Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2537








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2537
"สมศักดิ์ ตีระพัฒนกุล "แฟรงค์" ผู้กล้าหาญเทคโอเวอร์ TTP"             
 


   
search resources

แผ่นเหล็กวิลาสไทย, บมจ.
สมศักดิ์ ตีระพัฒนกุล
Stock Exchange




"แฟรงค์ ลิม" เป็นชื่อฝรั่งที่ "สมศักดิ์ ตีระพัฒนกุล" ราชาฟู้ดแลนด์แห่งพัฒน์พงษ์ใช้สมัยอยู่ฮ่องกง ปัจจุบันเพื่อน ๆ นิยมเรียกเขาว่า "แฟรงค์" ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาสมศักดิ์ได้ทำเรื่องที่ตกเป็นข่าวดังในวงการค้าหุ้นในช่วงภาวะตลาดหุ้นซบเซา เพราะสมศักดิ์ได้อาจหาญประกาศทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์หุ้นบริษัทแผ่นเหล็กวิลาสไทย ซึ่งถือเป็นหุ้นบูลชิฟที่นักลงทุนประเภทสถาบันนิยมถือไว้มาก

น้อยคนนักจะรู้จักประวัติส่วนตัวของสมศักดิ์ ตีระพัฒนกุล หรือแฟรงค์ ราชาฟู้ดแลนด์แห่งพัฒน์พงษ์วัย 57 ปีผู้นี้ เป็นชาวจีนโพ้นทะเลซึ่งกำเนิดที่แผ่นดินจีน แต่เติบใหญ่และจบการศึกษาสูงสุดที่โรงเรียนเซนต์สตีเว่นส์ประเทศฮ่องกง เมื่อย้ายถิ่นมาปักหลักฐานในเมืองไทยและถือสัญชาติไทย แฟรงค์เล่าให้ฟังถึงชีวิตของเขาว่า

"ผมทำงานหลายอย่างกว่าจะมาทำฟู้ดแลนด์ ซึ่งเป็นกิจการหลักของผม ผมคิดว่ากิจการมันจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับคนทำ ผมไม่อวดว่าตัวเองเก่งแต่ถ้าหากผมเทคโอเวอร์ไทยทินเพลทได้ ผมเชื่อว่าผมทำได้ดีกว่าพวกเขา"

กิจการค้าปลีกขนาดใหญ่อย่างฟู้ดแลนด์ ได้กลายเป็นเครื่องจักรทำเงินสด ๆ ที่สมศักดิ์นำเงินไปต่อเงินด้วยการลงทุนในรูปของหุ้น และพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า

หนึ่งในหุ้นที่สมศักดิ์ทะยอยซื้อเก็บไว้นานนับเนื่อง 7 ปีคือหุ้นแผ่นเหล็กวิลาสไทยเพราะเห็นว่าศักยภาพเติบโตสูงมาก แม้จะจ่ายเงินปันผลเพียงแค่ 20% ของผลกำไร แต่อนาคตหุ้นตัวนี้กำไรเกินคาด

แต่ฝันของสมศักดิ์ต้องสลายลงพลัน เพราะเหตุเกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ผู้ถือหุ้นใหญ่ของแผ่นเหล็กวิลาสไทย ประกาศลาออกจากตลาดหลักทรัพย์เหมือนที่บริษัท UI (ยูเนี่ยนอุตสาหกรรมด้าย) เคยทำสำเร็จมาแล้ว และเสนอรับซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อย ในราคาเพียง 880 บาท โดยอ้างเหตุผลถึงความไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อไปว่า

"ผมนำกิจการเข้าตลาดเพราะคุณสมหมาย ฮุนตระกูลชักชวน โดยผมเอาหุ้น "สี่ยงค์" ขายให้ประชาชนหุ้นละ 100 บาท ไม่ได้เป็นการเพิ่มทุนต่อมาเมื่อตลาดมีกฎเกณฑ์ต่าง ๆ มากมายและผมเห็นว่าไม่สามารถทำตามข้อบังคับของตลาดได้ ผมก็ถอน เพราะถือว่ามีศักดิ์ศรี ผมไม่เคยเอาเปรียบใคร" ชำนิ วิศวผลบุญหรือ "ฉั่ว เต็ง ซ้ง" พูดด้วยความลำบากจากอัมพาตคุกคามขณะนั่งบนรถเข็นในวันแถลงข่าวอย่างเป็นทางการที่อิมพีเรียลควีนปาร์ค

แรงกดดันจากทางการที่ต้องการให้กระจายหุ้นเป็นบริษัทมหาชน ได้ก่อให้เกิดความวิตกกังวลของผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่กลัวจะถูกเทคโอเวอร์จากตลาดหุ้นทำให้หุ้นของแผ่นเหล็กวิลาสไทยแทบไม่มีสภาพคล่องที่หมุนเวียนในตลาดเลย เนื่องจากผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ยอมปล่อยหุ้นออกมาหมุนเวียนซื้อขายในตลาด และไม่เคยมีการแตกพาร์หุ้นเดิมที่มีมูลค่า 100 บาทต่อหุ้น

ข่าวลาออกจากตลาดนี้ทำให้สมศักดิ์แทบช็อค ที่จู่ ๆ หุ้นในมือที่มีมูลค่านับพันร่วงลงเหวในราคาเพียง 880 บาท "มันไม่แฟร์" นี่คือความรู้สึกที่เกิดขึ้นใช่หรือไม่ผู้บริหารแผ่นเหล็กวิลาสไทยเอาตัวรอดและเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยเกินไป?

ผู้ถือหุ้นรายย่อยซึ่งมีจำนวน 331 รายซึ่งถือหุ้นอยู่ประมาณ 16.74% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด

"ผมถือหุ้นบริษัทแผ่นเหล็กวิลาสไทยนี้อยู่ 20,000 หุ้นสะสมมาเรื่อยตั้งแต่ปี 2529 วันดีคืนดีเขาประกาศจะออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจะซื้อจากผู้ถือหุ้นรายย่อยกลับในราคา 880 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างต่ำ ผมเองคิดว่าวิธีที่เขาทำไม่แฟร์ เขาควรจะเสนอราคาที่เหมาะสมและคิดถึงผู้ถือหุ้นรายเล็กที่มี 100-200 หุ้น พวกนี้ไม่มีโอกาสขายอีกแล้ว ถ้าหากบริษัทออกจากตลาดผมจึงไปปรึกษาหารือกับ ดร. ก้องเกียรติและคุณศรีพร เชิญมาเป็นที่ปรึกษา หลังจากทำตัวเลขออกมา พบว่ามูลค่าของหุ้นตกอยู่ 1,300 กว่าบาท ผมจึงตัดสินใจที่จะซื้อหุ้นแผ่นเหล็กวิลาสไทยจากผู้ประสงค์จะขายในราคา 1,500 บาท" นักเลงมังกรสยามอย่างสมศักดิ์เล่าให้ฟังอย่างมีอารมณ์

เป็นเรื่องที่ไม่ต้องใช้เวลานานในการที่ ดร. ก้องเกียรติ โอภาสวงการและศรีพร สิทธิพงษ์ สองผู้บริหารแห่งบริษัท ASSET PLUS และบริษัท PERIGRINE NITHI FINANCE & SECURITIES จะกระโดดเข้าร่วมสู้กับสมศักดิ์ ด้วยเจตจำนงที่ต้องการพิทักษ์ความเป็นธรรมของผู้ถือหุ้นรายย่อย และให้เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาต่อไปของการพัฒนากฎกติกาของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นไปอย่างรัดกุม ชัดเจนและยุติธรรม

งานนี้สมศักดิ์ไม่ได้ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว !!

ตั้งแต่ 21 มีนาคมจนถึง 4 เมษายน อันเป็นระยะของการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์หุ้นแผ่นเหล็กวิลาสไทย ภาพพจน์ของแฟรงค์กลายเป็นแจ็คผู้หาญฆ่ายักษ์ ด้วยอาวุธคือใบหุ้นที่ระดมมาได้เพียง 4.43% หรือจำนวน 62,036 หุ้น ซึ่งห่างไกลจากเป้าหมายของการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์นี้ว่าจะต้องซื้อให้ได้จำนวน 51% เพื่อเขี่ยกรรมการบริหารชุดเดิม ที่มาจากผู้หุ้นใหญ่สี่รายคือ หจก. สี่ยงค์ของชำนิ วิศวผลบุญ มิตซุย แอนด์ คัมปะนี คาวาโชคอร์ปอเรชั่นและคาวาซากิ สตีล คอร์ปอเรชั่น

แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟเกมจึงจบลงด้วยแจ็คถูกยักษ์ซามูไรญี่ปุ่นฟันด้วยดาบกระจุยแต่ผลงานที่ทิ้งไว้ก็ยังให้ประโยชน์เล็ก ๆ กับผู้ถือหุ้นรายย่อยได้ ด้วยการกระตุ้นให้ราคาหุ้นที่เคยกดไว้ ณ ราคา 880 บาทกระเตื้องขึ้นมาเป็น 1,010 บาท

"ถึงแม้ว่าการเสนอซื้อครั้งนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม.. ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ดิฉันคิดว่าคุณสมศักดิ์ได้ทำหน้าที่ปกป้องและช่วยเหลือนักลงทุนรายย่อยอย่างดีที่สุดแล้วและเต็มความสามารถ และยินดีด้วยที่ทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยสามารถขายหุ้นไดสูงกว่า 880 บาท" ศรีพร สุทธิพงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท PEREGRINE NITHI FINANCE & SECURITIES เอ่ยถึงความจริงใจและจริงจังของสมศักดิ์ในสนามรบแห่งนี้

ข้อกล่าวหาของกรรมการบริหารแผ่นเหล็กวิลาสไทย ที่ว่าสมศักดิ์ฉวยโอกาสเข้ามาไล่ซื้อหุ้น TIP ขึ้นไปจนถึง 892 บาท ในวันที่บริษัทประกาศลาออกจากตลาดฯ นั้น สมศักดิ์เล่าให้ฟังว่า

"เจตนาของผมโปร่งใสผมแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าผมซื้อหุ้นวันที่เขาประกาศลาออกจำนวน 2,100 หุ้น วันนั้นหุ้นตกลงมาถึง 880 บาท ถ้าผมมีเจตนาจะขายของแพงโดยไล่ราคา เขามองผมผิด ถึงอย่างไรผมก็ไม่ขายแม้ว่าผมจะแพ้ในครั้งนี้" สมศักดิ์เล่าให้ฟัง

ที่สุดแม้เกมจะแพ้หรือชนะไม่สำคัญ ขอเพียงแต่ทุ่มสู้สุดตัวอย่างดีที่สุดก็ทำให้สมศักดิ์และทีมงานอย่าง ดร. ก้องเกียรติ และศรีพร สามารถยืนหยัดได้แบบ "เงยหน้าไม่อายฟ้าก้มหน้าไม่อายดิน" ใช่หรือไม่??

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us