Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน5 กันยายน 2549
อสังหาฯกระหน่ำชิงแชร์ตลาดกลาง-ล่างค่ายแสนสิริขอล้มช้าง!!รายเล็กนอนรอความตาย             
 


   
www resources

โฮมเพจ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ - แลนด์แอนด์เฮ้าส์

   
search resources

แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, บมจ.
Real Estate




การรุกคืบของบริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งค่ายใหญ่และค่ายเล็ก ที่ต่างตบเท้าเข้ามาบุกตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางลงล่าง ทั้งโครงการจัดสรร โครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งแต่ละบริษัทพยายามที่จะใช้เครือข่ายของธุรกิจที่มีอยู่ รุกเข้ามาทำตลาดอย่างเต็มที่ ทั้งการแตกแบรนด์ใหม่หรือปรับแบรนด์ที่มีอยู่ให้เข้ากับเป้าหมายให้มากที่สุด โดยที่ไม่กระทบต่อแบรนด์หลักของบริษัทนั้นๆ

โดยเฉพาะในภาวะที่ผู้บริโภคค่อนข้างระมัดระวังในการลงทุนซื้อที่อยู่อาศัย ถึงแม้สินค้าประเภทที่อยู่อาศัยจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ของชีวิต แต่การตัดสินใจจะซื้อบ้านซักหลัง นั่นหมายถึงการก่อหนี้ระยะยาว

ถามว่าในภาวะที่การเมืองที่ไม่นิ่ง แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ภาวะดอกเบี้ยที่ยังมีแนวโน้มปรับตัว แน่นอนสัญญาณเชิงลบเหล่านี้ ย่อมมีผลต่อความมั่นใจของผู้บริโภคไม่มากก็น้อย

แม้แต่ฝ่ายวิจัยของหลายๆสำนัก คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมในปี 49 อัตราการขยายตัวไม่เกิน 5% แต่ประเด็นที่ทำให้ตลาดขยายตัวในระดับดังกล่าวนั้น ไม่ได้เกิดจากความต้องการที่อยู่อาศัยในตลาดรวมลดลงตามกำลังซื้อของผู้บริโภค แต่เกิดจากสินค้าที่อยู่อาศัยที่ผลิตออกมาในตลาด ไม่สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยรวม หรืออีกความหมายก็คือ ไปหลงกับกระแสการผลิตบ้านระดับราคาสูงในช่วงที่ผ่านมา จากที่อัตราดอกเบี้ยต่ำทำให้คิดว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคจะยืนยาว

ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องหันกลับทำการบ้านกันอย่างหนัก เพื่อให้สามารถพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า เครือแลนด์ฯจัดทัพสินค้าทำตลาดล่าง

การเคลื่อนไหวของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ในช่วงที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่จะต้องจับตามองอย่างมากในฐานะผู้นำตลาดอสังหาฯที่มีมูลค่าการขาย ส่วนแบ่งตลาด และมูลค่าโครงการสูงเป็นอันดับในขณะนี้ แต่ปัจจุบันด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป สินค้าของแลนด์ฯอาจจะไม่ใช่สินค้าในใจอันดับต้นๆที่ลูกค้าจะเลือกก็เป็นไปได้ หากในทำเลเดียวกันสินค้าของคู่แข่งลูกค้ายอมรับในเรื่องของราคาและรูปแบบได้

ทำให้บริษัทแลนด์ฯต้องหาช่องในการรักษาตลาด จากเดิมที่พัฒนาบ้านในระดับราคาเฉลี่ย 4-6 ล้านบาทที่รับกลุ่มลูกค้าในตลาดกลาง ได้มีการปรับปรุงรูปแบบ ขนาด และราคาขายบ้านในแบรนด์มัณฑนา , ชัยพฤกษ์,พฤกษ์ลดา และแบรนด์ชลลดาลง โดยมีราคาขายเฉลี่ยระดับ 2.8-3.3 ล้านบาท เพื่อรองรับกำลังซื้อที่ลดลงของลูกค้า โดยมีการส่งทาวน์เฮาส์ระดับราคา 3 ล้านบาทร่วมชิงส่วนแบ่งตลาดทาวน์เฮาส์ตลาดกลาง โดยโครงการทาวน์เฮาส์นี้นับว่าเป็นการหยิบสินค้าเดิมกลับมาปัดฝุ่น ปรับปรุงรูปแบบใหม่ขนาดและราคาใหม่เพื่อส่งเข้ามาทำตลาดอีกครั้ง

ขณะที่ค่ายควอลิตี้เฮ้าส์ฯ (QH) เครือแลนด์ฯ บริษัทพัฒนาบ้านเดี่ยวราคาแพง เจาะตลาดบนเป็นหลัก คงไม่สามารถอยู่เฉยๆได้ ในเมื่อลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าบ้านระดับแพงเริ่มลดลงและจำกัดมากขึ้น ด้วยปัจจัยทางด้านอัตราดอกเบี้ย และความเข้มงวดของธนาคารพาณิชย์ ทางออกที่ดีที่สุดและไม่ให้กระทบต่อแบรนด์ควอลิตี้ เฮ้าส์ฯ ก็คือ การแตกบริษัทลูกออกมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับกลาง อย่างบริษัท คาซ่า วิลล์ จำกัด แบรนด์บ้านเดี่ยวคาซ่าวิลล์และแบรนด์ คาซ่าซิตี้ ทำตลาดทาวน์เฮาส์

ขณะที่เจ้าของคอนเซ็ปต์บ้านกลางเมือง ของนายอนุพงษ์ อัศวโภคิน เจ้าของบริษัทเอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ AP ได้ปรับตัวเข้ามาสู่ตลาดคอนโดมิเนียมแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยส่งคอนโดฯแบรนด์ "Life" เจาะกลาตลาดกลาง-ล่าง ราคา1.2-2 ล้านบาท และล่าสุดได้ส่งคอนโดฯแบรนด์ "Vogue"เข้ามาต่อยอดเสนอราคา 2-4 ล้านบาท เน้นทำเลในเมือง ส่วนในแนวราบจากที่ประสบความสำเร็จกับคอตเซ็ปต์บ้านกลางเมืองและบ้านกลางกรุงไปแล้ว ล่าสุดเตรียมส่งทาวน์เฮาส์ระดับราคา 2.5-2.7 ล้านบาทเข้ามาเปิดศึกชิงตลาดกับคู่แข่ง

แสนสิริยุค"เศรษฐา ทวีสิน"ขอล้มช้าง!!

แหล่งในวงการอสังหาฯกล่าวว่า ขณะนี้บริษัทแสนสิริฯกำลังถูกจับตามองจากคนในงการอย่างมาก ถึงการที่จะก้าวขึ้นมานั่งแท่นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์จากแลนด์ฯ โดยเครือข่ายธุรกิจของแสนสิริเริ่มกว้างและรุกไปสู่ธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องต่อการ"เพิ่มมูลค่า"ให้แก่โครงการในเครือแสนสิริ อย่างธุรกิจสปาฯที่เข้าไปเทกโอเวอร์มา

แต่จะว่าไปแล้ว บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด ปัจจุบันกำลังเพิ่มบทบาทต่อบริษัทแม่อย่างมาก จากช่วงแรกที่บทบาทของพลัสฯจะทำหน้าที่สนับสนุนเรื่องการบริหารการขาย และขยายเพิ่มเข้ามาทำตลาดทาวน์เฮาส์ระดับกลาง ราคา 3-5 ล้านบาทตามรอยต่อเมือง ล่าสุดได้เข้ามาเจาะตลาด คอนโดฯระดับกลาง ราคา2-4 ล้านบาทภายใต้แบรนด์ "คอนโดวัน" ซึ่งประสบความสำเร็จด้านยอดขายอย่างถล่มทลาย เพราะมีการศึกษาและพัฒนาสินค้าออกมาตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า ทั้งในด้านรูปแบบ ทำเลที่ตั้งโครงการ โดยกระจ่ายไปตามทำเลต่างๆ ซึ่งเป็นข้อดีที่ทำให้สนองตอบความต้องการลูกค้าได้อย่างทั่วถึง

แต่เพื่อให้มีสินค้าครอบคลุมกลุ่มลูกค้าในทุกระดับ ทุกตลาด รองรับการแข่งขันที่ดุเดือดในปี2550ทำให้บริษัทแสนสิริฯ ตัดสินใจแตกบริษัทลูกภายใต้ชื่อ พร้อมพัฒนา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เข้ามาทำตลาดบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับล่าง ราคา 1.7-2.5 ล้านบาท

กระหน่ำออกสินค้ากลาง-ล่าง

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคฯ กล่าวว่า การลดลงของกำลังซื้อของลูกค้า ทำให้ผู้ประกอบการในตลาดต้องปรับตัวในทุกด้าน เพื่อพยายามหาจุดขายมาแข่งกัน โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังและต่อเนื่องไปจนถึงปี 2550 ที่คาดว่าจะมีการแข่งขันที่สูง จากการที่ผู้ประกอบการมีการพัฒนาสินค้าในเซกเมนท์ที่ตรงกัน ไม่ว่าจะเป็นตลาดระดับกลางและล่าง

" เชื่อว่าสินค้าของทุกแบรนด์ต่างก็จะมีจุดขายที่แตกต่างกัน ในขณะที่ตัวสินค้าจะไม่แตกต่างกันมากนัก โดยความแตกต่างกันด้านจุดขายที่เป็นกลยุทธ์หลัก ของแต่ละราย อาทิ ใกล้ถนนใหญ่ ใกล้ระบบรถไฟฟ้า ให้พื้นที่ส่วนกลาง มีทะเลสาป มีสโมสร ในโครงการ จากที่บ้านระดับราคา 1-3 ล้านบาทก่อนหน้านี้จะมีพื้นที่ส่วนกลางหรือทะเลสาปนั้นหายาก "นายธีระชนกล่าวและว่า

บริษัทได้ตัดสินใจ หยุดพัฒนาบ้านเดี่ยวในแบรนด์ เพอร์เฟคเพลส และเพอร์เฟคพาร์ค และหันมาพัฒนาบ้านในกลุ่ม "บ้านนิวเทรนด" ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ราคา 1.6-1.8ล้านบาท ,บ้านเดี่ยวราคา 2.5-2.9 ล้านบาท และบ้านแฝด ราคา 1.9-2.4 ล้านบาท

สิ่งที่ต้องจับตามองคือ ค่ายเล็กๆที่อยู่ในตลาดคงต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก กำลังถูกรายใหญ่เข้ามาตีตลาด ขณะที่โอกาสที่รายเล็กจะเข้าถึงแหล่งเงิน หรือทำเลที่มีศักยภาพเริ่มลดน้อยลง จึงอาจจะเรียกว่าเป็น "ยุคของรายใหญ่"นี้ยังไม่นับรวมบริษัทอสังหาฯที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ฯอย่าง ที.ซี.ซี. แคปปิตอล แลนด์ จำกัด ธุรกิจในอาณาจักรของตระกูล"สิริวัฒนภักดี"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us