Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน5 กันยายน 2549
SHรื้อโครงสร้างบุกธุรกิจพลังงาน             
 


   
search resources

Stock Exchange
ซีฮอร์ส, บมจ.




ซีฮอร์ส ประกาศแตกพาร์เหลือหุ้นละ 1 บาท ก่อนจะเพิ่มทุนอีก 2.6 พันล้านหุ้น เสนอขายพีพีให้ผู้ถือหุ้นรายใหม่ 2 ราย ในราคาหุ้น 0.63 บาท ทำให้ผู้ถือหุ้นใหม่ "วรเจตน์ อินทามระ-สมโภชน์ อาหุนัย" ถือหุ้นรวมกันกว่า 95% พร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่รุกธุรกิจพลังงาน-ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฮเทค มุ่งหวังในอนาคตจะสามารถร้างรายได้หลักแทนธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯ จี้แจงเงื่อนไขภายในวันที่ 6 ก.ย.นี้ ระบุอาจเข้าข่าย Backdoor Listing

นายชาตรี มหัทธนาดุลย์ กรรมการบริษัท ซีฮอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ SH เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 8/2549 มีมติเป็นเอกฉันท์การเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (ราคาพาร์) จากหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท และเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 180 ล้านบาท เป็น 2,780 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 2,600 ล้านหุ้น มูลค่าค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวมทั้งสิ้น 2,600 ล้านบาท

โดยหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 2,600 ล้านหุ้น บริษัทจะเสนอขายในลักษณะเฉพาะเจาะจงให้กับนายวรเจตน์ อินทามระ จำนวน 2,179 ล้านหุ้น และนายสมโภชน์ อาหุนัย 421 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัท ในราคาหุ้นละ 0.63 บาท โดยคำนวณจากราคาส่วนลด 10% จากราคาปิดถัวเฉลี่ยย้อนหลัก 14 วันทำการติดต่อกัน คือตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม - 31 สิงหาคม 2549 เท่ากับหุ้น 7.00 บาท (ราคาพาร์ 10 บาท)

หลังจากการเพิ่มทุนครั้งนี้ นายวรเจตน์ อินทามระ และนายสมโภชน์ อาหุนัย จะถือหุ้นในสัดส่วน 78.38% และ15.14% ของทุนจดทะเบียน หรือรวมทั้งสิ้น 93.52% ของทุนจดทะเบียนรวม 2,780 ล้านบาท จากเดิมนายเกียรติศักดิ์ มหัทธนาดุลย์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ร่วมกับตระกูลมหัทธนาดุลย์ ที่ถือหุ้นรวมกันกว่า 110,341,800 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 61.30% ของทุนจดทะเบียน 180 ล้านบาท

"ผู้ถือหุ้นรายใหม่ทั้ง 2 รายไม่มีเงื่อนไขในการห้ามขาย (Silent period) และพร้อมจะทำคำเสนอซื้อ (Tender Offer) หากเข้าข่ายที่จะต้องทำคำเสนอเสนอซื้อ ตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)"

พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริษัทยังได้อนุมัติให้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการประกอบธุรกิจ โดยเพิ่มธุรกิจที่สามารถสร้างผลกำไรสูง เช่น ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจผลิต จำหน่าย และบริการเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง (High technology) ซึ่งจะดำเนินการควบคู่กับธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน

"บริษัทเล็งเห็นธุรกิจใหม่ๆ มีโอกาสเติบโตและแนวโน้มที่ดีในอนาคต ตลอดจนสามารถสร้างรายได้และผลกำไรที่ดีให้กับบริษัท โดยในอนาตธุรกิจใหม่ที่บริษัทจะขยายนั้นอาจจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัท ขณะที่ธุรกิจเกษตรและอาหารจะเป็นธุรกิจเสริมของบริษัทเท่านั้น"

สำหรับวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนดังกล่าว บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นเพิ่มทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจสู่ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจการผลิต จำหน่าย และบริการเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นการขยายฐานรายได้ อันจะส่งผลดีต่อกำไรสุทธิและผลตอบแทนเงินปันผลในอนาคต

จากการประกาศเพิ่มทุนและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการประกอบธุรกิจ บริษัทจำเป็นต้องแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิและเพิ่มเติมวัตถุประสงค์การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับมติคณะกรรมการ โดยจะนำเสนอเรื่องดังกล่าวให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2549 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 2 ตุลาคม 2549 และกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมตั้งแต่วันที่ 18 กันยายนนี้เป็นต้นไป

ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้สั่งให้บริษัท ซีฮอร์ส จำกัด (มหาชน) ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมภายในวันที่ 6 กันยายนนี้ เนื่องจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นและการดำเนินธุรกิจอาจจะมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยกรณีการขยายสู่ธรกิจพลังงาน ธุรกิจผลิต จำหน่ายและบริการ เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง จะต้องให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับโครงสร้างธุรกิจหลัก และธุรกิจรอง รูปแบบและวิธีการลงทุนในธุรกิจใหม่ และกรอบระยะเวลาการใช้เงินที่ได้จากการเพิ่มทุน กำหนดการรับชำระเงินค่าหุ้นเพิ่มทุน และวิธีการชำระเงินเพิ่มทุน

ขณะเดียวกัน หากบริษัทได้มาซึ่งธุรกิจใหม่โดยการซื้อหรือขยายการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทอาจเข้าข่ายการเข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยอ้อม (Backdoor Listing) และอาจต้องยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ใหม่

ส่วนการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นทั้ง 2 ราย ให้บริษัทระบุถึงเหตุผลของการเลือกจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน พร้อมระบุประสบการณ์ทำงานของผู้ถือหุ้นใหม่ทั้ง 2 ราย ที่จะสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคต รวมทั้งเงื่อนไขอื่นนอกเหนือจากการไม่กำหนดเงื่อนไข Silent Period

พร้อมกันนี้ บริษัทจะต้องชี้แจงถึงกรอบการจัดทำคำเสนอซื้อจากผู้ถือหุ้นทั่วไป โดยจะต้องระบุถึงราคา และกรอบระยะเวลาการทำเทนเดอร์ออฟเอร์ เนื่องจากการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบุคคลทั้ง 2 รายมีสัดส่วนถึง 93.52% เข้าข่ายต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นทั่วไป (Tender Offer) ตามข้อกำหนดของสำนักงาน กลต.   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us