ทีโอทีเตรียมตั้งระบบสำรอง "ระบบบิลลิ่ง" หลังพิสูจน์ชัด เทเลเมติกส์ไร้ความสามารถในการให้บริการระบบอย่างมีประสิทธิภาพ ด้าน “พล.อ.ท.สมชาย” รองประธานบอร์ดทีโอทียันการแก้ปัญหาเดินมาถูกทาง ชี้ที่ผ่านมาทีโอทีเสี่ยงมากที่ไม่มีระบบสำรองบิลลิ่งที่ถือเป็นหัวใจหลักของการให้บริการ

พล.อ.ท.สมชาย เธียรอนันต์ รองประธานบอร์ดบริษัท ทีโอที กล่าวว่าทีโอทีมีแผนที่จะแยกบริษัทลูกเพื่อให้บริการระบบบิลลิ่ง เอาท์ซอร์สกับธุรกิจต่างๆ ในอนาคตอันใกล้นี้ หลังจากทีโอทีสามารถแก้ปัญหาระบบบิลลิ่งกับเทเลเมติกส์เป็นที่เรียบร้อย โดยทีโอทีจะมีการตั้งระบบคู่ขนานหรือ billing back-up system ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์แบบเดียวกับที่เทเลเมติกส์ติดตั้งเพื่อเตรียมพร้อมหากเกิดปัญหาขึ้นมา เพราะระบบบิลลิ่งถือเป็นหัวใจของผู้ให้บริการโทรคมนาคมเนื่องจากในการแข่งขันทีโอทีจะต้องออกบริการใหม่ในลักษณะเชื่อมโยงบริการระหว่างกันอย่างโทรศัพท์พื้นฐาน โทรศัพท์มือถือ กับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งจะทำให้ระบบบิลลิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น

“เทเลเมติกส์มีปัญหาด้านการเงินมาก จนถึงระดับขาดเงินสดหมุนเวียนในการดำเนินงาน พูดง่ายๆ ว่า พอทีโอทีจ่ายค่าเช่าให้แต่ละเดือน ก็มีเจ้าหนี้ของเทเลเมติกส์มารอรับเงินไปชำระหนี้”

สำหรับขั้นตอนการทำระบบคู่ขนานหรือระบบสำรองนั้น จะต้องให้เจ้าของซอฟต์แวร์คือ Kenan ดูรายละเอียดของสัญญาที่ทำไว้กับเทเลเมติกส์ว่าสามารถทำได้หรือไม่ เพราะตามสัญญาเช่าระบบบิลลิ่งระหว่างทีโอทีกับเทเลเมติกส์นั้น เทเลเมติกส์จะเจรจาตรงกับเจ้าของซอฟต์แวร์ โดยทีโอทีทำสัญญา 5 ปีกับเทเลเมติกส์ มูลค่า 1,175 ล้านบาท หรือค่าเช่า 19 ล้านบาทต่อเดือน

ตั้งแต่ทีโอทีนำระบบบิลลิ่งใหม่มาใช้ตั้งแต่เดือนเม.ย.2548 ที่ผ่านมาก็เกิดปัญหามาโดยตลอด โดยเฉพาะการแจ้งหนี้ที่คลาดเคลื่อน ปัญหาเลขหมายที่ไม่สามารถชำระเงินได้ และมีตัวเลข Unmatched Call Data Record สะสมมาก นอกจากนี้เทเลเมติกส์ยังมีปัญหาด้านการเงินในการสั่งซื้อวัสดุสิ้นเปลืองต่างๆ รวมทั้งอะไหล่ในการบำรุงรักษาระบบให้ทำงานได้ เนื่องจากสัญญาเช่าใช้ระบบบิลลิ่งไม่ชัดเจนหลายเรื่อง เช่นระบุเพียงว่าทีโอทีต้องรับภาระในเรื่องการซัปพลายระบบบิลลิ่ง เช่น หมึก, กระดาษ แต่ที่ผ่านมาเทเลเมติกส์ไม่สามารถแสดงได้ว่าอะไรเป็นการซัปพลายบ้างรวมทั้งในเรื่องอะไหล่ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีวิศวกรของบริษัทบางส่วนได้ลาออกจากปัญหาการเงิน ซึ่งทีโอทีได้ว่าจ้างมาเพื่ออบรมพนักงานทีโอทีให้สามารถดูแลระบบบิลลิ่งต่อไปได้ ทั้ง ๆ ที่สัญญากำหนดให้เทเลเมติกส์จะต้องอบรมพนักงานทีโอทีขึ้นมารองรับ รวมทั้งยังมีปัญหาในเรื่องการอัปเกรดซอฟต์แวร์เพื่อรองรับบริการต่างๆ ทีโอทีก็ต้องเสียเงินเพิ่มจำนวนมาก

ทีโอทีได้แก้ปัญหา 2 ส่วนคือการพิจารณาเพื่อเลิกสัญญากับเทเลเมติกส์และหาทางซื้อสัญญากลับมาจัดการเอง และการแก้ไขในส่วนของด้านปฏิบัติการหรือ Operation เพื่อให้ระบบบิลลิ่งทำงานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทีโอทีสามารถแก้ไขด้าน unmatched CDR จากที่มีเลขหมายที่เก็บเงินไม่ได้กว่า 60,000 เลขหมาย จนเหลือเพียง 25,000 เลขหมายเท่านั้น ซึ่งถือเป็นจุดที่น่าพอใจคือ ราว 0.8% จากเลขหมายรวม 4 ล้านเลขหมาย

ในส่วนของอุปกรณ์หรือวัสดุสิ้นเปลืองก็มีการตกลงอย่างชัดเจนเพื่อรับผิดชอบค่าใช้จ่ายโดยแยกเป็น 2 ส่วนคือ 1.วัสดุสิ้นเปลืองต่างๆ ที่มีอยู่ 100 รายการ ทีโอทีต้องรับภาระเอง 13 รายการ ที่เหลือเทเลเมติกส์รับภาระให้และ 2.อะไหล่ซึ่งเทเลเมติกส์ต้องรับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งการแก้ปัญหาในเรื่องวัสดุสิ้นเปลืองทำให้ทีโอทีรู้ว่ามีภาระต้องจ่ายค่าซัปพลายต่างๆ เพียง10.8 ล้านบาทต่อปี หรือเดือนละไม่ถึง 1 ล้านบาทเท่านั้น นอกเหนือจากค่าเช่าเดือนละ 19 ล้านบาท

“ระบบบิลลิ่งกำลังเดินหน้าด้วยดี แนวคิดที่ต้องการมีระบบคู่ขนาน เพราะที่ผ่านมาถือว่าเสี่ยงมากที่ไม่มีระบบสำรอง เนื่องจากทีโอทีมีลูกค้าถึง 4 ล้านราย หากระบบล่มก็จะเป็นเรื่องที่เสียหายรุนแรงมาก”

แหล่งข่าวที่เข้าร่วมประมูลรายหนึ่งกล่าวว่าในช่วงการประมูลระบบบิลลิ่งของเทเลเมติกส์ มีข้อร้องเรียนอย่างมากถึงความโปร่งใสในการประมูล โดยเฉพาะมีการโยงใยถือหุ้นไขว้กันไปมาระหว่างเทเลเมติกส์กับบริษัทที่ปรึกษาทีโอทีในการประมูล รวมไปถึงขั้นตอนการทดสอบการใช้งานหรือ benchmark พร้อมทั้งมีการตั้งข้อสังเกตถึงความสามารถของซอฟต์แวร์ Kenan แต่บอร์ดยุคนั้นที่มีคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ เป็นประธานพร้อมทั้งนายเข็มชัย ชุติวงศ์ กรรมการบอร์ด และนายชัยเชวง กฤตยาคม รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทีโอทีซึ่งรับผิดชอบในการประมูลโดยตรง ต่างยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส แต่ความจริงก็ได้ปรากฏให้เห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับระบบบิลลิ่งของเทเลเมติกส์ในปัจจุบัน ซึ่งความเสียหายขององค์กรที่เกิดขึ้น ก็ไม่มีใครรับผิดชอบตามระเบียบ