PATKL คาดครึ่งปีหลังโกยรายได้ 1.9 พันล้านบาทสูงจากครึ่งปีแรกที่ทำไว้ 1.6 พันล้านบาท หลังเดินหน้าลุยสร้างโรงงานเอทานอลพร้อมเข้าประมูลเพิ่มคาดได้อีก 3-4 โครงการ หลังปี 50 คาดโกยรายได้จากธุรกิจนี้ปีละ 1 พันล้านบาท พร้อมเบรกแผนเพิ่มทุน เนื่องจากสามารถเบิกเงินล่วงหน้ามาดำเนินการได้ และยังมีสถาบันการเงินสนับสนุน เผยปัจจุบันมีงานในมือมูลค่า 2,256 ล้านบาท

นายปิยะ จงวัฒนา ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พัฒน์กล จำกัด (มหาชน) (PATKL) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 20% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 2.7 พันล้านบาท เนื่องจากมีการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจทั้งเครื่องทำน้ำแข็งและเครื่องทำความเย็น เครื่องจักรผลิตอาหารรวมถึงการรุกพลังงานทดแทนในการก่อสร้างโรงงานเอทานอลแบบครบวงจร (Turn Key Project) อีกทั้งการขยายตลาดส่งออกต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะแถบเอเชีย-แปซิฟิคก็ยิ่งทำให้รายได้ขยายตัวชัดเจน

" ส่วนรายได้ครึ่งปีหลังคาดจะเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยรายได้จะอยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกที่มีรายได้เพียง 1.6 พันล้านบาท เนื่องจากได้ในส่วนก่อสร้างโรงงานเอทานอลเข้ามาหนุนซึ่งวางเป้ามีรายได้จากโครงการเอทานอลให้ได้ปีละ 1 พันล้านบาทนับจากปีหน้าเป็นต้นไป " นายปิยะ กล่าว

สำหรับครึ่งปีหลังนี้เตรียมเข้าประมูลการก่อสร้างโรงงานเอทานอล 5-6 โครงการ ซึ่งจากศักยภาพในการเป็นผู้ดำเนินงานก่อสร้างโรงงานเอทานอลรายแรกในประเทศไทย บริษัทจึงคาดว่าจะได้งานประมาณ 3-4 โครงการ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานในมือมูลค่า 2,256 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงานจากธุรกิจหลัก 1,756 ล้านบาท และธุรกิจด้านเอทานอล 500 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 20%

อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทฯจะมีแผนการลงทุนในอนาคตหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างโรงงานเอทานอล ซึ่งเรื่องเงินทุนไม่มีปัญหา เนื่องจากโครงการเอทานอลดังกล่าวสามารถเบิกงวดล่วงหน้า เพื่อนำมาดำเนินการได้ขณะเดียวกันมีสถาบันการเงินให้การสนับสนุนในเรื่องแหล่งเงินทุนจึงไม่จำเป็นจะต้องเพิ่มทุนแต่อย่างใด แม้ว่าก่อนหน้านี้ผู้ถือหุ้นจะมีมติอนุมัติหุ้นเพิ่มทุน 28.5 ล้านหุ้นแล้วก็ตาม

นายปิยะกล่าวถึงแผนจะสร้างโรงงานโครงการที่ 2 ของ บริษัท พัฒน์กล แมนนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เพื่อรองรับคำสั่งผลิตเพิ่มมากขึ้นซึ่งโรงงานดังกล่าวมีขนาด 5.6 พันตารางเมตร และผลิตสินค้าประเภทถังสเตนเลส งานอาหาร หอกลั่นเอทานอลและอุปกรณ์ในโรงงานผลิตเอทานอล โดยใช้งบลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท และคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ ได้ในเดือนกันยายนนี้ และแม้ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้น แต่บริษัทก็ปรับราคาเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้นได้ ดังนั้นจึงไม่ส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัท