“กรพจน์ อัศวินวิจิตร” ยันกำไรสุทธิปี 49 ยังใกล้เคียงกับปีที่แล้วแม้ภาวะเศรษฐกิจจะฉุดความเชื่อมั่นการบริโภค ระบุการลงทุนในหลักทรัพย์และในต่างประเทศยังเป็นตัวสร้างกำไรที่ดี ขณะที่แบงก์ยังต้องตั้งสำรองเดือนละ 200 ล้าน เพื่อสร้างฐานะการเงินที่เข้มแข็ง ล่าสุดมอบทุนการศึกษาด้านภาษาที่ขาดแคลนกว่า 65 ล้านบาท

นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารในช่วงครึ่งปีแรกจะยังคงมีกำไรสุทธิใกล้เคียงกับเป้าที่ตั้งไว้ที่ 6,000 ล้านบาท แต่อาจต่ำกว่ายังคงเป็นตัวสร้างกำไรที่ดี ขณะที่แบงก์ประมาณการเล็กน้อยเนื่องจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคได้ ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้เป็นตัวผลักดันให้ภาวะต้นทุนของธนาคารสูงขึ้น

ทั้งนี้สามเหตุที่ทำให้ธนาคารสามารถสร้างผลประกอบการให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาได้ เนื่องจาก 3 ปัจจัยหลักที่ธนาคารให้ความสำคัญเพื่อควบคุมต้นทุนและสร้างรายได้คือ การบริหารจัดการต้นทุน สินทรัพย์และรายได้อื่นๆ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์โดยการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อระดมเงินฝากกัน แต่ธนาคารออมสินไม่มีนโยบายเข้าไปแข่งขันในจุดนั้น จึงทำให้ธนาคารไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น

“ส่วนการลงทุนในหลักทรัพย์ที่ผ่านมาถือว่าสร้างกำไรให้กับธนาคารในระดับที่น่าพอใจมาก รวมทั้งการลงทุนในต่างประเทศผ่านกองทุนต่างๆ ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูง รายได้จากส่วนนี้จึงสามารถชดเชยกับต้นทุนด้านอื่นได้ในระดับหนึ่ง ทำให้ธนาคารสามารถมีผลกำไรใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาได้ แม้ว่าจะมีการตั้งสำรองเดือนละ 200 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปีก็ตาม” นายกรพจน์กล่าว

นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ฉุดความเชื่อมั่นของนักลงทุนไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธนาคารออมสินแต่อย่างใด แม้ว่าจะกระทบต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้นบ้าง แต่ธนาคารมีระบบการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีมีการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมต่างๆ เพื่อทดแทนรายได้ส่วนอื่นที่ขาดไป

ทั้งนี้ฐานลูกค้าของธนาคารส่วนใหญ่เป็นรายย่อยซึ่งอาจโดนผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจบ้างเล็กน้อย แต่ลูกค้ากลุ่มนี้มีการปรับตัวเร็ว ซึ่งหากค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นเพิ่มขึ้นจะทำให้ลูกค้าลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็นแทนจึงไม่กระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้กับธนาคาร โดยภาพรวมแล้วเศรษฐกิจของประเทศก็ยังไม่เลวร้ายถึงขั้นที่ต้องมีการเลิกจ้างงานเป็นจำนวนมาก

นายมานิตย์ สุธาพร ประธานกรรมการมูลนิธิออมสินเพื่อสังคม กล่าวว่า มูลนิธิฯ ได้จัดสรรเงินทุนจำนวนกว่า 65 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนด้านการศึกษา โดยนำร่องที่โครงการพัฒนานักอักษรศาสตร์รุ่นใหม่ตามแนวพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วยการมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนดีเด่นด้านภาษา 4 รุ่น รุ่นละ 10 คนต่อปี รวมทั้งหมด 40 ทุน เป็นจำนวนเงิน 32,400,000 บาท และมอบทุนการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้กับสาขาที่ขาดแคลนและต้องการบุคลากรจำนวน 6 ภาษา ได้แก่ ภาษาโปรตุเกส รัสเซีย พม่า เขมร เวียดนามและมลายู จำนวน 20 ทุน โดยร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ เพื่อให้นักศึกษาได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ณ ประเทศเจ้าของภาษา รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 33,747,700 บาท