Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2537








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2537
"บ้านกลางเมือง" ชีวิตจำต้องเลือก"             
 

 
Charts & Figures

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดมิเนียม
เวลาที่ใช้เดินทางจากที่พักไปที่ทำงานสำหรับการเลือกที่อยู่อาศัยใหม่


   
search resources

บัณฑิต จุลาสัย
ธนวร นิยม
สุฑาทิพย์ รุทธิฤทธิ์
จันทร์เพ็ญ เอื้อธำรงสวัสดิ์
Real Estate
Social




บ้านหลังที่สองหรือคอนโดมิเนียมกลางเมืองกำลังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชนชั้นกลางของกรุงเทพฯ แม้จะต้องลงทุนเพิ่มเติม และต้องปิดบ้านที่มีอยู่แล้ว แต่ความกดดันจากปัญหาการจราจรทำให้ชีวิตไม่มีทางเลือกที่มากไปกว่านี้

กิจกรรมประจำทุกเย็นวันศุกร์ของชนชั้นกลางในเมืองหลวงจำนวนไม่น้อย และกำลังเพิ่มมากขึ้นทุกทีคือ "กลับบ้าน"

"บ้าน" ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงบ้านเกิดในต่างจังหวัด แต่เป็นบ้านที่อยู่ในกรุงเทพฯ นี่แหละ อาจจะอยู่ชานเมืองห่างออกไปจากย่านใจกลางกรุงเทพฯ ประมาณ 20-30 กิโลเมตร เป็นบ้านที่ควรจะเป็นที่พักอาศัยประจำวัน หากไม่ต้องใช้เวลาเดินทางไปกลับวันละไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของเวลาที่มีอยู่ในหนึ่งวัน

ปัญหาการจราจรทำให้ชนชั้นกลางของกรุงเทพฯ จำนวนมากต้องเช่าหรือซื้อบ้าน คอนโดมิเนียมในเมืองที่ใกล้กับที่ทำงาน เพื่ออาศัยหลับนอนระหว่างสัปดาห์ ส่วนบ้านจริง ๆ ในความหมายของชีวิตครอบครัวจะได้กลับไปอยู่ก็เพราะช่วงสุดสัปดาห์หรือวันหยุดเท่านั้น

บ้านหลังที่สองหรือคอนโดมิเรียมที่ตั้งอยู่กลางใจเมือง ในทำเลที่ใกล้กับย่านธุรกิจและสำนักงาน กำลังกลายเป็นปัจจัยในการดำรงชีพที่มีความจำเป็นนอกเหนือจากปัจจัยสี่สำหรับคนกรุงเทพ โดยเฉพาะชนชั้นกลางที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการต้องเดินทางเข้ามาประกอบอาชีพทุกวัน

ข้อมูลงานวิจัย "ความต้องการในที่อยู่อาศัย ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ของชีวิต" ของ นันทนา ภัทรพงศ์สันต์ กรรมการผู้จัดการ โฮมมาสเตอร์กรุ๊ป ชี้ให้เห็นว่า ระยะเวลาที่เสียไปกับการเดินทางจากที่พักไปยังที่ทำงาน ในความคิดของผู้ซื้อที่อยู่อาศัย 66.8% คาดหวังในการเลือกที่อยู่อาศัยใหม่แทนที่อยู่ปัจจุบัน ไม่ควรใช้เวลาเดินทางเกิน 60 นาที หากใช้เวลามากกว่านี้ความสนใจจะลดลงเรื่อย ๆ (ดูตาราง)

สอดคล้องเป็นแนวเดียวกันกับข้อมูลจากบริษัท พรอพเพอร์ตี้ไลนส์ สำรวจปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียม ปรากฏว่ามีความคล้องจองกันในปัจจัยอันดับหนึ่ง คือการคมนาคมสะดวก โดยให้ความสำคัญเกิน 80% ขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ซื้อคอนโดมิเนียมให้ค่าการคมนาคมเป็นปัจจัยชี้ขาด โดยต้นปีมีสัดส่วนในการตัดสินใจ 77.2% กลางปีขยับมาที่ 83.2% และปลายปีเพิ่มขึ้นเป็น 93.5% (ดูตาราง)

คอนโดมิเนียมจึงมิใช่เป็น "สินค้าฟุ่มเฟือย" อีกต่อไป ผู้ซื้อเริ่มยอมรับการซื้อ "ห้อง" แทน "บ้าน" ไว้อยู่อาศัยโดยทำใจได้กับการไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งเป็นภาพตรงข้ามจากเมื่อเริ่มเกิดอาคารห้องชุดยุคแรก ที่ผู้อาศัยคอนโดมิเนียมหรูในย่านธุรกิจ เช่น ถนนสุขุมวิท จะเป็นชาวต่างประเทศมีเงินเดือนสูง โดยอาจจะเช่าหรือบริษัทซื้อไว้ให้ และคอนโดมิเนียมราคาต่ำลงมา จะเป็นห้องเช่าให้คนทำงานกลางคืนเป็นส่วนใหญ่

ธนวร นิยม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสินเชื่อเคหะของเงินทุนหลักทรัพย์จีเอฟ เป็นหนึ่งในอีกหลายคนที่อาศัยในกรุงเทพฯ ที่ต้องเริ่มมองหาที่อยู่ที่ใกล้ใจกลางเมืองให้ใกล้ที่สุดเท่าที่จะป็นไปได้

ธนวรไม่เคยคิดว่า วันหนึ่งเขาจำเป็นต้องซื้อคอนโดมิเนียม เพราะในขณะนี้ เขามีบ้าน 2 หลัง หลังหนึ่งคือที่หมู่บ้านอมรพันธ์ อีกหลังให้เช่าอยู่แถวโรงเรียนตำรวจนครบาล ถนนวิภาวดีรังสิต แต่ในที่สุด เขาก็ต้องซื้อห้องพักหนึ่งยูนิตของรีเจ้นท์ รอยัล เพลส เป็นคอนโดมิเนียมในเครือบริษัทธนายง ตั้งอยู่บนถนนราชดำริ หลังโรงแรมรีเจ้นท์

"ผมเคยใช้เวลาเพียง 45 นาทีเดินทางจากบ้านมาที่ทำงาน มาต้นปีที่แล้วกลายเป็นหนึ่งชั่วโมง แล้วเพิ่มขึ้นเป็นชั่วโมงสิบ เป็นชั่วโมงครึ่ง แล้วกลายเป็น 2 ชั่วโมงในตอนนี้" นี่คือสิ่งที่ทำให้คุณพ่อลูกสองต้องยอมควักกระเป๋าซื้อบ้านหลังที่สามในชีวิต

ลูกชายคนโตของธนวรต้องตื่นนอนก่อนตีห้าเพื่อเตรียมตัวไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล สามเสน โดยติดรถครูที่มีบ้านอยู่ใกล้กัน ซึ่งออกเดินทางเวลาตีห้าสิบห้านาที จากหมู่บ้านอมรพันธ์ ซอยเสนานิคม ไปถึงโรงเรียนประมาณ 6.30 น. ก่อนเวลาเคารพธงชาติหนึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นเวลาสำหรับอาหารเช้า

"สงสารลูกเหมือนกัน ต้องตื่นแต่เช้า ท้องว่างอยู่บนรถ พอถึงโรงเรียนก็รู้สึกง่วง" ธนวรครวญถึงปัญหาที่กลายเป็นเรื่องชินจนชาของคนไทย จนจำต้องปรับสภาพร่างกายตลอดจนวิถีชีวิตให้อยู่รอดในภาวะรถติด เช่นเดียวกับลูกชายวัย 9 ขวบของธนวร ที่จำต้องออกจากบ้านก่อนฟ้าสาง ก่อนหน้าเขาออกไปทำงานเกือบชั่วโมง พอตกเย็น เขากลับถึงบ้านก่อนลูกเกือบครึ่งชั่วโมง และรอทานข้าวพร้อมลูกตอน 19.00 น.

หากเมื่อไรคอนโดมิเนียมแห่งนี้เสร็จ ธนวรสามารถขับรถจากที่พักวิ่งตรงไปพบสี่แยกแล้วเลี้ยวซ้ายเขาถนนสารสิน เพื่อเลี้ยวซ้ายอีกครั้งหนึ่งเข้าซอยหลังสวน ตรงไปที่ทำงาน

นับว่าเป็นเส้นทางเดินรถที่สะดวก แม้ในช่วงเวลาเร่งด่วน ทางเส้นนี้ก็ยังถือว่าคล่องตัว เมื่อเทียบกับบริเวณใกล้เคียง เช่น บริเวณสี่แยกชิดลม สี่แยกราชดำริ เมื่อจะกลับที่พักตอนเย็นก็สามารถวกกลับถนนเส้นเดิมได้

สำหรับลูกชายทั้งสองคนของธนวร จะเดินทางได้รวดเร็วเช่นคุณพ่อ คงเป็นไปไม่ได้ หากยังคงเรียนที่โรงเรียนเดิมอยู่

ความต้องการของธนวร จึงไม่สามารถหยุดที่รีเจ้นท์ รอยัล เพลส เขากำลังมองหาคอนโดมิเนียมแถว ๆ โรงเรียนเซ็นต์คาเบรียล เพราะลูกคนที่ 2 กำลังจะย้ายตามมาเรียนกับลูกคนโต

"เวลาผมขับรถผ่านแถวโรงเรียนลูก พอเห็นตึกที่กำลังก่อสร้างอยู่ ผมจะเลี้ยวรถเข้าไปถามเลยว่าสร้างคอนโดหรือเปล่า" ธนวรเล่าถึงความตั้งใจจริงที่ต้องการให้ลูกพ้นสภาพการอยู่บนถนนนานเกินไป

บ้านที่หมู่บ้านอมรพันธ์ก็คงจะเป็นศูนย์รวมของครอบครัวเฉพาะในวันหยุดเท่านั้น ในขณะที่หลายคนเริ่มชาชินกับวิถีชีวิตที่ต้องจากบ้านเพื่อมาทำงานในเมือง ราวกับคนต่างจังหวัด ทั้ง ๆ ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ แท้ ๆ

สมศักดิ์ เมฆเกรียงไกร มีตำแหน่งเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับสยามสตูดิโอ ซึ่งตั้งอยู่ในซอยต้นสน แถวถนนเพลินจิต เขาเคยต้องตื่นนอนก่อนตีห้าเพื่อให้ทันออกจากบ้านระหว่างเวลาตีห้าถึงหกโมงเช้า"

"ถ้าออกจากบ้านหลังหกโมง ช้าเพียงแค่ห้านาที ก็จะถูกบล็อกตรงแยกลำสาลี บริเวณบางกะปิ ทำให้ไปถึงที่ทำงานสายมาก" สมศักดิ์เล่าให้ฟังในช่วงที่ยังอยู่แถวรามอินทรา

แยกลำสาลีเป็นทางแยกที่มีปัญหาการจราจรมากที่สุดจุดหนึ่งของกรุงเทพฯ จนได้รับการขนานนามว่า "ลำสาหัส"

แต่หลังจากที่สมศักดิ์มาซื้อห้องพักที่วิภาวดีคอนโดทาวน์ บนนราชปรารภ เขามีเวลานานเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 2 ชั่วโมง และยังไม่ต้องหงุดหงิดกับรถติดด้วย

ทนง บุรานนท์ ประธานบริษัทแปซิฟิกริม โปรดักชั่น ค่อนข้างโชคดีกว่าอีกหลาย ๆ คน ครอบครัวของเขาได้ลงทุนร่วมกับ PACVEST สิงคโปร์ สร้างคอนโดมิเนียมชื่อสมคิด การ์เด้น บนที่ดินที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของตระกูลบุรานนท์ในซอยสมคิดช่วงที่กำลังก่อสร้างอยู่ ทนงต้องหาซื้อบ้านใหม่ และที่สุดก็ได้ที่ซอยลาดพร้าว 80 บนที่ดิน 200 ตารางวา

ระหว่างที่เขาอยู่ที่บ้านลาดพร้าวเมื่อสามปีที่แล้ว เขาไม่เคยรู้สึกว่ามีปัญหาการเดินทาง เพราะการจราจรยังพอเคลื่อนตัวได้บ้าง แต่สำหรับตอนนี้ เมื่อย้ายมาอยู่ที่สมคิดการ์เด้นแล้ว เขาแวะไปที่บ้านลาดพร้าวแทบจะนับครั้งได้ ส่วนภรรยาต้องไปทุกอาทิตย์ เพื่อดูแลความเรียบร้อยของบ้าน

"ตอนนี้ผมใช้เวลาขับรถมาที่ทำงานแค่ 15 นาที บางครั้งเดินกลับบ้านจนนิสัยเสีย ไม่ค่อยอยากไปไหนไกลจากแถวนี้" ทนงพูดถึงการเดินทางที่สะดวกมากนับตั้งแต่มาอยู่ที่ใหม่ ซึ่งตั้งอยู่เยื้อง ๆ กับที่ทำงานในซอยร่วมฤดีริมถนนสุขุมวิท

"ทุกวันนี้ที่ทำให้ทุกคนเท่าเทียมกัน คือการจราจร อย่างคุณหญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ประธานกลุ่มโรงแรมดุสิตธานี และแม่ค้าขายผักขายปลาที่คลองเตย ก็ทำเหมือนกัน คือ ซ้อนรถมอเตอร์ไซด์" บัณฑิต จุลาสัย รองคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปรียบเปรย

การต้องผจญภัยกับรถติดอาจถือได้ว่าเป็นความเท่าเทียมของคนกรุงเทพทุกระดับชั้น แต่การหาวิธีหลบหลีก หลีกเลี่ยงเฉพาะตนได้ดีเพียงใด ยังเป็นความเหลื่อมล้ำ ที่ต้องขึ้นอยู่กับอีกหลาย ๆ ปัจจัยโดยเฉพาะ "เงินทุน"

สุฑาทิพย์ รุทธิฤทธิ์ ข้าราชการครูระดับซี 5 มีพื้นเพเป็นคนแปดริ้ว หลังจากเรียนจบวิทยาลัยครูประจำจังหวัดแล้ว ได้สมัครสอบบรรจุครูและผ่านการสอบเป็นอาจารย์ประจำสอนวิชาศิลปะที่โรงเรียนวัดสระเกศ ในกรุงเทพฯ ทำให้เธอต้องจากบ้านมาเช่าแฟลตคลองจั่นเดือนละ 1,300 บาท ซึ่งเป็นอัตราค่าเช่าเมื่อ 7 ปีที่แล้ว

7 ปีที่แล้วกับการเดินทางมาทำงานในวงรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตรของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ด้วยการขึ้นรถเมล์ 2 ต่อ ยังไม่เป็นสิ่งสาหัสเท่าไรนัก ในตอนนั้นโรงเรียนเข้า 7.15 น. เธอจะออกจากบ้านก่อน 6.00 น. เล็กน้อย ก็สามารถทันเวลาเข้าเรียนของนักเรียน

สุฑาทิพย์อาจจะมีความสุขกับการเช่าแฟลตอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าเธอยังเป็นโสดตัวคนเดียว

"แต่งงานแล้ว ก็ยังอยู่แฟลต แต่พอมีลูก ก็เลยรู้สึกว่าแคบอึดอัด จึงตัดสินใจซื้อบ้านเพื่อให้ลูกมีที่วิ่งเล่นสบาย" สุฑาทิพย์เล่าการขยับขยายย้ายจากแฟลต ไปอยู่บ้านบนพื้นที่ 60 ตารางวาที่หมู่บ้านบัวทอง ในเขตบางบัวทอง นนทบุรี

การเดินทางมาโรงเรียน ยังไม่ถือว่าลำบากในทัศนะของเธอ เพราะมีรถตู้ของหมู่บ้านจำนวนมากคอยบริการ รถตู้จะวิ่งตรงดิ่งและจอดป้ายเดียวคือเมื่อสุดเส้นทางที่ห้างสรรพสินค้าพาต้า เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า หลังจากนั้นเธอขึ้นรถเมล์สาย 42 หรือ 68 มาลงที่ถนนราชดำเนิน เพื่อต่อสาย 47 หรือ 15 ซึ่งผ่านหน้าโรงเรียน

แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนรถเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งต่อ แต่สุฑาทิพย์สามารถออกจากบ้านสายกว่าสมัยเมื่ออยู่แฟลตคลองจั่นประมาณ 45 นาที โดยที่กินเวลาเดินทางราวครึ่งชั่วโมงเหมือนกัน ก็จะมาทันโรงเรียนเข้า ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเวลาเป็น 8.30 น.

ชีวิตน่าจะลงตัวตามต้องการ ถ้าลูกชายวัย 5 ขวบ ไม่มีอาการเมารถจนอาเจียน

หลังจากที่ลูกขบอนุบาล 3 จากโรงเรียนในหมู่บ้านแล้ว ได้มาต่อชั้นประถม 1 ที่โรงเรียนทวีธาภิเศก (ประถม) ย่านวัดอรุณราชวราราม ฝั่งธนบุรี

"ถ้าให้ลูกเรียนโรงเรียนประถมแถว ๆ บางบัวทอง ก็จะกลับมาไปรับลูกไม่ทัน เลยตัดปัญหาตรงนี้ ให้ออกมาและกลับพร้อมกันดีกว่า" สุฑาทิพย์เล่าความเป็นมาของจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนที่อยู่อีกครั้งหนึ่ง

แม้การไปโรงเรียนทวีธาภิเศก จะต้องนั่งเรือข้ามฟากไปฝั่งธนบุรี แต่ในความรู้สึกของเธอไม่คิดว่าเป็นปัญหา เพราะสามีหรือพ่อของเด็กเป็นข้าราชการกรมการค้าภายในที่ท่าเตียน ซึ่งมีท่าเรือข้ามฟากไปถึงโรงเรียนของลูกโดยตรง

โรงเรียนลูกเข้าเรียน 8.00 น. ส่วนโรงเรียนวัดสระเกศเปลี่ยนเวลาเข้าเรียนอีกครั้งเป็น 7.45 น. ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ปรับเปลี่ยนเวลาของแต่ละโรงเรียนให้ต่างกัน เพื่อช่วยบรรเทาการจราจร

สุฑาทิพย์และครอบครัวได้ว่าจ้างแท็กซี่ประจำเป็นรายอาทิตย์ ให้มารับที่บ้านเวลา 5.45 น. หรืออย่างช้าสุดไม่เกิน 6.00 น. เพราะจะทำให้ไปทำงานสายติดพันเป็นลูกโซ่ เนื่องจากรถแท็กซี่จะส่งที่โรงเรียนลูก

เมื่อมาถึงโรงเรียนทวีธาภิเศกก่อน 7.30 น. จะมีเวลาครึ่งชั่วโมงสำหรับให้ลูกทานข้าวเช้ากับพ่อ ส่วนเธอต้องรีบข้ามฟากมาท่าเตียน เพื่อขึ้นรถเมล์ไปทำงาน

"ปลุกลูกตอนตีห้ายี่สิบ แต่ลูกไม่ค่อนอยากจะตื่น ต้องอุ้ม บางครั้งยังไม่ได้อาบน้ำด้วย ต้องเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถ แต่บางวันลูกก็ยอมลุกแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย" สุฑาทิพย์เล่า

การต้องปลุกลูกให้ตื่นในขณะที่ลูกยังนอนไม่เต็มอิ่ม ทำให้มีผลข้างเคียงคืออาการเมารถอย่างรุนแรง

ในระยะแรกที่เกิดปัญหา เธอคิดว่าเป็นเพราะลูกท้องว่าง จึงให้ลูกทานข้าวก่อนขึ้นรถ แต่ผลยังเป็นเช่นเดิม อาหารเช้าออกมาหมดเต็มถุงพลาสติกที่เธอเตรียมติดตัวไม่เคยขาด

เธอจึงตัดสินใจกลับมาอยู่ห้องเช่าอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้เวลาเสาะหาอยู่นานหลายเดือน กว่าจะได้ห้องเช่าราคา 3,500 บาทแถว ๆ ถนนจรัญสนิทวงศ์ 45 เยื้อง ๆ กับห้างสรรพสินค้าพาต้า

ระยะเวลาเดินทางสั้นลง ทำให้ลูกชายมีเวลานอนเพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งชั่วโมง อาการอาเจียนพลอยหายตามไปด้วย

บ้านบัวทองจึงเสมือนหนึ่งเป็น "บ้านสุดสัปดาห์" ที่ทำให้เธอต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว

"กลับไปบ้านแต่ละครั้งก็เหนื่อยต้องทำความสะอาดหมด พอกลับมาที่ห้องเช่าตอนเย็นวันอาทิตย์ก็ต้องทำความสะอาดห้องอีก" สุฑาทิพย์เล่าถึงวิถีชีวิตทุกวันนี้ที่วนเวียนระหว่างบ้านสองหลังนานเกือบหนึ่งปี

จันทร์เพ็ญ เอื้อธำรงสวัสดิ์ เป็นอีกคนหนึ่งที่เข้าใจซึ้งถึงภาระที่ตามมาจากการมีบ้าน 2 หลัง

ข้อแรก เป็นเรื่องของวัตถุ คือ ต้องมีข้าวของเครื่องใช้เพิ่มขึ้นอีกชุดหนึ่งสำหรับบ้านหลังที่ 2 อาทิ โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ วิทยุ เครื่องครัว ตลอดจนถึงของใช้ส่วนตัว

ข้อที่สอง ที่จะตามมาโดยธรรมชาติ คือความกังวลถึงบ้านหลังที่ปิดตายในช่วงที่ต้องมาอยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง ความห่วงใยกินความไปถึงสภาพของตัวบ้าน ต้นไม้ที่อุตส่าห์ปลูกไว้และการถูกงัดแงะ

"ประตูรั้วของบ้านที่บางนา ดิฉันจะปล่อยให้ดูโทรม ๆ เก่า ๆ คงเดิม เพื่อหลอกตาคน" จันทร์เพ็ญดล่าวิธีป้องกันภัย

จันทร์เพ็ญ เป็นแม่บ้านที่ทำงานนอกบ้านด้วย เธอทำหน้าที่เลขานุการให้กับเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช กรรมการผู้จัดการบริษัทเมโทรกรุ๊ป มานานไม่ต่ำกว่า 10 ปี

บ้านหลังที่ 2 ของเธอ ไม่ได้อยู่ใจกลางเมือง ทว่าไกลออกไปแถวบางนา-ตราดกิโลเมตรที่ 2 เป็นบ้านที่สามีและเธอสร้างขึ้นใหม่แทนบ้านเก่าที่ติดมากับที่ดิน 60 กว่าตารางวาเพิ่งสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อสิงหาคมของปีที่แล้ว

"บ้านที่อยู่ปัจจุบันเป็นตึกแถว 3 ชั้น เซ้งเขาอยู่ แออัดมาก เหมาะทำการค้ามากกว่าอยู่อาศัย ลูกก็โตขึ้นทุกวัน และยังมีคนทำงานบ้านอีก 2 คน เลยคิดอยากมีบ้านของตัวเอง ตอนที่บ้านเสร็จใหม่ ๆ เราไปอยู่กันตรงกับช่วงปิดเทอมโรงเรียนลูก แต่ดิฉัน และสามียังต้องทำงาน รู้สึกเครียดกับการขับรถมาก อยู่บนรถชั่วโมงกว่า เย็นเลิกงานก็ต้องตาลีตาเหลือกขับรถกลับบ้าน นอนได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่น ขับรถมาทำงานอีก" จันทร์เพ็ญสาธยาย

บ้านในเมืองของเธออยู่ที่พลับพลาไชย ใกล้ ๆ กับวงเวียน 22 กรกฎา เธอย้ายมาอยู่ร่วมกับสามีหลังจากที่แต่งงานกันแล้ว การเดินทางไปไหนต่อไหนจะสะดวกมาก เธอใช้เวลาขับรถไม่เกิน 20 นาที ก็ถึงที่ทำงานบริเวณท่าน้ำราชวงศ์

ลูกชาย 2 คนของเธอเรียนหนังสือที่โรงเรียนอัสสัมชัญเซ็นต์หลุยส์ เด็ก ๆ มีตารางชีวิตเช่นเดียวกับเด็กกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ คือ ต้องตื่นนอนเช้าประมาณ 5.30 น. เพื่อรอรถโรงเรียนมารับเวลา 6.20 น.

นอกเหนือจากความสะดวกในการเดินทางของการอยู่บ้านที่พลับพลาไชยแล้ว ยังเป็นเรื่องความจำเป็นด้วย เพราะสามีทำธุรกิจผักสดส่งนอก ซึ่งต้องมีการติดต่อและขนสินค้าจากปากคลองตลาดตอน 4.00 น.

บ้านที่ถนนบางนา-ตราด จึงกลายเป็น "บ้านสุดสัปดาห์" ที่เจ้าของบ้านมีโอกาสอยู่อย่างโล่งโปร่งตาได้เต็มอิ่มเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น

หลังอาหารเย็นของวันศุกร์ จันทร์เพ็ญและครอบครัว รวมทั้งคนทำงานบ้าน 2 คนจะพากันมาค้างคืนที่บ้านสุดสัปดาห์ เมื่อตื่นขึ้นมาของเช้าวันเสาร์ เธอหรือสามีจะต้องขับรถส่งลูกชายไปเรียนพิเศษ ที่โรงเรียนอัสสัมชัญเซ็นต์หลุยส์ ถ้าบังเอิญเธอมีธุระต้องทำในเมือง เธอก็จะรอรับลูกกลับตอนบ่ายสามโมง หรือมิเช่นนั้นเมื่อส่งเสร็จแล้วเธอจะขับรถกลับบ้านที่บางนา-ตราด แล้วตอนบ่ายค่อยออกมารับลูกอีกครั้ง พอถึงวันรุ่งขึ้นของวันอาทิตย์ มีเวลาอยู่บ้านไม่กี่ชั่วโมง ก็ต้องเตรียมกลับบ้านที่พลับพลาไชยในตอนบ่าย

"คุณอยากจะถามใช่ไหมว่า แล้วไปอยู่ทำไมทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยได้อยู่บ้านเลย แต่อย่างน้อยให้เด็กไปทำความสะอาดบ้าน เปิดประตูหน้าต่างระบายลม" จันทร์เพ็ญบอกความจริงที่ทำให้ต้องไปบ้านหลังนี้ทุกสุดสัปดาห์ และเป็นที่มาของภาระที่สาม คือ การดูแล

ที่สุดแล้วตึกแถวกลางเมืองท่ามกลางเสียงดังของรถที่วิ่งสวนไปมาทั้งวันทั้งคืน จนเธอต้องติดเครื่องปรับอากาศทั่วทั้งตึก ก็ยังมีความสำคัญและคงย้ายออกไปไม่ได้ง่าย ๆ

สำหรับคนที่พอมีเงินทุนบ้าง จนถึงคนที่มีเงินทุนพอจะเลือกซื้อสิ่งใดก็ได้ตามต้องการ ย่อมได้เปรียบในการเลือกที่อยู่อาศัยได้มากขึ้นเป็นเงาตามตัว

นอกเหนือจากบ้านหลังที่สองหรือบ้านกลางเมืองที่เป็นทางออกของผู้ที่อยู่ ในสถานที่เอื้ออำนวยสำหรับการจัดการกับปัญหาการจราจรในชีวิตประจำวันแล้ว การรู้จักเลือกเส้นทางในกรณีที่สามารถทำได้ก็เป็นเรื่องที่พอจะทำให้ชีวิตเสียเวลาอยู่บนท้องถนนน้อยลงได้บ้าง

บัณฑิต จุลาสัย มีบ้านอยู่ที่หมู่บ้านจัดสรรของอาคารสงเคราะห์ที่ทุ่งมหาเมฆ เขาจะเลือกออกจากบ้านตอน 8.30 น. หลังจากที่ขบวนของนักเรียนอัสสัมชัญเซ็นต์หลุยส์เข้าเรียนแล้ว รวมทั้งขบวนพนักงานแถวถนนสีลมลงจากทางด่วนตรงถนนพระรามที่ 4 จบไปแล้ว

เขาจะแวะทำงานที่ออฟฟิศบนถนนสาธรก่อนจนถึงเวลา 10.00 น. จึงจะออกจากบริษัทจุลาสัย ไปมหาวิทยาลัย ก่อนที่ขบวนคนทำงานจะมาทานอาหารกลางวัน และจะไม่ออกจากมหาวิทยาลัยก่อน 17.30 น. เพราะช่วงนั้นรถจะติดมาก เนื่องจากเป็นเวลากลับบ้านของนักเรียนในโรงเรียนย่านนั้น

"ท้ายรถของผมจะมีหมวกกันน็อก เมื่อต้องไปไหนในช่วงรถติดมาก ๆ ผมก็จะใช้วิธีซ้อนมอเตอร์ไซด์ เมื่อเสร็จธุระ ผมก็นั่งแท็กซี่กลับมาเอารถที่จุฬาฯ สะดวกกว่ามาก" บัณฑิตสะท้อนภาพความจริงที่เห็นได้ทุกวัน

รถมอเตอร์ไซด์อาจจะทำให้เดินทางถึงจุดหมายปลายทางได้รวดเร็วมากขึ้น แต่ก็เสี่ยงต่อความปลอดภัยและอย่าพึงฝันถึงความสะดวกสบาย สำหรับผู้ที่ไม่มีทางเลี่ยงต่อการหยุดนิ่งอยู่บนท้องถนนเป็นเวลานานนับชั่วโมง แต่บังเอิญมีฐานะที่สามารถบรรเทาความอึดอัดให้เบาบางลงได้ รถยนต์ที่เป็นเสมือนเตียงนอน รายรอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าที่อยากจะมี ทั้งทีวี ตู้เย็น โทรศัพท์พร้อมแฟกซ์ เครื่องเสียงแลอื่น ๆ อีก ตามความจำเป็นของแต่ละคนคือทางออกที่เริ่มได้รับการสนองตอบแล้ว

โดยเฉพาะบรรดาผู้ปกครองที่ต้องส่งลูกเรียนพิเศษในวันเสาร์-อาทิตย์ และต้องนั่งรอจนกว่าจะเรียนเสร็จ เพราะบ้านอยู่ไกลเกินไปที่จะขับรถกลับมารับอีกรอบ จะมีความต้องการรถที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกภายใน เสมือนหนึ่งเป็นบ้านเคลื่อนที่อยู่บนถนน เพื่อใช้ฆ่าเวลาที่ต้องนั่งรอ

รถยี่ห้อง "ซาบ ลีมูซีน" ปรากฏโฉมครั้งแรกเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็มีผู้สั่งซื้อทันทีในวันนั้น และทางบริษัทคาดว่าจะสามารถจำหน่ายได้ไม่ต่ำกว่า 10 คัน

ซาบ ลีมูซีน เกิดจากการนำรถยนต์ซาบรุ่น 9000 CD เครื่องยนต์ 2300 ซีซีจากประเทศสวีเดนนำมาดัดแปลงใหม่โดยการขยายส่วนกลางตัวรถออกไปประมาณ 90 ซม. ความกว้างที่มากขึ้นทำให้ตกแต่งความสะดวกภายในได้มากขึ้น เสมือนหนึ่งยกห้องนั่งเล่นมาไว้ในรถ

"เชฟโรเล็ท" เป็นรถอีกยี่ห้อหนึ่งที่มีคุณสมบัติไม่แตกต่างจาก ซาบ ลีมูซีน ในแง่เครื่องอำนวยความสะดวก

ซาบ ลีมูซีน ราคาคันละ 3,990,000 บาท ส่วนเชฟโรเล็ท ราคาคันละ 2,500,000 บาท

สำหรับบางคนมีการนำรถตู้ มาปรับปรุงตกแต่งภายในเพิ่มในสิ่งที่ต้องการ ซึ่งจะใช้เงินประมาณ 2 แสนบาท แล้วแต่คุณภาพของสิ่งที่เสริมความสะดวก

ปัญหาการจราจรเป็นปัจจัยสำคัญที่จะลดเวลาที่ใช้บนท้องถนนลงให้มากที่สุด รวมทั้งการแสวงหาความสะดวกสบายในช่วงเวลาที่ต้องติดอยู่บนท้องถนนเป็นเวลานานเป็นการช่วยตัวเองเท่าที่จะทำได้ ในสภาพการณ์ที่ยังไม่มีวี่แววเลยว่าปัญหาการจราจรจะได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นได้อย่างไร?

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us