Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2543








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2543
ผลพวงจากยุคผู้นำเอเชียเสื่อมถอย             
 


   
search resources

International




สามปีหลังจากเกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจในเอเชีย ต้องนับว่าขณะนี้สภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงอาฟเตอร์ช็อคทางการเมืองหากพิจารณา ที่ผู้นำประเทศในภูมิภาคนี้ นักลงทุนจึงกำลังพยายามคาดการณ์ว่าความผันผวนทางการเมืองจะนำไปสู่วังวนปัญหาทางการเมืองอีกรอบหรือไม่ หรือสภาพการณ์ดังกล่าวจะเป็นบทนำไปสู่การสร้างรัฐบาล ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมกันแน่

สัญญาณต่างๆ ที่ปรากฏในช่วง ที่ผ่านมาดูไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น เริ่มตั้งแต่นายกรัฐมนตรีโยชิโร โมริ ของญี่ปุ่น ที่เพิ่งถูกสภาไดเอทลงมติไม้ไว้วางใจ ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีใหม่ แต่กระนั้น ก็คงไม่ทำให้พรรคแอลดีพี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลดำเนินการในทางปฏิรูป ที่เอาจริงเอาจังมากขึ้นกว่าเดิมมากนัก ที่อินโดนีเซีย ประธานาธิบดีอับดุลเราะห์มาน วาฮิด ก็อยู่ในสภาพซวนเซจากวิกฤตการณ์ในประเทศ และเรื่องอื้อฉาวจนมีเสียงเรียกร้องให้เขาลาออกเช่นกัน

ประธานาธิบดีเฉินซุ่ยเปียนกำลังมีปัญหาในเรื่องการระงับโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งมีข่าวว่าพัวพันกับการให้เงินช่วยเหลือประธานาธิบดี สำหรับในไทย นายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย ก็มีทีท่าว่าอาจจะไม่ชนะการเลือกตั้งในต้นปีหน้า แม้ว่าจะสร้างชื่อในแง่การไม่คอรัปชัน และนำประเทศให้ฟื้นคืนจากวิกฤตได้อย่างมากก็ตามที

สภาพการณ์ ที่ไร้ทิศทางทางการเมืองเช่นนี้ได้ขัดขวางไม่ให้ภูมิภาคเอเชียรับมือได้เต็มที่กับผลพวง ที่ยังค้างคาจากวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตธนาคาร ที่เกิดในญี่ปุ่นกำลังเกิดขึ้นเช่นกัน ที่ไต้หวัน กลุ่มบริษัท ที่มีอำนาจทางการเมืองในไทยกำลังดิ้นรนให้พ้นจากภาวะล้มละลาย และ และเข้าไปพัวพันกับเงินทุนของธนาคารโดยปฏิเสธ ที่จะชำระหนี้ ที่อินโดนีเซีย ระบอบการปกครองภายใต้การนำของวาฮิดดูเหมือนไม่สามารถขายกิจการธนาคาร ที่ยึดไว้ได้ อีกทั้งไม่สามารถทำให้กองทัพลดบทบาทลง และยิ่งไม่อาจจัดการกับปัญหากลุ่มเคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดนด้วย คำสัญญา ที่จะขายหุ้นกิจการที่รัฐถือครองอยู่ไม่ว่าจะเป็นกิจการด้านเหมืองแร่ ไปจนถึงด้านโทรคมนาคมจึงเป็นเพียงสัญญาเลื่อนลอย

ยิ่งกว่านั้น การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในประเทศหล่านี้กำลังชะลอตัวลง ในฟิลิปปินส์ ประธานาธิบดีโจเซฟ เอสตราดากำลังต่อสู้กับข้อกล่าวหาต่างๆ ขณะที่การลงทุนได้ลดลงจากระดับสูงสุด ที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 1998 มาอยู่ ที่เพียง 120 ล้านดอลลาร์ในครึ่งแรกของปีนี้ ตัวเลขดังกล่าวใกล้เคียงกับยอดการลงทุน ที่ถอนออกจากอินโดนีเซียราว 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เปรียบเทียบกับการลงทุน ที่เข้าไปในประเทศถึงกว่า 6 พันล้านดอลลาร์ในปี 1995 ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในเอเชียก็ดิ่งลงอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นในไทยอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ที่ลดลงราว 40% ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ สำหรับในไทยนั้น "ไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้ง ปัญหา ที่มีอยู่ก็จะยังแก้ไขได้ยากอยู่ดี" ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์รายหนึ่งจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็น และเสริมว่าไทยยังไม่ได้แก้ไขปัญหา ที่เป็นผลจากวิกฤตเศรษฐกิจได้เต็มที่ โดยเฉพาะในเรื่องหนี้เอ็นพีแอล และการคอรัปชัน ที่เป็นปัญหาเรื้อรัง

สายโซ่ของวิกฤตเหล่านี้ย้ำให้เห็นระบบการเมืองอันอ่อนแอ ที่นักการเมืองแนวปฏิรูปอย่างอับดุลเราะห์มาน วาฮิด และชวน หลีกภัย รับช่วงต่อมาจากผู้นำการเมืองรุ่นก่อน เอเชียยังเป็นภูมิภาค ที่พึ่งพาผู้นำ ที่เป็นตัวบุคคลอยู่มากกว่าสถาบัน และมีบ่อยครั้ง ที่ความขัดแย้งระดับบุคคลกลายมาเป็นความขัดแย้ง ที่กระทบถึงเสถียรภาพทางการเมือง

แต่กระนั้น ก็เป็นไปได้ ที่ความวุ่นวายทางการเมืองเหล่านี้จะเป็นบทนำไปสู่ยุคที่การเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น การสร้างสถาบันการเมือง ที่มั่นคงต้องอาศัยระยะเวลาเช่นกัน ผู้นำการเมืองรุ่นใหม่อย่างวาฮิด และชวนต้องต่อสู้กับกลุ่มผลประโยชน์ ที่มีอิทธิพลอีกมาก นักการเมืองทั้งสองรวมทั้งนักการเมืองแนวปฏิรูปอย่างคิม แด จุงแห่งเกาหลีจะเป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่าเอเชียต้องการการปรับโครงสร้างอย่างแท้จริง

ผู้นำอย่างคิมได้สร้างความก้าวหน้าบางประการโดยการเปิดประตูทางเศรษฐกิจ และปรับปรุงระบบการเงิน ขณะที่ประธานาธิบดีเฉินแห่งไต้หวันกำลังจัดการกับคอรัปชันอย่างถูกแนวทางอยู่ ดังนั้น ผู้นำการเมืองเหล่านี้อาจกำลังจะวางรากฐานสำหรับระบอบการเมือง ที่มีประสิทธิภาพ และแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้

แต่นักการเมืองเอเชียต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไรจึงจัดการทุกอย่างให้เข้า ที่ได้ ลองนึกสภาพการณ์ว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรปเริ่มชะลอตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปีหน้า ยอดส่งออกของเอเชีย ที่ย่ำแย่อยู่ก็จะดิ่งเหว การเติบโตระดับภูมิภาคจะหยุดชะงัก และธนาคารของเอเชีย ซึ่งไม่เคยปรับปรุงอย่างจริงจังหลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจก็จะมีสภาพย่ำแย่ลงไปกว่าเดิมอีก

เป็นการยาก ที่จะจินตนาการถึงผลพวง ที่จะเกิดขึ้นจากการนำของผู้นำเอเชียในปัจจุบัน ผู้นำทางการเมืองในเอเชียมักกล่าวถึงการสร้างสิ่งที่ดีขึ้น เพื่อประชาชนของตน แต่การณ์อาจกลับเป็นว่าประชาชนได้รับสิ่งที่แย่ลงกว่าเดิมก็ได้

เรียบเรียงจาก Business Week, 4 ธันวาคม 2543

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us