|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ดาต้าแมท แจงผลงานปี 2548 ขาดทุนสุทธิกว่า 500 ล้านบาท เหตุขาดสภาพคล่องทางการเงินทำให้บริษัทย่อยต้องหยุดดำเนินกิจการ พร้อมเผยแนวทางการแก้ไขปัญหาด้วยการโละทิ้งบริษัทย่อยทั้งหมด 5 แห่ง และเดินหน้าฟื้นฟูกิจการหลังผ่านการอนุมัติจากศาลล้มละลายกลาง
นางกุลชลี นันทสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็ดวานซ์ แพลนเนอร์ จำกัด ในฐานะผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท ดาต้าแมท จำกัด (มหาชน) หรือ DTM เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานประจำปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 ว่า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 500.75 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.46 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 119.27 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.11 บาท
โดยในปี 2548 บริษัทมีรายได้จากการขายและการบริการเพิ่มขึ้น 77.32 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 26% แต่บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้ลดลง 31.07 ล้านบาท หรือลดลง 5% เกิดจากบริษัทย่อยบางแห่งหยุดการดำเนินกิจการชั่วคราวในปี 2548 เนื่องจากขาดเงินทุนหมุนเวียน ขณะที่มีกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อย 3 แห่ง จำนวน 40.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.54 ล้านบาท หรือ 13%
ขณะเดียวกัน บริษัทถูกเจ้าหนี้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการและศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ ปัจจุบันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีคำสั่งในมูลหนี้เป็นเงินต้นจำนวน 1,322.75 ล้านบาท ดอกเบี้ยค้างจ่ายจำนวน 321.91 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมจำนวน 0.11 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 1,455.77 ล้านบาท ทำให้บริษัทต้องบันทึกค่าใช้จ่ายและตั้งเจ้าหนี้พร้อมดอกเบี้ยตามคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพิ่มขึ้น 96.42 ล้านบาท
ด้านค่าใช้จ่ายนั้น ในปี 2548 บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 234.13 ล้านบาท หรือคิดเป็น 142% ขณะที่งบการเงินรวมของบริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 268.41 ล้านบาท หรือ 82% โดยปัจจัยหลักเกิดจากการที่บริษัทบันทึกตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญจากลูกหนี้ เงินทดรองและเงินให้กู้ยืมแก่บริษัทที่เกี่ยวข้องจำนวน 122.87 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทที่เกี่ยวข้องได้หยุดดำเนินกิจการ
ขณะเดียวกัน บริษัทได้ตั้งสำรองรายการขาดทุนจากการประมาณการต้นทุนโครงการ 90.61 ล้านบาท เพราะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของวัสดุอุปกรณ์ของโครงการต่างๆ ระหว่างบริษัทและคู่สัญญา ซึ่งส่งผลกระทบทำให้มีการเปลี่ยนแปลงราคาของวัสดุอุปกรณ์จากเดิมที่ได้จัดทำไว้ แต่โดยภาพรวมแล้วบริษัทคาดว่าจะสามารถดำเนินการโครงการต่างๆ และควบคุมต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงเพื่อให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้และมีกำไรจากโครงการต่างๆ ได้
พร้อมกันนี้ บริษัทได้ชี้แจงถึงกรณีที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินเกิดจาก 2 กรณีคือ 1. บริษัทและบริษัทย่อยมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานเป็นสาระสำคัญอย่างมากและมีผลขาดทุนสะสมเกินทุน และ 2. บริษัทอยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการภายใต้คำสั่งของศาลล้มละลายกลาง
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหานั้น บริษัทพยายามแก้ไขปัญหาการขาดทุนด้วยการพิจารณาขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยที่เหลือจำนวน 5 แห่ง ให้กับบุคคลอื่นที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยในเดือนธันวาคม 2548 ได้ขายบริษัทย่อย 3 บริษัท เดือนกุมภาพันธ์ 2549 ได้ขายบริษัทย่อย 1 บริษัท และเดือนมีนาคม 2549 ได้ขายบริษัทย่อยอีก 1 บริษัท รวมเป็น 5 บริษัท
ส่วนแนวทางการฟื้นฟูกิจการนั้น ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้เลื่อนวันนัดพิจารณาแผนฟื้นฟูฯ ในวันที่ 4 กันยายน 2549 นี้ หากศาลพิจารณาให้ความเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูฯ แล้ว บริษัทจะดำเนินการฟื้นฟูกิจการภายใต้เงื่อนไขและข้อตกลงในการปรับโครงสร้างหนี้ โครงสร้างเงินทุน โครงสร้างองค์กร และโครงสร้างทางการเงิน โดยได้รับความร่วมมือจากเจ้าหนี้และผู้ร่วมลงทุนรายใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้การฟื้นฟูกิจการของบริษัทประสบความสำเร็จ และทำให้บริษัทฯ มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจมีเงินทุนหมุนเวียนสามารถเข้าร่วมดำเนินงานในโครงการใหญ่ๆ ได้ในอนาคต จะส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานและสามารถล้างขาดทุนสะสมเกินทุนในงบการเงินให้หมดไปได้
|
|
|
|
|