นวลิสซิ่งพร้อมสยายปีกรุกธุรกิจเช่าซื้อเต็มที่ จับมือธ.กรุงไทยขอกู้ 350 ล้าน ขยายงาน เล็งทำซีเครียวริไทเซชั่น ลดต้นทุนทางการเงิน มั่นใจครึ่งปีหลังปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อใหม่ 1,000 ล้านบาท
นายธีรธร ธุวานนท์ กรรมการบริหารและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นวลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NVL กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน (ซีเคียวริไทเซชั่น) ซึ่งคาดว่าจะสรุปเรื่องชัดเจนในปีหน้าเป็นวงเงิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งการทำซีเคียวริไทเซชั่นนั้นเชื่อว่าจะทำให้ต้นทุนทางการเงินต่ำกว่าการกู้ธนาคาร 1-2% จากปัจจุบันที่มีต้นทุนทางการเงินอยู่ที่ 6-7% ซึ่งหากจะทำซีเคียวริไทเซชั่นบริษัทจะทำการเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติ โดยในวานนี้ (31 สิงหาคม 2549) บริษัทได้กู้เงินธนาคารกรุงไทยจำนวน 350 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 3 ปี คิดอัตราดอกเบี้ย MLR โดยเงินกู้ที่ได้มาจะนำไปใช้เพือรองรับการขยายธุรกิจ โดยหลังจากการกู้เงินสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทฯ จะอยู่ที่ 1.1:1
ทั้งนี้ในปัจจุบันบริษัทฯ มีเงินกู้ทั้งหมด 1,300 ล้านบาท โดยหลังจากการกู้เงินในวันนี้จากธนาคารกรุงไทยบริษัทยังสามารถกู้ได้ถึง 4 เท่าของทุนจดทะเบียน ประกอบกับบริษัทสามารถมีวงเงินกู้ได้ถึง 5,000 ล้านบาท ที่เชื่อว่าสามารถรองรับธุรกิจได้ 2-3 ปี
สำหรับพันธมิตรนั้นขณะนี้มีผู้ที่สนใจติดต่อเข้ามาทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติ ซึ่งการเข้ามาของพันธมิตรที่นั้นจะเข้ามาช่วยเสริมจุดอ่อนของบริษัท โดยจะสามารถถือหุ้นได้ไม่เกิน 10-15% เนื่องจากบริษัทยังคงต้องการความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจอยู่ ส่วนการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อใหม่ของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่บริษัทฯ ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ 500 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มองว่า ในครึ่งปีแรกแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังปรับตัวสูงทำให้บริษัทฯ ชะลอการปล่อยสินเชื่อ แต่ในครึ่งปีหลังอัตราดอกเบี้ยเริ่มทรงตัวทำให้บริษัทฯ หันมาขยายสินเชื่อมากขึ้น
อย่างไรก็ตามในสิ้นปี 2549 สินเชื่อรวมของบริษัทฯ คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ที่มีประมาณ 2,300-2,400 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นสุทธิ 500-600 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม รายได้และกำไรของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลังว่าน่าจะสูงกว่าในครึ่งปีแรก เนื่องจากในครึ่งปีหลังบริษัทฯ มีนโยบายที่จะปล่อยสินเชื่อสูงกว่าในครึ่งปีแรกและสินเชื่อที่ปล่อยเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าครึ่งปีแรกเช่นกันทำให้กำไรและรายได้ของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลังจะสูงกว่าในครึ่งปีแรกรวมทั้งการเติบโตทั้งรายได้และกำไรจะดีกว่าในปี 2548 ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ปัจจุบันมีอยู่ 2% เศษ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงปลายปี 2548 ที่ผ่านมา ทั้งนี้บริษัทจะยังคงรักษาระดับนี้ไว้ และตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปีจะให้เหลือ 2.5%
ส่วนการขยายสาขานั้นในสิ้นปีจะเปิดสาขาเพิ่มเป็น 5 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 3 สาขา ซึ่งบริษัทจะเน้นเปิดสาขาให้อยู่ตามหัวเมืองใหญ่มากกว่าเป็นแบบทุกจังหวัด
|