Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2537








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2537
"แปซิฟิกริม โปรดักชั่น" สร้างหนังขายตลาดเคเบิลทีวี"             
 


   
search resources

แปซิฟิกริม โปรดักชั่น
ทนง บุรานนท์




ผ่านไปปีเศษนับแต่เริ่มเปิดตัวบริษัทแปซิฟิกริม โปรดักชั่น และเปิดกล้องภาพยนตร์เรื่องแรกของบริษัทชื่อ "NATURAL CAUSES" เพื่อป้อนตลาดเคเบิลทีวีทั่วโลก

มาปีนี้ จะมีการสร้างภาพยนตร์เรื่องที่ 2 "SOUTH OF PARADISE" ราวปลายเดือนพฤษภาคม ในระหว่างที่ภาพยนตร์เรื่องแรกเริ่มออกขายตามบริษัทเคเบิลทีวีนับร้อยแห่ง

"ผมเพิ่งปล่อยขายในบางประเทศแถบยุโรป ก็ได้มาหกแสนกว่าเหรียญในเวลาไม่นาน" ทนง บุรานนท์ ประธานของบริษัทบอกยอดขายประเดิมที่ได้มาราว 15 ล้านบาท

ทนง บุรานนท์ เคยอยู่ในแวดวงระดับผู้บริหารของกลุ่มธนาคารฮ่องกงอยู่นานถึง 26 ปี ตำแหน่งสุดท้ายก่อนจะลาออก คือกรรมการผู้จัดการบริษัทเงินทุนวอร์ดเรย์ประเทศไทย หลังจากนั้น ได้ร่วมทุนกับบริษัท แพคเวสท์ สิงคโปร์ พัฒนาที่ดินของครอบครัวที่ซอยสมคิด ถนนเพลินจิต โดยทำโครงการสมคิด การ์เด้น ให้เป็นคอนโดมิเนียมระดับหรูราคาไม่ต่ำกว่ายูนิตละ 10 ล้านบาท และโครงการสมคิด เพลส เป็นคอนโดออฟฟิศและที่อยู่อาศัย

การเข้ามาเกี่ยวข้องกับวงการภาพยนตร์เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ เมื่อมีโอกาสรู้จักกับนักสร้างภาพยนตร์อเมริกันชื่อ เรมอนด์ นีดัม เมื่อ 4 ปีที่แล้ว จนกระทั่งมีการตกลงใจตั้งบริษัทแปซิฟิกริมฯ โดยมีเรมอนด์ นีดัมร่วมถือหุ้นด้วยส่วนหนึ่ง

สำหรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่นอกจากทนง บุรานนท์แล้ว ยังมียาจิตร ยุวบูรณ์ ทั้งสองถือหุ้น 51% ของบริษัท

ยาจิตร ยุวบูรณ์ เคยเป็นเลขานุการให้ทนง บุรานนท์ เมื่อเริ่มแรกที่ทำงานให้กลุ่มธนาคารฮ่องกง ต่อมาเป็นเลขานุการผู้จัดการใหญ่ซิตี้แบงค์ และได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการและผู้ช่วยรองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ก่อนที่จะลาออกมาร่วมหุ้นและเป็นผู้อำนวยการสร้างและการประชาสัมพันธ์ให้กับบริษัทแปซิฟิกริมฯ

ทนงและยาจิตรใช้เวลาปีเศษในการศึกษาวิธีการทำภาพยนตร์ วิธีการบริหารงบสร้างหนัง ตลอดจนช่องทางการตลาด จนมั่นใจว่าการจัดสร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย จะเป็นที่ยอมรับในตลาดต่างประเทศ

"เราใช้ดาราฮอลีวู้ดนำแสดง และต้องเป็นดารามีชื่อเสียงพอควร หรืออย่างน้อยเมื่อเอ่ยชื่อแล้วพอคุ้นหูบ้างและที่สำคัญคือบทภาพยนตร์ต้องมีความเป็นสากล แม้ว่าทีมงานส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยและถ่ายทำในเมืองไทยทั้งเรื่องก็ตาม" ทนงเล่าหัวใจอันดับแรกของการสร้างภาพยนตร์เพื่อฉายได้ทั่วโลก

"NATURAL CAUSES" ใช้ดารานำแสดงและดาราตัวประกอบที่คุ้นชื่อกันดี อาทิ ตัวเอกของเรื่อง คือ แครี ทากาว่า เคยเล่นหนังจอใหญ่เรื่อง RISING SUN อาลี แมคกรอว์ จากเรื่อง THE GETAWAY ทิมธอ เมอร์สัน เคยแสดงเรื่อง AIR AMERICA เป็นต้น

อันดับต่อมา คือ ต้องทำงบการสร้างอย่างละเอียดถี่ถ้วนทุกขั้นตอน และต้องควบคุมการใช้จ่ายให้ได้ตรงตามงบที่วางแผนไว้ด้วย เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการขาดทุนหรือกำไรโดยตรง

"เรื่องแรก เราใช้เงินตามงบตรงตามที่ตั้งไว้ และใช้เวลาถ่ายทำตรงตามกำหนดด้วย 33 วันก็ 33 วัน" ทนงพูดถึงประสิทธิภาพของการบริหารที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องแรกใช้งบการสร้าง 50 ล้าน ตามที่ตั้งไว้

งบประมาณการสร้างมีส่วนสัมพันธ์เป็นลูกโซ่กับการเซ็นสัญญากับบริษัทจัดจำหน่าย ซึ่งมีการเจรจาก่อนหน้าจะลงมือถ่ายทำทุกครั้ง โดยบริษัทจัดจำหน่ายจะขอดูบทภาพยนตร์ และรายชื่อดาราเป็นหลักเพื่อนำมาประเมินวงเงินการประกันรายได้ขั้นต่ำของภาพยนตร์

กรณีเรื่อง NATURAL CAUSES มีบริษัท TANGEA ในสหรัฐอเมริกา เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายทั่วโลก ยกเว้นในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และบางประเทศในเอเชีย ทางสำนักงานแปซิฟิกริมฯ ประจำลอสแองเจลิสจะเป็นผู้จัดจำหน่ายเอง โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดเคเบิลทีวีใหญ่ที่สุด

บริษัท แธนเกียได้ประกันรายได้ขั้นต่ำไว้ 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 50 ล้านบาท โดยมีอายุสัญญานาน 7 ปี และทางบริษัทจะได้ผลตอบแทนประมาณ 10% จากยอดขายทั้งหมดตามอายุสัญญา

"เพราะฉะนั้น ถ้าเราผลิตหนังในเกณฑ์ 2 ล้านเหรียญ ก็จะลดความเสี่ยงลง" ทนงให้เหตุผลของการระวังค่าใช้จ่ายไม่ให้เกินงบประมาณ

สำหรับเรื่อง SOUTH OF PARADISE มีการแก้ไขบททั้ง 4 ครั้งแล้วโดย เรมอนด์ นีดัม ภาพยนตร์เรื่องนี้จะถ่ายทำที่เกาะสมุยทั้งเรื่อง มีสันติบุรี ดุสิต รีสอร์ท เป็นสปอนเซอร์สถานที่ถ่ายทำและที่พักของทีมงาน

"ภาพยนตร์ของเราเป็นระดับกลาง ๆ และไม่ได้หวังฉายจอใหญ่ ในอนาคตจะทำหนังให้ได้ปีละ 2-3 เรื่อง 5 ปีก็ได้ประมาณ 10 เรื่อง ซึ่งเราสามารถนำกลับมาฉายและทำกำไรได้เรื่อย ๆ เป็นสิบ ๆ ปี" ทนงเล่าถึงเป้าหมายของบริษัท

บริษัทแปซิฟิกริมฯ เป็นบริษัทของคนไทยรายแรกที่สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศเพื่อออกขายตลาดเคเบิลทีวีทั่วโลก ด้วยการใช้ดารามีชื่อ 2-3 คน และทัศนียภาพของเมืองไทยเป็นจุดขาย รวมทั้งสามารถใช้ต้นทุนการผลิตต่ำ เพราะมีสปอนเซอร์สนับสนุนและทีมงานส่วนใหญ่เป็นคนไทย และที่สำคัญคือการมีสายสัมพันธ์กับวงการฮอลีวู้ดและบริษัทจัดจำหน่ายหนัง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us