Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2537








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2537
"ปลาดิบในดงโคเคน"             
 


   
search resources

เวลคัม
ฮิโรอะกิ โคโกะ




ก่อนที่ ฮิโรอะกิ โคโกะ จะออกจากบ้านเกิดที่หมู่บ้านชิโมโนเซกิ เมืองฮิโรชิมา เขาบอกกับพ่อแม่ว่าจะไปแสวงโชคที่เมืองโบโกต้า ในอเมริกา แต่ไม่ยอมพูดชัด ๆ ว่า โบโกตาเป็นเมืองหลวงของโคลัมเบีย เป็นเมืองที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล อยู่ที่ระดับเหนือน้ำทะเล 2,640 เมตร ทางฝั่งคอร์ดิเลราตะวันออกของเทือกเขาแอนเดส ในทวีปอเมริกาใต้ไม่ใช่สหรัฐอเมริกา ตามที่พ่อแม่เขาเข้าใจ

"ผมเพียงต้องการท่องเที่ยว และอยากผจญภัยเหมือนกับเด็กหนุ่มญี่ปุ่นทั่วไปที่รู้สึกว่า ไม่ว่าจะเป็นประเทศใดก็สามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับพวกเราได้เสมอ" โคกะ เล่าความรู้สึกช่วงปี 1986

โคกะมาอยู่ที่โคลัมเบียเมื่ออายุ 21 ปี ในตอนนั้นเขามีสิ่งติดตัวอยู่สามอย่าง คือเงิน 2,500 ดอลล่าร์ ฝีมือการทำ "SUSHI" และความรู้เกี่ยวกับประเทศที่เขามาอยู่ว่า มีสินค้าส่งออกขึ้นชื่อสองชนิดได้แก่ ยาเสพติดและกาแฟรสดี

โคกะเริ่มทำงานด้วยการเป็นพ่อครัวให้กับร้านบะหมี่ญี่ปุ่นเล็ก ๆ มอซอแห่งหนึ่งเป็นเวลา 4 ปี หลังจากนั้นเขาชักชวนเพื่อนญี่ปุ่นคนหนึ่งมาร่วมลงทุนเปิดร้านอาหาร "ซูชิ" ในเขต "โซนา โรซา" ซึ่งเป็นย่านการค้าของเมือง

ร้านอาหารแห่งนี้ซึ่งใช้ชื่อว่า "เวลคัม" ใช้เงินทุนครั้งแรก 10,000 ดอลล่าร์ มีรายการอาหารขึ้นชื่อของญี่ปุ่นคือ ข้าวปั้นหน้าปลาหมึกดิบ ปลาซัลมอน และปลาทูน่าดิบ นอกจากนี้แล้วยังมี "ข้าวห่อสาหร่าย" ที่ใส่เนื้อปู อาโวคาโด แตงกวา สอดรวมอยู่กับข้าวสุก ที่จะถูกนำมาห่อหุ้มด้วยสาหร่ายอีกชั้นหนึ่ง

โคกะต้องประสบกับปัญหาของการทำอาหารญี่ปุ่นที่ได้รสอาหารญี่ปุ่นแท้ ๆ ในประเทศที่มีพืชผลจำพวกมันฝรั่ง ถั่ว กล้วย มันสำปะหลังและอาหารพื้นเมือง "AJIACO" เป็นซุปที่ทำด้วยหัวใจไก่และผัก นอกจากนี้แล้วข้าวที่ปลูกที่นี่ขาดคุณสมบัติในด้านความเหนียว ต่างกับพันธุ์ที่ปลูกในญี่ปุ่น ซึ่งจะเหมาะในการทำข้าวห่อสาหร่าย

การหาซื้ออาหารทะเลสดก็เป็นเรื่องยุ่งยากมาก ท่าเรือที่อยู่ใกล้ที่สุดคือ BUENAVENTURA ซึ่งตรงข้ามภูเขาไปอีกสองลูก ใช้เวลาเดินทาง 7 ชั่วโมง หรือคิดเป็นระยะทาง 540 กิโลเมตรจากเมืองโบโกต้า

โคกะแก้ปัญหาด้วยการซื้ออาหารทะเลที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีสินค้าเข้าที่แพงลิบลิ่ว เขาจึงหันไปซื้อกับตลาดมืด ผู้ค้าของหนีภาษีเหล่านี้ทำงานที่สายการบินประจำชาติ AVIANCA พวกเขามีแหล่งติดต่อซื้อและลอบนำเข้าสาหร่ายทะเลและวาซาบิ (ผงปรุงรสสำหรับซูชิ) ส่วนสินค้าอื่น ๆ หาซื้อได้จากอดีตเจ้าพนักงานศุลกากรในโคลัมเบีย

"วิธีการดีที่สุดที่จะได้ของมาคือการซื้อผ่านคู่ค้าของหนีภาษี พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีของผม ที่นำอาหารเหล่านี้มาจากแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ค" โคกะเล่าสภาพตอนเริ่มต้นทำร้านอาหาร

สิ่งที่ท้ายทายโคกะมากที่สุดในตอนนั้น คือทำอย่างไรให้ร้านอาหารอยู่รอดได้ในสภาวการณ์ของบ้านเมืองที่ "ความปลอดภัยมั่นคงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด" ในขณะนั้นรัฐบาลโคลัมเบียประกาศสงครามกับผู้ค้ายาเสพติดโคเคนระดับโลกในโคลัมเบีย

ต้นโคคาเป็นพืชเสพติดที่นำมาสกัดเป็นผงโคเคนมีการลักลอบปลูกต้นไม้ชนิดนี้อย่างมาก จนเรียกได้ว่าครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ และเป็นต้นเหตุสำคัญของปัญหาอาชญากรรมและการคอร์รัปชั่นทั้งในประเทศและนานาชาติ

ธนาคารแห่งชาติโคลัมเบียได้ประมาณการไว้ว่าโคลัมเบียมีรายได้จากการค้าโคเคนถึงปีละ 3,000 ล้านดอลล่าร์ต่อปี

ในปี 1989 หลังจากที่ร้านเวลคัมของโคกะเปิดได้ไม่นาน แก๊งค้ายาเสพย์ติดของโคลัมเบียก็ทำการตอบโต้การปราบปรามของรัฐบาล ด้วยการลอบวางระเบิดทั่วโบโกตา ทำให้ชาวเมืองตกอยู่ในความหวาดกลัว ธุรกิจซบเซา บรรดาเจ้าของร้านค้าและร้านอาหารต้องใช้เทปมาปิดกระจกหน้าต่างเป็นรูปตัว "X" เพื่อป้องกันไม่ให้กระจกแตก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ชาวเมืองโบโกตาอุ่นใจพอที่จะมานั่งกินอาหารในร้านเหมือนเดิมได้ ตรงกันข้าม โคกะพบว่า ผู้ที่มักจะมาเยือนร้านเวลคัมของเขาคือเด็ก ๆ ข้างถนนที่เข้ามาขอทาน

สิ่งที่ท้าทายอันดับต่อมาของโคกะ คือการชักจูงให้ชาวโคลัมเบียลองชิมซูชิ

"พวกเราไม่รู้จะจัดการปลาดิบอย่างไร" มานูแอล เทโอโดโรผู้ดำเนินรายการทีวีโด่งดังของโทรทัศน์โบโกต้า ซึ่งเกิดและเติบโตที่ฟิลิปปินส์พูดปนเสียงหัวเราะ "เวลาเราดื่มเหล้าสาเกเราจะคิดว่าเป็นเตกิล่า และพวกเราจะรู้สึกอึดอัดไม่ถนัดที่ต้องใช้ตะเกียบคีบอาหาร ซึ่งมักจะหลุดลอยอยู่กลางอากาศเสมอ"

เพื่อเป็นการโปรโมตอาหารญี่ปุ่น โคกะจัดเทศกาลซูชิประจำปีขึ้น โดยคิดราคาอาหารเพียงครึ่งเดียวจากราคาเต็มของทุกรายการ นอกจากนี้แล้วเขาโฆษณาร้านอาหารของเขาด้วยการเปิดชั้นเรียนการทำอาหารญี่ปุ่นให้กับสาวสังคมและแม่บ้าน ในขณะเดียวกัน เขาทำตัวฟู่ฟ่ามากขึ้นด้วยการเรียนภาษาสเปนิชจนพูดได้คล่อง เล่นดนตรีลาติน SALSA เป็นดนตรีที่นิยมกันมากมีท่วงทำนองของเพลงบลูส์ แจสและร็อค ผสมผสานกัน) ในร้านอาหารของเขารวมทั้งเต้นระบำแคริบเบียนซึ่งเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ชาวโบโกต้า

ความพยายามของเขาอาจจะสูญเปล่า หากสงครามยาเสพติดไม่จบสิ้นลง ในปี 1993 เมื่อเจ้าพ่อยาเสพติด "พาโบล เอสโคบาร์" ถูกตำรวจยิงตายประกอบกับโคลัมเบียเปิดประตูการค้ากับตะวันตกภายใต้นโยบายชื่อว่า APERATURA ซึ่งทำให้เกิดเป็นจริงขึ้นโดยประธานาธิบดี ซีซาร์ กาวิเรียร์ในเวลาไม่นานหลังจากที่ได้รับเลือกตั้งเมื่อปี 1990 จนทำให้เกิดการค้าเสรีระหว่างประเทศและการลดกำแพงภาษี

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็นข่าวดีสำหรับโคกะทำให้เขาซื้อสินค้านำเข้าในราคาถูกลง และมีสินค้าพื้นเมืองคุณภาพดีให้เขาเลือกซื้อได้มากขึ้น

"ในขณะนี้ผมสามารถหาซื้อของทุกอย่างที่ผมต้องการได้ในสโตร์ ผมสามารถซื้อข้าวในราคาเพียง 1 ใน 3 ที่ผมเคยต้องจ่ายเมื่อ 5 ปีที่แล้ว" โคกะเล่าด้วยดวงตาส่งประกาย

ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะนี้โคกะไม่จำเป็นต้องหาซื้อของหนีภาษีอีกแล้ว

"เดี๋ยวนี้คนที่เคยค้าของหนีภาษี มีใบอนุญาตนำสินค้าเข้าถูกต้องตามกฎหมาย ผมไม่จำเป็นต้องซื้อของในตลาดมืดอีกต่อไป" โคกะกล่าว

ทุกวันนี้ธุรกิจของโคกะกำลังบูมมาก เขาเปิดสาขาที่สองเมื่อปี 1991 เขาใช้เงิน 30% จากกำไรสุทธิมาใช้ในการดำเนินการ มีพนักงานทั้งหมด 15 คน และปีที่แล้วมีรายได้ถึง 672,000 ดอลล่าร์ ตอนนี้เขาคิดจะเปิดร้านที่ 3 และเปิดตลาดตามแบบฉบับดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น ในย่านการค้าของเมือง CALI ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากโบโกต้า 300 กิโลเมตร

ถึงแม้ว่าโคกะจะประสบความสำเร็จในธุรกิจ แต่เขาก็อยากให้นักธุรกิจชาวเอเชียคิดให้ดีก่อนที่จะมาลงทุนในประเทศนี้ เพราะค่าครองชีพอาจจะสูง อย่างไม่น่าเชื่อสำหรับประเทศที่อาจเกิดเหตุการณ์รุนแรงได้ตลอดเวลา

จากการคำนวณแบบคร่าว ๆ มีคนตายนับพัน ๆ คนตั้งแต่ปี 1990 อันเนื่องมาจากการปราบปรามยาเสพติด สำหรับโคกะ เขาอาศัยอยู่ในอพาร์เมนต์ที่มียามติดอาวุธคอยรักษาความปลอดภัยให้ และเขาจะไม่ขับรถเองเพราะกลัวการถูกดักซุ่มยิง

เศรษฐกิจของโคลัมเบียเติบโตสูงขึ้นในราว 5% ต่อปี น่าจะเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงช่องทางธุรกิจใหม่ ๆ ว่าคงมีโอกาสโตตามไปด้วย สำหรับโคกะและครอบครัวรู้สึกปิติยินดีในความสำเร็จของเขา

"ผมเป็นลูกชายคนเดียวในครอบครัว คุณย่าของผมอยากรู้ชะตากรรมของผมเป็นอย่างไรท่านได้แผนที่มาและหาเมืองโบโกต้าในแผนที่จนเจอ ท่านตายไปแล้ว ด้วยความรู้สึกพออกพอใจว่าอย่างน้อยที่สุดก็รู้ว่าผมอยู่ตรงส่วนไหนในแผนที่" โคกะพูดทิ้งท้าย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us