สยามฟิวเจอร์ฯ (เอสเอฟ) รุกหนักพัฒนาค้าปลีกไม่ยั้งมือ ปีหน้าเตรียมทุ่มอีก 2,000 ล้านบาท ผุดสาขาเพิ่ม พร้อมเล็งบุกตลาดภูธรเพิ่มขึ้นด้วยตามหัวเมืองใหญ่ โดยนำรูปแบบเนเบอร์ฮูดเป็นเรือธง ลั่นปลายปีนี้เปิดบริการดิเอสพละนาดได้ในส่วนแรก คาดปีนี้รายได้เติบโต 100% เท่ากับปริมาณพื้นที่รวมสู่ 180,000 ตารางเมตร
นายนพพร วิฑูรชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือเอสเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะรุกการลงทุนในปีหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยวางแผนที่จะลงทุนอีกประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท เป็นอย่างต่ำ ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเชิงค้าปลีกเพิ่มขึ้นอีกหลายโครงการ เช่น โครงการแบบเนเบอร์ฮูดชอปปิ้งเซ็นเตอร์ ชื่อเดอะอเวนิวรัชโยธิน ที่ติดกับเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์รัชโยธิน และเดอะอเวนิวที่พัทยา
นอกจากนั้นยังให้ความสนใจในทำเลย่านถนนรามอินทราและถนนศรีนครินทร์อีกด้วย เนื่องจากเป็นถนนที่มีศักยภาพมีความเจริญอย่างมากในขณะนี้ ส่วนแผนการพัฒนารูปแบบอื่น คือ ไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์จะมีอีกอย่างน้อย 2 แห่งในกรุงเทพฯ เช่นที่ถนนแจ้งวัฒนะ
ปัจจุบันบริษัทฯ มีรูปแบบการพัฒนาเชิงค้าปลีกถึง 4 รูปแบบแตกต่างกันไป เพื่อให้สอดคล้องกับแต่ละพื้นที่, กลุ่มเป้าหมาย และขนาดของพื้นที่ที่มีอยู่ โดยประกอบด้วย 1.เนเบอร์ฮูดชอปปิ้งเซ็นเตอร์ 2.คอมมูนิตี้มอลล์เซ็นเตอร์ 3.ไลฟ์สไตล์ชอปปิ้งเซ็นเตอร์ และ 4.เพาเวอร์เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นโครงการที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดกว่าทุกรูปแบบ ทั้งนี้ในแต่ละรูปแบบบริษัทฯ จะเป็นผู้ลงทุนเองและมีพันธมิตรร้านค้าเข้ามาเช่าตลอดจนเซ้งพื้นที่ระยะยาวเพื่อทำการค้า
นอกจากการลงทุนอย่างหนักในกรุงเทพฯ แล้ว บริษัทฯ ยังมีนโยบายที่จะขยายการลงทุนไปยังต่างจังหวัดมากขึ้นด้วยในแต่ละรูปแบบที่มีความเหมาะสมในแต่ละจังหวัด โดยเฉพาะที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือ รูปแบบเนเบอร์ฮูดชอปปิ้งเซ็นเตอร์ ซึ่งจังหวัดที่สนใจในเบื้องต้นนี้ คือ ขอนแก่น เชียงใหม่ ที่เป็นหัวเมืองใหญ่
สำหรับโครงการขนาดใหญ่ที่สุดในปีนี้ที่ลงทุนไปคือ โครงการดิเอสพละนาด ที่ถนนรัชดาภิเศก มูลค่าโครงการกว่า 1,500 ล้านบาท เป็นรูปแบบอาร์ตเทอร์เทนเม้นท์ เซ็นเตอร์แห่งแรกของเอเชียที่สะท้อนออกมาในรูปแบบของศิลปะ 7 แขนงคือ ดนตรี ภาพวาด-ภาพเขียน ศิลปะการแสดง สถาปัตยกรรม วรรณกรรม ศิลปกรรม ประติมากรรม และศิลปภาพยนตร์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วมากกว่า 90% มีร้านค้าเข้าจองพื้นที่แล้วกว่า 95% คาดว่าจะสามารถเปิดบริการได้ในส่วนแรกภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ และเปิดบริการเต็มรูปแบบในไตรมาสแรกปีหน้าแน่นอน
โครงการนี้มีเป้าหมายจับกลุ่มลูกค้าที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป มีรายได้ปานกลาง-สูง คนรุ่นใหม่ รักศิลปะความบันเทิงทุกรูปแบบ คาดว่าช่วงแรกที่เปิดบริการจะมีลูกค้าเข้าหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 30,000 คนต่อวัน ในวันธรรมดา และประมาณ 50,000 คนต่อวันในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์
ดิเอสพละนาดเป็นอาคารสูง 7 ชั้นรวมชั้นใต้ดิน พื้นที่ขายกว่า 45,000 ตารางเมตร แม่เหล็กใหญ่ๆ เช่น อีเว้นท์ฮอลล์ 2,000 ตารางเมตร โรงหนังเอสพละนาด 20,000 ตารางเมตร โรงละครรัชดาลัยพื้นที่ 5,000 ตารางเมตร แคลิฟอร์เนียว้าวเอ็กซ์พีเรียนซ์ฟิตเนสคลับพื้นที่ 3,660 ตารางเมตร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์มิวสิคเฮาส์ พื้นที่ 800 ตารางเมตร เคพีเอ็นมิวสิคอะเคดามี พื้นที่ 400 ตารางเมตร เป็นต้น และร้านค้าย่อยอีกจำนวนมาก
"เมื่อเราเปิดให้บริการดิเอสพละนาดแล้ว ผมคิดว่าคงจะสร้างาคึกคักได้มากขึ้นและจะทำให้ย่านถนนรัชดาภิเษกนี้เป็นย่านซีบีดีแห่งที่สองของกรุงเทพฯ ให้ได้ เพราะมีทุกอย่างครบในย่านนี้ทั้งค้าปลีก แหล่งบันเทิง ย่านธุรกิจและอื่นๆ เหมือนกับย่าน "ลปปงงิชอปปิ้ง" ที่ประเทศญี่ปุ่น" นายนพพรกล่าว
นายสมคิด ตันทัดวาณิชย์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โครงการดิเอสพละนาด กล่าวว่า ได้วางกลยุทธ์ตลาดไว้ 4 ด้าน คือ เน้นการสร้างแบรนด์ เน้นการทำกิจกรรมหลักที่ส่งเสริมศิลปกรรม เน้นการทำซีอาร์เอ็มเช่นการทำบัตรอาร์เอฟไอดี คือบัตรสมาชิกของโครงการที่ทำขึ้นเป็นพิเศษโดยทางเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ และการขายสื่อมัลติมีเดียภายในโครงการ ซึ่งประกอบด้วยจอพลาสม่าทีวี 300 เครื่อง
สำหรับผลประกอบการของบริษัทสยามฟิวเจอร์ฯ ในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 900 ล้านบาท เติบโต 100% ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตทางด้านพื้นที่รวมที่บริษัทฯ เป็นผู้พัฒนาและบริหารที่คาดว่าภายสิ้นปีนี้จะมีพื้นที่รวมเพิ่มเป็น 180,000 ตารางเมตร จากปีที่แล้วที่มีประมาณ 90,000 ตารางเมตร
|