ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ เลื่อนออกสินค้าใหม่ เหตุ การเมือง-เศรษฐกิจไม่ดี ผู้บริหารแจง กำไรสุทธิปีนี้ต่ำกว่าปี 48 หลังแข่งขันราคา–ต้นทุนเพิ่ม เล็งขยายตลาดไปจีน เผยอยู่ระหว่างเจรจาหวังกระตุ้นยอดขายต่างประเทศมากขึ้น มั่นใจรายได้ปีนี้เป็นไปตามเป้าที่ 3.3 พันล้านบาท

นายวีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ BAT-3K เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการชะลอการออกสินค้าใหม่ คือ แบตเตอรี่สำรองไฟฟ้าขนาดใหญ่สำหรับโรงงานและโรงแรม เนื่องจากปัญหาการเมืองในประเทศและภาวะเศรษฐกิจไม่ดี โดยขณะนี้บริษัทมีความพร้อมในการจำหน่ายสินค้าดังกล่าว ประกอลกับบริษัทแรกที่สามารถผลิตเครื่องสำรองไฟฟ้า เพราะเครื่องสำรองไฟฟ้าที่มีการใช้ในปัจจุบันจะนำเข้าจากต่างประเทศ

นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดส่งออกไปประเทศจีน เพราะอุตสาหกรรมรถยนต์ในจีนมีการเติบโตเพิ่มขึ้นสูงกว่า 80%ต่อปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาหาพันธมิตรที่มีศักยภาพในการประกอบธุรกิจ เนื่องจากประเทศจีนยังคงมีปัญหาในเรื่องของค่าเงินที่มีการตั้งกำแพงทางภาษี ประกอบกับราคาวัตถุดิบในประเทศจีนมีราคาที่สูงมาก

ทั้งนี้ บริษัทจะคัดเลือกพันธมิตรที่ดีในการนำสินค้าไปจำหน่าย ดังนั้นบริษัทจึงไม่อยากที่จะเร่งนำสินค้าไปขายที่ประเทศจีน รวมถึงยังไม่มีแผนที่จะขยายตลาดไปประเทศอื่นๆเพิ่มขึ้น เพราะภาวะเศรษฐกิจโลกยังมีการชะลอตัว แต่จะใช้กลยุทธ์ในการเพิ่มมาร์เกตแชร์ในการจำหน่ายสินค้าในประเทศที่บริษัทได้มีการส่งสินค้าไปจำหน่ายแล้วให้มากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทส่งสินค้าไปขายกว่า 50 ประเทศทั่วโลก

นายวีรวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับกำไรสุทธิปี49 ของบริษัทคาดว่าจะปรับตัวลดลงกว่าปี48 ที่มีกำไรสุทธิ 193.43 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกมีการชะลอตัว ราคาวัตถุดิบได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอีก ประกอบกับค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการแข่งขันด้านราคาขายในแบตเตอรี่รถยนต์โดยเชื่อว่าการแข่งขันราคาจะจบในไตรมาส3ปีนี้ เพราะผู้ประกอบการทุกรายมีผลกำไรลดลงมาก

ทั้งนี้ บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้รวมปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดว่าจะโตไม่กว่า 10% หรือมีรายได้กว่า 3,300 ล้านบาท เนื่องจากการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการขยายจำนวนตัวแทนจำหน่ายซึ่งขณะนี้มีประมาณ 500 ราย และบริษัทมีการเปิดร้าน 3K Shop ซึ่งคาดว่าสิ้นปีจะมี 150 ร้าน จากปัจจุบันที่มี 110 ร้าน และการที่บริษัทมีสินค้าที่หลากหลาย ซึ่งบริษัทจะมีการเน้นลูกค้าในระดับล่างมากขึ้นรวมถึงการจัดโปรโมชั่นต่างๆเพื่อส่งเสริมการขาย

“แม้กำไรปีนี้ของบริษัทจะปรับตัวลดลงกว่าปี48 เนื่องจากได้รับผลกระทบหลายด้านแต่บริษัทพยายามที่จะมีการลดต้นทุนการดำเนินงานให้มากที่สุด แต่ยังมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ที่กว่า 3,300 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทยังขยายตลาดอย่างต่อเนื่องโดยครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้ 1,761 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 72 ล้านบาท ”นายวีรวัฒน์กล่าว