หุ้นน้องใหม่รถไฟฟ้ากรุงเทพ ได้ฤกษ์ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ 21 ก.ย.นี้ สรุปราคาจองวันนี้ พร้อมกระจายหุ้น 8, 11-13 ก.ย.นี้ จัดสรรหุ้น 25 ล้านหุ้น ให้นักลงทุนที่สนใจมาจองที่สถานีรถไฟฟ้าศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เพื่อสุ่มตัวอย่าง ผู้บริหารมั่นใจหุ้นอนาคตดี ตั้งเป้าปีนี้รายได้โต 40% เล็งล้างขาดทุนสะสม 3.6 พันล้านบาท หมดในปี 2554 ขณะที่ภาวะตลาดหุ้นยังซบเซา วอลุ่มเบาบางเหลือเพียง 8 พันล้านบาท เหตุขาใหญ่ชะลอการซื้อขาย
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEST ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL กล่าวว่า ในวันนี้บริษัทจะสามารถสรุปราคาที่จะเสนอขายหุ้นบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพได้ โดยจะมีการจัดสรรหุ้นที่เสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบันต่างประเทศประมาณ 25-30% นักลงทุนสถาบันในประเทศประมาณ 25-30% และนักลงทุนรายย่อยในประเทศประมาณ 40-50% ของหุ้นที่เตรียมที่เสนอขายทั้งหมดจำนวน 2,756.4 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ในส่วนที่จัดสรรให้นักลงทุนรายย่อยในประเทศจะแบ่งการจัดสรรออกเป็น 2 ทาง คือเปิดให้มีการจองซื้อผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่ร่วมจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหรืออันเดอร์ไรเตอร์ และการเปิดให้จองซื้อหุ้นโดยการสุ่มเลือกจำนวน 25 ล้านหุ้น ซึ่งจะเปิดจองซื้อที่สถานีรถไฟฟ้าศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในวันที่ 8 กันยายนวันเดียว โดยไม่มีการกำหนดการจองซื้อขั้นต่ำและขั้นสูง
สำหรับการนำเสนอข้อมูลให้แก่นักลงทุนสถาบันในประเทศเมื่อวันที่ 28-30 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้รับความสนใจค่อนข้างมาก และบริษัทเตรียมที่จะนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศในวันที่ 31 สิงหาคม - 5 กันยายน และจะเสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไปในวันที่ 8, 11-13 กันยายน ก่อนจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันที่ 21 กันยายนนี้
นายมนตรี กล่าวอีกว่า สำหรับหุ้นที่กระจายให้ในส่วนที่จะจัดสรรให้ บริษัท รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำกัด หรือ รฟม. จะถูกห้ามทำการซื้อขายในระยะเวลา 3 ปี แต่สามารถทยอยขายหุ้นได้ 20% หลังผ่านปีแรก และจะทยอยขายได้อีก 20% ทุกๆ 6 เดือน ขณะที่ส่วนของหุ้นที่จัดสรรให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท จะห้ามซื้อในระยะเวลา 2 ปี แต่จะสามารถขายได้ 50% หลังผ่านปีแรก และจะทยอยขายได้อีก 20% ในสิ้นปีที่ 2
นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมั่นใจและพร้อมที่จะระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์อย่างเต็มที่ โดยเหตุผลที่จะต้องเลื่อนการระดมทุนก่อนหน้านี้ เพราะที่ปรึกษาทางการเงินต้องการให้เข้ามาจดทะเบียนในช่วงที่ภาวะหุ้นเหมาะสมกว่าช่วงนั้น โดยในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นค่อนข้างรับรู้ปัจจัยลบต่างๆ ที่จะเข้ามากระทบไปหมดแล้ว ทั้งในเรื่องราคาน้ำมัน รวมถึงประเด็นทางด้านการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้คาดว่า รายได้ปีนี้จะเติบโต 40% จากปี 2548 ที่มีรายได้รวม 1,046 ล้านบาท เนื่องจากมีผู้โดยสารจำนวนเพิ่มขึ้น ขณะที่มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมใช้บริการในอัตราที่สูงขึ้นเช่นกัน โดยบริษัทได้ตั้งเป้าจะล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่จำนวน 3.6 พันล้านบาท หมดภายในปี 2554 เนื่องจากคาดว่าตั้งแต่ปี 2551 ผลประกอบการจะพลิกกลับมาเป็นกำไร และจะนำกำไรดังกล่าวมาล้างขาดทุนสะสมได้
สำหรับภาพรวมของธุรกิจ คาดว่าในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2549 บริษัทน่าจะถึงจุดที่คุ้มทุนในเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้าที่มีค่าใช้จ่ายประมาณวันละ 4 ล้านบาท เนื่องจากจำนวนผู้ใช้บริการน่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 200,000 เที่ยวต่อวัน ขณะที่จำนวนการใช้บริการหากเพิ่มขึ้นถึง 280,000 เที่ยวต่อวัน บริษัทจึงจะเริ่มรับรู้กำไรจากการดำเนินการ โดยคาดว่าจะสามารถทำได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า
"เรายังมีความพร้อมในการขยายทั้งในส่วนรถไฟฟ้าหากมีความต้องการใช้ในจำนวนที่มากขึ้นโดยปัจจุบันมีรถไฟฟ้าจำนวน 17 ขบวน ที่เปิดใช้บริการ และเข้ามาอีก 2 ขบวน เป็น 19 ขบวน ใน 2 ปีหน้า ซึ่งจะทำให้สามารถรองรับการใช้บริการได้ถึง 400,000 เที่ยวต่อวัน ในส่วนของเงินที่ได้จากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์บริษัทเตรียมที่จะนำไปซื้อขบวนรถไฟฟ้าเพิ่มอีก 5 ขบวน"
วอลุ่มบางขาใหญ่ชะลอซื้อขาย
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (30 ส.ค.) ดัชนีปรับตัวลดลงมาปิดที่ 684.51 จุด ลดลง 1.73 จุด หรือ 0.25% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 686.97 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 682.05 จุด มูลค่าการซื้อขาย 8,019.40 ล้านบาท
การซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มปรากฏว่า นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 638.87 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 12.65 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 626.22 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นที่ซบเซาและมีมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางนั้น ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนรายใหญ่ได้ชะลอการซื้อขาย หลังจากที่มีปัจจัยลบเกี่ยวกับปัจจัยทางการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้มองว่ามีความเสี่ยงที่จะลงทุน และทำให้ทำกำไรได้ยาก โดยขณะนี้หุ้นขึ้นมาเล็กน้อยนักลงทุนรายใหญ่ก็ขายทำกำไรแล้ว ไม่ต้องการที่จะถือนานเพราะเกรงว่ามีความเสี่ยง
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงกังวลจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่ยังไม่ชัดเจน หลังการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีความล่าช้าและอาจจะส่งผลทำให้การเลือกตั้งมีแนวโน้มจะต้องเลื่อนออกไป ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายเบาบาง
สำหรับแนวโน้มวันนี้ คาดว่าดัชนีจะยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ แต่นักลงทุนจะต้องติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจทั้งของไทยและสหรัฐอเมริกา โดยประเมินแนวรับ 677–682 จุด แนวต้าน 692 จุด
|