Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2537








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2537
"วินัย พงศธรกับสไตล์การทำธุรกิจที่ถนัด"ซื้อมาขายไป"             
 


   
search resources

เฟิร์สท์ แปซิฟิค กรุ๊ป
วินัย พงศธร
Real Estate




ต้องยอมรับกันว่าในระยะนี้ดวงของวินัย พงศธรแห่งกลุ่มเฟิร์สท์ แปซิฟิคแลนด์กำลังเฮงอย่างมากกับยุทธศาสตร์ทางธุรกิจด้วยวิธีการซื้อมาและขายไป หลังจากประสบความสำเร็จมาแล้วหลาย ๆ ครั้ง

เพราะล่าสุดเขาเพิ่งทำกำไรจากการขายที่ดินแปลงหนึ่งกว่า 60 ล้านบาทโดยใช้เวลาเพียงเดือนเดียว

เรื่องราวมันมีอยู่ว่าเมื่อเดือนธันวาคม 2536 ที่ผ่านมาเขาไปเห็นที่ดินแปลงหนึ่งประมาณ 3 ไร่ครึ่งในซอยนันทา ถนนสาธร หลังโครงการพันธ์ทิพย์คอร์ท สวยถูกใจ เขาวางแผนในการซื้อมาทำโครงการทะลุปรุโปร่งทันที

โครงการที่ได้วาดฝันไว้ก็คือจะสร้างเป็นที่อยู่อาศัยกลางเมืองในรูปแบบของทาวน์เฮ้าส์เล่นระดับที่หรูหราราคาแพงแม้ที่ดินเปล่า ณ จุดนั้นบอกขายในราคาที่สูงถึงตารางวาละประมาณ 1.6 แสนบาท โดยใช้ศักยภาพของถนนสาธรซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจ เป็นจุดขายที่สำคัญ และเขาก็มั่นใจว่าต้องเป็นโครงการที่ขายได้แน่นอน ถึงแม้จะเป็นโครงการแรกของบริษัทในลักษณะของบ้านจัดสรรในกรุงเทพฯ ก็ตาม

ที่ดินแปลงนี้เดิมเป็นที่ดินมรดกของหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธ์ บริพัตร ทางบริษัทเชลส์ เคยเช่าไว้ให้เป็นบ้านพักของผู้จัดการบริษัทมาหลายปีและต่อมาก็มีการเปลี่ยนมือและได้ตกเป็นของวินัย แห่งบริษัทเฟิร์สท์ แปซิฟิค แลนด์ในที่สุด

วินัยได้ตกลงซื้อเมื่อเดือนธันวาคมนั้นเองในราคาประมาณ 200 กว่าล้านบาท ราคาต่อตารางวาประมาณ 1.6 แสนบาทและได้ทำการโอนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2536 โดยจ่ายเงินไปแล้วเพียง 30% และเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ในงานแถลงข่าวเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนหุ้นระหว่างเฟิร์สท์ แปซิฟิคแลนด์ กับบริษัทวิทยาคม วินัยก็ได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันกับนักข่าวว่าประมาณกลางเดือนมีนาคม เฟิร์สท์ฯ จะเปิดโฉมหน้าตัวโครงการใหม่ในที่ดินแปลงนี้แน่นอน

ในช่วงเวลาเดียวกันทางฝ่ายบริษัทโอกิลวี่ ซึ่งรับทำโฆษณาให้กับ เฟิร์สท์ฯ ก็ได้เปิดเผยว่ากำลังเตรียมงานประชาสัมพันธ์งานชิ้นใหม่อยู่ ส่วนประพันธ์ เอี่ยมรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนของ เฟิร์สท์ฯ เองก็กำลังเตรียมข้อมูลให้กับนักข่าวอย่างขมักเขม้นเพราะทุกสิ่งทุกอย่างถูกกำหนดไว้ลงตัวหมดแล้ว

แต่..ในนาทีสุดท้ายปรากฏว่ามีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งกลับเข้ามาติดต่อซื้อที่ดินแปลงนี้ไปในราคาตารางวาละ 2.2 แสนบาทหรือเป็นเงินทั้งหมด 300 กว่าล้านบาท สูงกว่าราคาที่วินัยซื้อมาถึง 30% กำไรที่เห็นเหนาะๆ ประมาณ 60 ล้านบาทวินัยตกลงขายพร้อมแบบและแนวความคิดในการพัฒนาไปทันที ใครบ้างจะไม่เอาไม่ต้องมาพัฒนาที่ดินขายเองให้เหนื่อยแรง สู้เก็บแรงไว้หาซื้อที่ดินแปลงอื่น เพื่อสร้างโครงการใหม่ตามคอนเซ็ปต์เดิมในทำเลที่ไม่เป็นรองสาธรมากนักและฟันกำไรจากพัฒนาตรงนั้นอีกต่อยังจะดีกว่า

และที่สำคัญมันส่งผลให้กำไรของการทำโครงการของบริษัทไตรมาสแรกนี้เพิ่มสูงขึ้นเป็นที่น่าพอใจทันทีเหมือนกัน

นักลงทุนกลุ่มใหม่นี้ยังไม่ยอมเผยโฉม รู้แต่ว่าเป็นเศรษฐีเก่าที่เคยทำโครงการทางด้านพัฒนาที่ดิน แต่เป็นกลุ่มที่มีเงินหนาพอสมควรถึงได้กล้าตัดสินใจซื้อที่ดินราคาสูงขนาดนั้น ในขณะที่แหล่งข่าวทางด้านที่ดินบางรายกระซิบกับผู้จัดการว่า ที่ดินแปลงนั้นเป็นที่ดินเก่าแก่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นที่ดินแปลงสุดท้ายบนถนนสาธร เศรษฐีบางคนนั้นนอกจากชอบที่จะเก็บของเก่าแล้วที่ดินเก่าก็ยังนิยมจะซื้อเก็บไว้ด้วยเพราะราคาไม่มีวันตกแน่นอน

และก็เพราะเรื่องมันเป็นเช่นนี้บรรดานักข่าวที่ตามเรื่องโครงการใหม่ของ เฟิร์สท์ฯ เลยทราบว่าจะไม่มีการแถลงข่าวโครงการที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ของ เฟิร์สท์ฯ เกิดขึ้นในระยะใกล้ๆ นี้แน่นอน นอกจากนั้นทีมงานของบริษัทโอกิลวี่เองก็ทราบว่าทางผู้ใหญ่สั่งให้ระงับแผนโฆษณาโครงการที่เตรียมไว้เอาไว้ก่อน

แล้วอย่างนี้จะไม่ตอกย้ำให้เห็นว่ายุทธศาสตร์ทางธุรกิจที่ถนัดที่สุดของวินัย พงศธรคือการซื้อที่ดิน หรือกิจการแล้วปล่อยขายในราคาที่ดีกว่าได้อย่างไรกัน ?

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us