โรงพยาบาลนนทเวช ทุ่ม 200 ล้านบาท ซื้อดิน 7 ไร่ ย่านรัตนาธิเบศร์ ผุดสาขาที่ 2 หลังพบประชากรที่อาศัยอยู่เพิ่มขึ้น ภาครัฐย้ายหน่วยงานแถวแจ้งวัฒนะ ชูเป็นความเป็นพรีเมียมเจาะคนไข้กำลังซื้อสูง ปีนี้ตั้งเป้าโต 20% จากปีที่ผ่านมามีรายได้รวมกว่า 850.42 ล้านบาท

นายสิทธิศักดิ์ พฤกษ์ปิติกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนนทเวช เปิดเผยว่า ปีนี้ทางนนทเวชมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มอีก 1 แห่ง สำหรับรองรับกลุ่มลูกค้าย่านนนทบุรีและจังหวัดใกล้เคียงเช่น ปทุมธานี ที่เริ่มมีจำนวนประชากรมากขึ้น อีกทั้งสาขาเดิมนี้เริ่มมีปัญหาด้านการจราจร และที่สำคัญเพื่อเป็นการรองรับกลุ่มหน่วยงานราชการอีกหลายหน่วยงาน ที่กำลังจะย้ายมาทำงานแถวแจ้งวัฒนะ ซึ่งขณะนี้ทางโรงพยาบาลได้เตรียมการซื้อที่ดินมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท บนพื้นที่จำนวนกว่า 7 ไร่ บริเวณริมถนนรัตนาธิเบศร์ จังหวัดนนทบุรี ไว้แล้ว คาดว่าต้นปีหน้าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้

สำหรับโรงพยาบาลแห่งใหม่นั้น เบื้องต้นยังคงอยู่ในขั้นตอนของแผนการดำเนินการว่าจะออกมาในทิศทางใด แต่ทั้งนี้คาดว่า จะมีไม่ต่ำกว่า 100 เตียง รองรับกลุ่มผู้ใช้บริการในระดับพรีเมี่ยมเช่นเดียวกัน ในขณะที่ภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลยังคงความทันสมัย จะมีการนำเข้าเครื่องมือต่างๆจากต่างประเทศทั้งหมด โดยมีมูลค่าประมาณ 1 ใน 3 ของการก่อสร้างตัวอาคารและการตกแต่งทั้งหมด โดยภายในระยะเวลา 2-3 ปีจะสามารถเปิดให้บริการได้

ปัจจุบันโรงพยาบาลนนทเวช เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เปิดให้บริการมากว่า 25 ปี ขณะนี้มี 1 สาขา บนถนนงามวงค์วาน รองรับกลุ่มผู้ใช้บริการย่านนนทบุรีในระดับพรีเมี่ยม มีเตียงสำหรับผู้ป่วยใน 261 เตียง ห้องผู้ป่วยนอก 90 ห้อง และสามารถให้บริการผู้ป่วยนอกวันละ 2,000 ราย หรือคิดเป็นจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการแต่ละปีมีการเติบโตต่อเนื่อง 10% ทุกปี ซึ่งถือได้ว่าเป็นการให้บริการที่เต็มศักยภาพ

ในปีที่ผ่านมาโรงพยาบาลมีรายได้รวมกว่า 850.42 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 96.25 ล้านบาท ในขณะที่ปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตมากกว่า 20% โดยครึ่งปีที่ผ่านมาโรงพยาบาลมีรายได้ไปแล้วกว่า 476 ล้านบาท เติบโตขึ้น 16-17% และมีกำไรสุทธิ 61 ล้านบาท เทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมามีกำไรสุทธิเพียง 45 ล้านบาท

นายสิทธิศักดิ์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนนั้น มองว่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ในปีนี้ ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่น่าพอใจ ในขณะที่ทางโรงพยาบาลนนทเวชเอง ก็ได้วางเป้าหมายการเติบโตระดับเดียวกับตลาด ถึงแม้ส่วนแบ่งทางการตลาดยังมีน้อยอยู่ก็ตาม