมาหาซื้อบ้านในงานในลักษณะ "SHOPPING" (คือถ้าพบสินค้าที่ถูกใจก็จะซื้อ)
เป็นจำนวนมาก
สำหรับกลุ่มที่มาชอปปิ้งนั้นมีอายุไม่มากนัก (เฉลี่ย 32.9 ปี) ขณะที่กลุ่มที่รู้จักจากหนังสือพิมพ์
วิทยุ และกลุ่มคนที่รู้จักมีอายุเฉลี่ยมากกว่าเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีนัยสำคัญ
แสดงว่าการประชาสัมพันธ์เข้าถึงคนได้ทุกระดับ และกลุ่มที่รู้จักจากที่นี่มักเป็นกลุ่มที่มีรายได้ไม่สูงนักโดยเฉลี่ย
ซึ่งอาจจะเกี่ยวเนื่องกับผู้มีรายได้ไม่สูงนักซึ่งตัดสินใจซื้อได้ง่ายกว่าผู้ที่มีรายได้สูงเพราะไม่ได้พิจารณาให้ละเอียด
กลุ่มที่ได้รับการแนะนำกันมาจากเพื่อนที่มีรายได้โดยเฉลี่ยสูงกว่า ในที่นี้ยังแสดงให้เห็นว่ากลุ่มระดับรายได้ต่างกัน
รู้ข่าวสารจากแหล่งใดมากกว่ากันด้วย
ในด้านอิทธิพลของสื่อต่างๆ อาจจะสรุปได้ว่า ข้อมูลจากงานมหกรรมบ้านและที่อยู่อาศัย
มีผลต่อโครงการในระดับราคา 0.61-0.8 ล้านบาท ในขณะที่หนังสือพิมพ์มีผลต่อการซื้อบ้านระดับราคา
0.81-1.0 ล้านบาทเป็นสำคัญ ส่วนผู้ที่ได้รับการแนะนำกันมามีตั้งแต่ระดับราคาถูกที่สุดถึงสูงที่สุด
ผู้ที่ฟังจากรายการวิทยุโทรทัศน์มักจะซื้อในระดับราคาที่ไม่สูงนัก