|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นายรังสรรค์ หวังไพฑูรย์ กรรมการผู้จัดการบริษัทบัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทบัวทองเตรียมออกแคมเปญใหม่ "ชัวร์โฮม" เพื่อเป็นการการันตีการบริหารงานขายให้แก่ผู้ประกอบการว่า หากโครงการที่บริษัทรับบริหารงานขายและการตลาดให้จะต้องประสบความสำเร็จ และสำหรับผู้ซื้อบ้านเอง จะได้บ้านที่มีคุณภาพอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ บริษัทจะปรับรูปแบบการบริหารงานขายใหม่ โดยจากเดิมจะมี 2 รูปแบบคือ การบริหารงานขายและการตลาด คิดค่าบริหารประมาณ 5-6% รูปแบบที่ 2 เป็นการบริหารงานขายเพียงอย่างเดียว คิดค่าบริหารประมาณ 3% แต่ที่ผ่านมาบริษัทประสบปัญหาและข้อยุ่งยากในการทำการตลาด หากผู้ประกอบการเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องงบประมาณค่าใช้จ่าย จะทำให้ผู้ประกอบการไม่กล้าลงทุนเพิ่ม หรือมีแนวคิดการทำตลาดที่แตกต่างกัน
ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว บริษัทจึงได้ตัดปัญหาด้วยการรับบริหารงานขายและการตลาดเพียงอย่างเดียว เพื่อจะได้วางแผนการตลาดได้อย่างถูกต้องและกล้าที่จะลงทุนในการทำการตลาด เพราะในส่วนนี้บริษัทจะเป็นผู้ลงทุนเอง ซึ่งผู้ขายจะเข้าใจการตลาดได้ดีกว่า
นอกจากนี้ บริษัทยังจะตรวจสอบโครงการที่เข้าไปรับบริหารงานขายให้ละเอียดมากขึ้น ทั้งในเรื่องของราคา, สินค้า, ทำเลที่ตั้ง และเงินทุนของผู้ประกอบการว่า จะสามารถสร้างโครงการจนแล้วเสร็จโดยไม่ส่งผลต่อผู้ซื้อบ้านแล้วไม่ได้บ้าน หรือได้บ้านไม่มีคุภาพภายใต้การบริหารงานขายของบริษัท และถือเป็นการสร้างชื่อเสียงให้แก่บริษัทได้อีกทางหนึ่ง
"บริษัทบัวทองฯ ต้องเข้มกับโครงการที่ไม่ได้คุณภาพออกไป เดือนที่แล้ว 1-2 ราย และเริ่มคุยกับลูกค้าไปบ้างแล้วว่าเราจะรับบริหารให้ทั้งการขายและการตลาด ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็ยอมรับได้ แต่ในบริษัทขนาดใหญ่หรือที่เป็นมืออาชีพอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องการมาเสียในส่วนของค่าการตลาดเพิ่มให้เรา ตรงนี้ก็ไม่เป็นไร บางรายที่ไม่มีงบตรงนี้ไว้ก็ถูกตัดออกไป" นายรังสรรค์กล่าว
นายรังสรรค์ กล่าวอีกว่า บริษัทได้เข้าไปทำความเข้าใจกับผู้บริหารของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ซึ่งลูกค้าสินเชื่อของธนาคารถือเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยปัจจุบันมีประมาณ 10-15% โดยบริษัทได้ชี้แจงถึงแนวทางการบริหารการขายและการตลาด เนื่องจากที่ผ่านมามีความเข้าใจผิดในหลายเรื่องโดยเฉพาะโครงการที่ไม่ประสบผลสำเร็จ ซึ่งผู้ประกอบการมักโทษว่าเป็นความผิดจากผู้ขาย แต่บางโครงการไม่มีศักยภาพ และคุณภาพทำให้ขายไม่ได้ ซึ่งการพูดคุยดังกล่าวลงลึกไปถึงรายโครงการ ซึ่งผู้บริหารธนาคารฯได้รับทราบแล้ว
"ที่ผ่านมาผู้ประกอบการพูดอย่าง เราพูดอย่างแบงก์ก็ไม่เข้าใจเรา แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าแบงก์ให้เข้าไปร่วมวางแผนและใส่เงินค่าการตลาดหรือเงินลงทุนเพิ่มเพื่อพัฒนาสินค้าหรือแก้ไขจุดบกพร่องของโครงการให้สามารถขายออกไปได้ และตอนนี้ก็กลายเป็น 3 ปาร์ตี้ คือ ผู้ประกอบการ ธนาคาร และผู้บริหารงานขายต้องร่วมกันวางแผนเพื่อให้โครงการประสบความสำเร็จ" นายรังสรรค์กล่าว
สำหรับผลประกอบของกลุ่มบริษัทในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา มียอดขาย 1,700 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าช่วงเดี่ยวกันของปี 2548 ประมาณ 10% โดยมียอดขาย 1,900 ล้านบาท อย่างไรก็ตามยอดขายดังกล่าวถือว่าไม่เลวร้ายนักเมื่อเทียบกับสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา พบว่าผู้ประกอบการจำนวนมาก ได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับกลาง-ล่างมากขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งแม้จะเป็นกลุ่มฐานลูกค้าขนาดใหญ่ที่สุด แต่หากสินค้าที่ออกสู่ตลาดมีปริมาณมากก็อาจทำให้น่าวิตก ซึ่งควรต้องระมัดระวังในเรื่องนี้
|
|
|
|
|