|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นางมาลินี ทรัพย์บริบูรณ์ ผู้อำนวยการใหญ่ สายบริหารสินค้า A2 เดอะมอลล์กรุ๊ป เปิดเผยว่า จากการประเมินสภาพเศรษฐกิจในขณะนี้ รวมทั้งภาวะปัญหาทางการเมือง ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง คาดว่าจะส่งผลต่อยอดขายรวมของเดอะมอลล์กรุ๊ป ซึ่งรวมทั้งเดอะมอลล์และห้างเอ็มโพเรียม มีการเติบโตเพียงแค่เลขหลักเดียว อย่างไรก็ตาม หากรวมศูนย์การค้าสยามพารากอนเข้าไปด้วย ซึ่งเปิดบริการมาได้ประมาณ 1 ปี ก็คาดว่าจะผลักดันให้อัตราการเติบโตรายได้รวมเพิ่มเป็นเลขสองหลักได้ จากรายได้รวมปีนี้ทั้งกลุ่มรวมเดอะมอลล์ ดิเอ็มโพเรียม และสยามพารากอน จะมีประมาณ 35,000 ล้านบาท
ปัจจุบันกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงอย่างเห็นได้ชัดในระดับตลาดทั่วไป การตัดสินใจซื้อสินค้าจะมีจำนวนที่ลดลงต่อครั้ง ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายต่อบิล (รายการ) ลดลงด้วย ซึ่งจะเกิดขึ้นมากกับห้างในสาขาชานเมืองทั่วไป แต่ในสาขากลางเมืองหรือย่านธุรกิจนั้น กำลังซื้อยังลดลงไปไม่มากนัก
อีกทั้งห้างในสาขากลางเมืองของกลุ่มเดอะมอลล์นั้น ผู้บริโภคจะซื้อสินค้าผ่านบัตรเครดิตมากขึ้นในสัดส่วนประมาณ 55% และผ่านเงินสด 45% ขณะที่สาขาชานเมืองนั้นจะผ่านบัตรเครดิต 40% และผ่านเงินสด 60% ส่วนลูกค้าในสาขาชานเมืองนั้นจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 15% สาขาในเมืองจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจับจ่ายประมาณ 40% แต่โดยรวมแล้วสัดส่วนลูกค้าต่างชาติ 25% และคนไทย 75%
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มมีแผนที่จะต้องจัดโปรโมชันหรือแคมเปญใหญ่ๆ ตลอดเพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อในภาพรวม แต่แม้ว่ากำลังซื้อลดลง ผู้บริโภคก็ยังมาเดินเที่ยวและจับจ่ายซื้อสินค้าที่ห้างไม่ลดลงแต่อย่างใด เป็นแคมเปญใหญ่ๆ อย่าง ซัมเมอร์เซลส์และมิดไนต์เซลส์ที่ผ่านไปแล้ว และจะมีอีกตามมาและเร็วๆ นี้เตรียมเปิดตัวกลยุทธ์ซีอาร์เอ็มเต็มที่
ล่าสุดในส่วนของ "Shoes & Bags Salon" ซึ่งเป็นแคทิกอรี่ใหม่ที่เพิ่งเริ่มมาได้ประมาณปีเศษนั้นเป็นโซนเครื่องหนัง รองเท้า กระเป๋าสตรี ก็จะจัดรายการแคมเปญฉลองครบรอบ 1 ปี หลังจากที่ได้ปรับแผนกดังกล่าวเป็นแคทิกอรี่ใหม่ได้ประมาณ 4 สาขาแล้วคือ ดิเอ็มโพเรียม สยามพารากอน เดอะมอลล์ บางกะปิและงามวงศ์วาน ครบ 100% และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนที่เหลืออีก 4 สาขาจะเริ่มทยอยปรับปลายปีนี้คือ เดอะมอลล์สาขาท่าพระและบางแค ส่วนปีหน้าเป็นเดอะมอลล์รามคำแหงและโคราช
สำหรับ "Shoes & Bags Salon" เป็นหนึ่งในแผนงานของกลุ่มเดอะมอลล์ ที่ต้องการจะพัฒนาแต่ละแผนกที่มีศักยภาพขึ้นมาเป็นแคทิกอรี่ใหม่ๆ ซึ่งได้ทำมาแล้ว 4 กลุ่มคือ พาวเวอร์มอลล์ สปอร์ตมอลล์ บิวตี้ฮอลล์ และชูส์แอนด์แบ็กส์ซาลอน และเร็วๆ นี้จะเปิดตัวอีก 1 แคทิกอรี่ ซึ่งคาดว่าจะมีแผนกที่สามารถทำแบบนี้ได้ประมาณ 8 แผนก
ทางกลุ่มคาดว่าภายในปีนี้ ผลประกอบการของแคทิกอรี่ดังกล่าวคือ "Shoes & Bags Salon" จะมีรายได้รวมประมาณ 1,300 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วประมาณ 33% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากเดิมเมื่อช่วงต้นปีที่คาดว่าจะเติบโตเพียง 22% เนื่องจากแผนการทำตลาดและการนำเสนอสินค้าใหม่เข้ามาสู่ตลาดมากขึ้น
ปัจจุบันมีสินค้าที่เป็นแบรนด์เนม 90 กว่าแบรนด์ โดยเป็นแบรนด์ประเภทกระเป๋ากว่า 35 แบรนด์ และแบรนด์รองเท้ากว่า 50 แบรนด์ นอกจากนั้นจะเป็นแบรนด์ที่เอ็กซ์คลูซีฟวางจำหน่ายที่แผนกนี้ที่เดียวกว่า 20 แบรนด์ ซึ่งในแต่ละปีก็จะมีแบรนด์ใหม่ๆ ที่อินเทรนด์เข้ามาจำหน่ายเพิ่มขึ้นหมุนเวียนสลับกับแบรนด์เดิม มากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละสาขาที่มีขนาดพื้นที่และความเหมาะสมต่างกัน
สำหรับสัดส่วนยอดขายของแผนกแฟชั่นต่างๆ นั้นมีดังนี้ บิวตี้ฮอลล์ 10% เสื้อผ้าแฟชั่นสตรี 7% ชูส์แอนด์แบ็กส์ซาลอน 5% ชุดชั้นใน 5% เครื่องประดับ 2% จากรายได้รวมที่ 35,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นกลุ่มอื่นๆ
ส่วนงานครบรอบ 1 ปี ของ Shoes & Bags Salon จะจัดตั้งแต่วันที่ 7-21 กันยายนศกนี้ ที่เดอะมอลล์ทุกสาขา ดิเอ็มโพเรียม และสยามพารากอน เมื่อซื้อสินค้าจะได้รับส่วนลด 10-20% ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ และสินค้าเฉพาะรุ่นลด 30-70% นอกจากนั้นยังมีสิทธิพิเศษและโปรโมชั่นอื่นอีกมาก คาดว่าแคมเปญนี้จะทำยอดขายได้ 50 กว่าล้านบาท
|
|
|
|
|