Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มิถุนายน 2537








 
นิตยสารผู้จัดการ มิถุนายน 2537
"ชาร์เตอร์โฮลดิ้ง ซื้อลูกเดียว"             
 


   
search resources

ชาร์เตอร์โฮลดิ้ง
สตีเวน เซีย
Real Estate




แล้วก็ถึงเทศกาลซื้อของถูกอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคราวนี้คือรอบของการขายอาคารสูงโดยเฉพาะอาคารสำนักงาน ที่เกิดขึ้นจนเกินความต้องการเพราะแห่สร้างกันจนพื้นที่เหลือมากเกินไป

ชาร์เตอร์โฮลดิ้ง จึงถูกก่อตั้งมา โดยเป็นที่รวมของนักธุรกิจฮ่องกง มาเลเซีย และไทย ที่เพิ่งขอจดทะเบียนเป็นบริษัทเมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ที่รับหน้าที่ดำเนินงานให้กับชาร์เตอร์โฮลดิ้งคือ ชายหนุ่มวัย 30 เศษ จากมาเลเซีย ที่ชื่อว่า "สตีเวน เซีย"

สตีเวน เซีย ในขณะนี้คือประธานของบริษัทซีเฟรชอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และเขาคือผู้ถือหุ้นใหญ่ในชาร์เตอร์โฮลดิ้งด้วยเช่นกัน

สตีเวนสามารถพูดไทยได้ชัดเจน แม้จะมีสำเนียงเพี้ยนบ้างเล็กน้อย แต่ก็สื่อสารกันได้อย่างสบาย รวมไปถึงการอ่านหนังสือไทย เขาก็อ่านได้สะกดถูก เพราะใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยมานานกว่า 20 ปีแล้ว

สตีเวนไม่ค่อยพูดถึงภูมิหลังในมาเลเซียมากนัก โดยบอกเพียงว่าเขาเรียนจบมาจากมาเลเซีย แต่ไม่ได้เป็นวุฒิการศึกษาที่จะช่วยให้เขาสามารถหางานดีๆ ทำได้แต่อย่างใด จึงเข้ามาในไทยโดยปักหลักอยู่ที่ชุมพร ในอาชีพตังเกเรือหาปลา

"ผมเป็นลูกทะเล" สตีเวนยืนยันและกล่าวถึงอย่างภาคภูมิใจ

ถ้าเขายังทำงานเพียงแห่งเดียวคือซีเฟรช ก็อาจจะไม่เป็นที่รู้จักเท่าใดนัก แต่เมื่อมาถึงชาร์เตอร์โฮลดิ้ง จึงเป็นงานที่ทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น

ชาร์เตอร์โฮลดิ้ง มีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งคือ เป็นบริษัทที่ลงทุนในธุรกิจสาขาต่างๆ ที่เหมาะสมกับการลงทุนในช่วงนั้นๆ ไม่ได้จำกัดเฉพาะธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง และรวมไปถึงการหาผู้ร่วมทุนในกรณีที่ต้องร่วมทุน กลุ่มนี้ก็พร้อมที่จะลงขันด้วยเช่นกัน

สตีเวน ไม่ยอมเปิดเผยถึงผู้ร่วมทุนของกลุ่มชาร์เตอร์โฮลดิ้ง บอกเพียงแต่ว่ามีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท และนโยบายของกลุ่มที่ยึดมั่นมากที่สุดคือ จะเป็นผู้ลงทุนที่อนุรักษ์นิยมมากที่สุด คือจะทำแต่โครงการที่ได้รับผลตอบแทนที่ดีที่สุดเท่านั้น

ผลงานชิ้นแรกที่ชาร์เตอร์โฮลดิ้งในประเทศไทยคือการซื้ออาคารเอทีเอ็ม ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นอาคารสูง 31 ชั้น 1 อาคารบนถนนสาธร มีพื้นที่ใช้สอยทั้งสิ้น 35,000 ตารางเมตร โครงสร้างประกอบด้วยโครงเหล็กซึ่งใช้กับอาคารสูงในย่านธุรกิจกลางเมืองใหญ่ของโลกในต่างประเทศ และนับเป็นอาคารสูงแห่งแรกของไทยที่นำระบบเทคนิคมาใช้กับงานโรงสร้างเหล็ก เพื่อป้องกันอัคคีภัยและแผ่นดินไหว

เจ้าของอาคารหลังนี้คือ ปาล ศรีคุรุวาล เจ้าของห้างสรรสินค้าเอทีเอ็ม ที่พาหุรัด โดยขายให้ในราคาเกือบๆ 2,000 ล้านบาท และจ่ายเงินทองกันไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเงินที่นำมาจ่ายนี้ทางชาร์เตอร์โฮลดิ้งควักมาจ่าย 50% ส่วนที่เหลือเป็นเงินกู้จากต่างประเทศ

เมื่อเปลี่ยนเจ้าของกรรมสิทธิ์ ชื่อเสียงเรียงนามของตึกก็ต้องเปลี่ยนไอด้วย จากเอทีเอ็ม ทาวเวอร์ มาเป็น ชาร์เตอร์สแควร์ทันที โดยวางแผนไว้ว่าในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะเปิดดำเนินงานได้ และคาดว่าใน 1-3 ปีแรกจะมีผู้เช่าพื้นที่ในอัตรา 90% โดยมีราคาเช่าอยู่ที่ 450-500 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ผู้ที่ทำหน้าที่หาลูกค้าให้คือ บริษัทริชาร์ด เอลลิส ซึ่งเป็นตัวกลางในการซื้อขายครั้งนี้ด้วย

"ราคาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยขณะนี้ถูกมาก ยิ่งเมื่อเทียบกับประเทศใกล้เคียงแล้ว ยิ่งน่าซื้อมากขึ้น อย่างเอทีเอ็ม ทาวเวอร์ก็เหมือนกัน ผมว่าซื้อมาถูกมาก และผมยืนยันว่าไม่ได้ซื้อมาเพื่อขายต่อ แต่เป็นการลงทุนระยะยาวของบริษัท" สตีเวนกล่าว

นี่คือสาเหตุที่ชาร์เตอร์โฮลดิ้งเข้ามาซื้ออาคารที่กำลังจะก่อสร้างเสร็จเป็นทรัพย์สินของบริษัท

สตีเวนเพิ่มเติมว่า บริษัทไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลงมาซื้อที่ดินเอง พัฒนาเอง เพราะไม่เหมาะสมและช้าเสียเวลามาก อีกทั้งชาร์เตอร์โฮลดิ้งคือบริษัทลงทุนไม่ใช่พัฒนาที่ดิน และการซื้อครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งเดียวและตึกเดียวของบริษัทก็ได้ เพราะอีกไม่นานนี้บริษัทจะลงทุนในด้านอุตสาหกรรมอีกประเภทหนึ่ง

"ขณะนี้มีกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศให้ความสนใจในการเข้ามาซื้ออาคารที่กำลังก่อสร้างหลายแห่ง หลังจากที่ดูท่าทีมานาน เวลานี้คือช่วงที่เหมาะสมที่สุด" ผู้บริหารชาร์เตอร์โฮลดิ้งเปิดเผย

สัญญาณการเทกโอเวอร์ตึกเริ่มดังขึ้นแล้ว หลังจากที่เงียบหายไปเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา นักซื้อต่างชาติพร้อมแล้วที่จะเข้ามาลุยเก็บของถูก

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us