Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน5 กันยายน 2549
ฟิลิปส์แยกกิจการเซมิคอนดักเตอร์สร้างแบรนด์“NXP”             
 


   
www resources

Philips Thailand Homepage

   
search resources

Electronic Components
ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย), บจก.




ฟิลิปส์ เซมิคอนดักเตอร์ แยกกิจการเซมิคอนดักเตอร์ให้กลุ่มใหม่บริหารงาน เปลี่ยนชื่อเป็น “ เอ็นเอ็กซ์พี” เชื่อทำให้เกิดความคล่องตัว พร้อมยึดแนวทางธุรกิจเดิมสานต่อความเป็นผู้นำในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ ทามกลางกระแสการเมืองไทยคาดไม่กระทบธุรกิจ มั่นใจลงทุนต่อเนื่อง

นายดักกลาส จี.แซมป์สัน รองประธาน , กรรมการผู้จัดการและผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ฟิลิปส์ เซมิคอนดักเตอร์ (ไทยแลนด์) กล่าวว่า ฟิลิปส์ เซมิคอนดักเตอร์ เดิมเป็นหน่วยงานหนึ่งของฟิลิปส์ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “เอ็นเอ็กซ์พี” ( NXP) แล้วตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2549 โดยจะแยกการบริหารงานออกเป็นอิสระจากกลุ่ม รอยัล ฟิลิปส์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นผลมาจากการบรรลุข้อตกลงระหว่างกลุ่ม บริษัท รอยัล ฟิลิปส์ กับกลุ่ม เคเคอาร์( Kohiberg Kravis Roberts& Co ), เบน แคปิตอล (Bain Capital ) , ซิลเวอร์ เลค พาร์ทเนอร์(Silver Lake Partners ) , เอเฟ็กซ์ (Apax ) และ แอลป์อินเวสต์ พาร์ทเนอร์ เอ็นวี ( AlpInvest Parters NV ) ซึ่งถือหุ้นรวมกันในบริษัทใหม่ในสัดส่วน 80.1% `คิดเป็นมูลค่าประมาณ 6 พันล้านยูโร ขณะที่ฟิลิปส์ถือหุ้น 19.1% จากมูลค่ารวม ฟิลิปส์ เซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมดประมาณ 8.3 พันล้านยูโร

โยฮานเนส ฮูส ผู้บริหารกลุ่ม เคเคอาร์ กล่าวว่า มีความสนใจในอุตสาหกรรมผลิตเซมิคอนดักเตอร์เพราะเป็นอุตสาหกรรมระดับโลก และที่เลือกเอ็นเอ็กซ์พีเพราะเป็นผู้นำตลาดและมีแนวโน้มการเติบโตที่มั่นคงทั้งในตลาดเทคโนโลยี NFC ( Near Field Communication )และดิจิตอลทีวี เป็นต้น

ผู้บริหารฟิลิปส์ กล่าวว่า ฟิลิปส์ต้องการแยกธุรกิจเซมิคอนดัลเตอร์ออกจากไลย์สไตย์และเฮลท์แคร์ที่ทำอยู่ และโดยลักษณะธุรกิจของเซมิคอนดักเตอร์เป็นอะไรที่ตรงข้ามกับไลย์สไตย์และเฮลแคร์ โดยการแยกกิจการจะทำให้เอ็นเอ็กซ์พีมีความเป็นอิสระ มีความคล่องตัวในการบริหารงานมากยิ่งขึ้น

นายดักกลาส กล่าวว่า เชื่อว่าภายหลังการแยกตัวจะทำให้เอ็นเอ็กซ์พีมีการบริหารที่ดีขึ้น แม้เป็นการแยกกิจการ หรืออาจเรียกว่าขายกิจการเซมิคอลดักเตอร์ออกมา แต่เป็นการโอนพนักงานทั้งหมด ธุรกิจเซมิคอกดักเตอร์ที่ทำอยู่เดิมมาในบริษัทใหม่ จึงไม่มีความเปลี่ยนแปลงในแง่ผลร้าย ไม่ว่าจะเป็นด้านกำลังการผลิต ทิศทางธุรกิจ

“ในแง่ปฏิบัตินับจากนี้ต่อไปฟิลิปส์ เซมิคอนดักเตอร์จะเปลี่ยนเป็นแบรนด์เอ็นเอ็กซ์พีแต่ในแง่กฎหมายเริ่ม 1 ต.ค.นี้เป็นต้นไป”

พงศ์ธร เทพอัครพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป กล่าวว่า ภายหลังการเปลี่ยนแปลง เชื่อว่าไม่น่าจะได้รับผลกระทบ โดยก่อนหน้านี้มีการทำวิจัยพบว่าตลาดจะยังมีความเชื่อมั่นอยู่เช่นเดิม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพนักงานคงเดิม เทคโนโลยีก็ยังเป็นของฟิลิปส์เดิม แม้จะเป็นในระยะแรก แต่ต่อไปเราก็จะสร้างแบรนด์เอ็นเอ็กซ์พีขึ้นมาในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

เอ็นเอ็กซ์พีจะสานต่อนโยบายธุรกิจที่เรียกว่า Business Renewal Strategy ซึ่งเป็นแนวทางที่ฟิลิปส์ทำมา 18 ปีและสร้างกำไรให้ โดยเอ็นเอ็กซ์พีจะยังคงให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์หลักที่อยู่ในหมวด ยานยนต์ (Automotive),ระบบระบุเอกลัษณ์ตัวตน ( Identification), เครื่องใช้ในบ้าน, อุปกรณ์สื่อสารไร้สายและเทคโนโลยีเพื่อความบันเทิงส่วนบุคคล รวมถึงตลาดเซมิคอนดักเตอร์สำหรับอุสาหกรรมขนาดใหญ่ที่หลากหลาย

การบรรลุความสำเร็จใน5 ตลาดหลักต้องใช้เงินลงทุนในการวิจัยและพัฒนาสูงถึง 1 พันล้านยูโร โดยปัจจุบันเอ็นเอ็กซ์พีมีทุนสำรองทั้งที่เป็นเงินสดและเครดิตรวมกว่า 1.2 พันล้านยูโร

เป้าหมายของเอ็นเอ็กซ์พี คือต้องการมีส่วนแบ่งอันดับหนึ่งในด้านชิปสำหรับโทรทัศน์ ,ระบบระบุเอกลักษณ์ตัวตนแบบไร้สัมผัส ( Contactless identification) สำหรับอีพาสปอร์ต , RFID สำหรับระบบการออกตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ในระบบขนส่งมวลชน , Digital Signal Processor สำหรับวิทยุติดรถยนต์ และซิสเต็มส์โซลูชั่นสำหรับระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่

ปัจจุบันเอ็นเอ็กซ์พีโรงงานในไทยมีกำลังการผลิตไอซีประมาณ 11 ล้านชิ้นต่อวันในจำนวนนี้ 260% เป็นไอซีทั่วไป , 25%เป็นไอซีในอุตสาหกรรมยานยนต์และระบบระบุเอกลักษณ์ตัว ที่เหลือเป็นการผลิตไอซีในอุตสาหกรรมโมบาย เครื่องใช้ในบ้าน เช่น ทีวี ดีวีดี กำลังการผลิต ส่งออก 100 %ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ สินค้าส่วนใหญ่ส่งออกไปจีนประมาณ 66 % โดยภาพรวมแล้วผู้บริหารเอ็นเอ็กซ์พี ยังมีความมั่นใจในการลงทุนในประเทศไทย โดยกล่าวว่า 6 เดือนที่ผ่านมาไม่ได้รับผลกระทบในแง่กำลังการผลิต หรือยอดขาย เมื่อมีสินค้าบางตัวผลิตลดลงก็จะมีตัวอื่นผลิตเพิ่มขึ้นมาแทนที่ ทั้งนี้เพราะสินค้าส่วนใหญ่ของเอ็นเอ็กซ์พี เป็น Next Experience ซึ่งมีตลาดรองรับอยู่แล้ว

ในตลาดโลกเอ็นเอ็กซ์พีเป็นผลิตเซมิคอนดักเตอร์ใหญ่ติดอันดับ 1/10 ของโลก ในเอเชียติด 1/5 ในปีที่ผ่านมายอดขายรวมทั่วโลกประมาณ4,700 ล้านยูโร ในจำนวนนี้ 31%มาจากตลาดเอเชีย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us