Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มิถุนายน 2537








 
นิตยสารผู้จัดการ มิถุนายน 2537
"ปัญหาของคนชื่อ "ชวน"             
 


   
www resources

โฮมเพจ มั่นคงเคหะการ

   
search resources

มั่นคงเคหะการ, บมจ.
ชวน ตั้งมติธรรม
Real Estate




วันนี้ชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริษัทมั่นคงเคหะการ มีอายุอยู่ในวัย 58 ปี เขาใช้เวลา 30 กว่าปี คลุกคลีอยู่กับวงการก่อสร้างและพัฒนาที่ดิน จนสามารถสร้างเนื้อสร้างตัว และผลักดันให้กิจการของเขา "บริษัทมั่นคงเคหะการ" ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำบริษัทหนึ่ง ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์

สามสิบหกปีของการทำงานหนัก เรียนรู้และจัดการงานทุกแง่ทุกมุมด้วยตัวเอง ซึมซับและภาคภูมิใจกับความสำเร็จของกิจการ แน่นอนว่าย่อมทำให้ชวนรักและหวงแหนมั่นคงเคหะการมากที่สุด เพราะมันคือชีวิตของเขา

ถึงแม้มั่นคงฯ ในวันนี้จะไม่อยู่ในสถานะธุรกิจส่วนตัว เพราะได้เข้ามาเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีคำต่อท้ายชื่อบริษัทว่า "มหาชน" แล้ว และแม้ว่าขนาดของกิจการ การแข่งขัน สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การบริหารงานแบบเดิมๆ ที่รวมศูนย์การจัดการทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่คนๆ เดียวเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว หากแต่ต้องอาศัยการบริหารงานอย่างมืออาชีพที่เป็นระบบแต่ชวนก็ยังไม่อาจสลัดความรู้สึกและความคิดเก่าๆ ออกไปได้

วันนี้ของชวนจึงเป็นวันที่โดดเดี่ยว อ้างว้าง เพราะแม้แต่น้องในไส้แท้ๆ ก็พากันแยกตัวออกไปสร้างอาณาจักรของตัวเอง "มืออาชีพ" ที่เคยหวังว่าจะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้มั่นคงก็ถอนตัวออกมาทีละคนสองคน จนแทบไม่เหลือ เพราระรับไม่ได้กับแนวคิดและวิธีการทำงานของชวน

ปัญหารการบริหารงานภายในบริษัทมั่นคงเคหะการเริ่มเด่นชัดตั้งแต่ประมาณปี 2532 ซึ่งเป็นช่วงยุคทองของธุรกิจที่อยู่อาศัย เพราะในช่วงเวลานั้นสถิติการลาออกของพนักงานบริษัทมีสูงมาก บริษัททางด้านเรียลเอสเตทที่เกิดใหม่หลายบริษัทได้ดึงตัวพนักงานออกไป ระบบรับคนใหม่เข้ามาแทนก็ไม่ค่อยประสบผลสำเร็จนัก

คราวนั้นคนในวงการวิเคราะห์กันว่า นอกจากจะเป็นเพราะมั่นคงฯ ให้ผลตอบแทนค่อนข้างต่ำกว่าบริษัทอื่น นอกจากนั้นระบบโครงสร้างเก่าๆ ที่ผู้บริหารสวมหมวกหลายใบโดยเฉพาะชวนที่ยึดมั่นเหนียวแน่นว่าบริษัทเป็นของตน ดังนั้นเมื่อคิดจะทำอะไรขึ้นมา ก็จะสั่งการไปเลยโดยไม่มีระบบหรือขั้นตอนใดๆ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ ขาดการประสานงานระหว่างกันและสร้างความกดดันให้กับพนักงาน

บุคคลสำคัญที่ได้ลาออกไปก่อนหน้านี้แล้วก็คือ ประทีป ตั้งมติธรรม น้องชายของชวนเอง ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้มั่นคงเติบโตขึ้นมาได้นั่นเอง การแยกออกไปสร้างอาณาจักรแห่งใหม่และกุมบังเหียนในฐานะของประธานกรรมการบริหารศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ที่กำลังมีสินทรัพย์ไล่ตามบริษัทมั่นคงอยู่ในทุกวันนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ชัดแล้วว่า การตัดสินใจครั้งนั้นของประทีปถูกต้อง

ในห้วงเวลานั้น ชวนยังเหลือประศาสน์ น้องชายคนสุดท้องที่เขาส่งเสียให้เรียนจบปริญญาเอกทางด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยฮาวาย เป็นขุนพลสำคัญทางด้านงานก่อสร้างซึ่งเป็นจุดหัวใจหลักในการทำธุรกิจทางด้านที่อยู่อาศัย โดยดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทมั่นคงการโยธา และกรรมการรองผู้จัดการบริษัทมั่นคงเคหะการ

แต่ต่อมาตัวของประศาสน์เอง กลับเป็นผู้เพิ่มรอยร้าวให้กับองค์กร แทนที่จะเป็นตัวประสานระหว่างพนักงานระดับล่างกับชวนผู้พี่ กลับทำตัวเปรียบเสมือนคลื่นใต้น้ำเพราะเขาเองก็ไม่พอใจวิธีการบริหารงานของพี่ชายเหมือนกัน

ความอดทนของพนักงานรุ่นใหม่ๆ ที่มีต่อระบบโครงสร้างเก่าๆ นี้ ถึงจุดระเบิดประมาณกลางปี 2535 พนักงานได้รวมตัวกันเพื่อขอเปลี่ยนแปลงระบบโครงสร้างการบริหารใหม่หมด

เมื่อปัญหามาถึงขั้นนี้ ชวนจึงว่าจ้างทีมงานบริษัทที่ปรึกษาบริษัทหนึ่ง เข้ามาศึกษาและเสนอแนวทางใหม่ให้กับบริษัทด้วย

ข้อสรุปในการแก้ไขก็คือ ชวนควรที่จะสลัดตำแหน่งกรรมการผู้จัดการออกไปเหลือเพียงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท คอยควบคุมงานแต่เพียงห่างๆ เท่านั้น และต้องให้อิสระกับคนทำงานมากขึ้น

นอกจากนี้นบริษัทจะต้องมีแผนงานรองรับระยะยาวและเน้นการทำงานเป็นทีมมากขึ้น

แต่ข้อสรุปและแนวทางการแก้ไขใดๆ ก็เป็นเพียงตัวหนังสือบนแผ่นกระดาษที่ไม่ได้ก่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติเลย หากตัวบุคคลที่ต้องเป็นผู้ลงมือทำนั้น ยังคงยึดมั่นถือมั่นอยู่กับความคิดเดิมๆ

ชวนเคยเปิดเผยกับ "ผู้จัดการ" ว่า ทุกวันนี้เขาก็ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายในรายละเอียดของงานมากนัก ปล่อยให้ผู้บริหารระดับรองรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ "ผมยังไม่เหนื่อย ไฟในกายยังร้อนพอที่จะคิดค้นงานใหม่ๆ ให้กับบริษัทได้เรื่อยๆ"

เมื่อชวนยังไม่เด็ดขาดออกมาว่าจะจัดการกับตัวเองอย่างไร ทีมงานที่เหลือก็ต้องกัดฟันทำงานเดินหน้ากันต่อไป และงานเร่งด่วนที่เน้นเป็นพิเศษในปีที่แล้วก็คือ การสร้างทีมงานเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อสร้างภาพพจน์ใหม่ให้บริษัท เพราะตลอดเวลาในปี 2535-2536 ภาพลักษณ์ของมั่นคงฯ ตกต่ำลงมาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความขัดแย้งในบริษัท และปัญหาความบกพร่องของการทำงาน จนทำให้ลูกบ้านในหมู่บ้านต่างๆ ของบริษัทต้องรวมตัวกันประท้วงเป็นข่าวอื้อฉาวที่มีผลในด้านลบอย่างมากต่อภาพพจน์ของบริษัท

ไกรสร มัทนพจนารถ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการตลาด คือผู้รับผิดชอบในการกู้ภาพพจน์ขององค์กร โดยเดินสายคุยกับสื่อมวลชนฉบับต่างๆ รวมทั้งจัดงานสัมมนาร่วมกับหน่วยงานต่างๆ

แต่แล้ว…เมื่อต้นปี 2537 ประศาสน์ซึ่งอยู่ในตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ ก็ได้ลาออกไปร่วมหุ้นกับกลุ่มเพื่อนฝูงโดยใช้ชื่อบริษัท บริจด์ ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนาโครงการบริดจ์ พลาซ่า ย่านวงเวียนใหญ่ ต่อมาประภาส ศุภสุวรรณกุล ผู้จัดการฝ่ายการออกแบบก็ลาออกตาม

และล่าสุดก็คือไกรสรคนที่มีหน้าที่จะต้องสร้างความเข้าใจกับสาธารณชนเกี่ยวกับข่าวคราวของมั่นคงฯ ในที่สุดก็ทนไม่ได้เหมือนคนอื่นๆ ที่ตัดสินใจไปก่อนหน้านี้แล้วหลายๆ คน

"ผมจะไปทำงานที่หนังสือพิมพ์แนวหน้า ผมให้เวลากับที่นี้มานานหวังว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่หมดหวัง" ไกรสรพูดสั้นๆ ถึงความรู้สึกของเขาที่มี่ต่อมั่นคงฯ ถ้าพูดให้ชัดๆ ก็คือความรู้สึกต่อชวนนั่นเอง

ชวนยังไม่พร้อมที่จะยกเครื่องใหญ่บริษัท และยังไม่ยอมก้าวลงจากบัลลังก์อำนาจอย่างแท้จริง ความหวงแหนในกิจการที่ตัวเองก่อตั้งมากว่า 20 ปี และนับวันเขาจะต้องโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น เมื่อคนรอบข้างที่ร่วมงานกันมาพากันโบมือลาจากไป

ดูเหมือนว่า สิ่งที่มั่นคงเคหะการจะต้องเผชิญไม่ได้มีแต่เพียงการแข่งขันในตลาด และสถานการณ์ของธุรกิจเรียลเอเสตทเท่านั้น ปัญหาใหญ่กว่านั้นคือ ตัวผู้นำเอง

"ต้นไม้ใหญ่ไม่ตายเพราะลมพัด แต่ปัญหาจะอยู่ที่หนอนเจาะและรากเน่ามากกว่า"

นี่คือข้อสรุปของบริษัทที่ปรึกษาซึ่งชวนจ้างเข้าไปศึกษาปรับปรุงโครงสร้างองค์กรเมื่อปีที่แล้ว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us