ข้อความล่าสุดของ Hide's mail ที่อัพเดตใน Nakata.net แบบสายฟ้าแลบกลางวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา กลายเป็นข่าวดังราวกับฟ้าร้องสนั่นก้องไปทั่วญี่ปุ่น เมื่อสื่อมวลชนทุกแขนงต่างเฝ้าติดตามเสนอข่าวนี้อย่างต่อเนื่องนานกว่าหนึ่งสัปดาห์ และยังมีข่าวที่เกี่ยวข้องตามมาแทบทุกวันแม้กระทั่งในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ก็ตาม
อันที่จริงการประกาศลาออกจากวงการกีฬามีปรากฏให้เห็นอยู่เสมอโดยเฉพาะกับนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จสูงสุด อย่างกรณีของ Shizuka Arakawa* เจ้าของเหรียญทอง Lady's Figure Skating จากโอลิมปิกฤดูหนาว 2006 ซึ่งคนส่วนใหญ่ต่างก็แสดงความยินดีและขอบคุณที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศญี่ปุ่น
ในกรณีของ Hidetoshi Nakata ที่ประกาศลาออกจากทีมชาติญี่ปุ่นและเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพใน timing ที่ฟุตบอลโลกยังไม่ทันจบพายุแห่งความผิดหวังยังไม่ทันจางไปจากใจแฟนบอลญี่ปุ่นนั้นนอกเหนือไปจากความรู้สึกขอบคุณที่เป็นกำลังหลักของทีมชาติมาโดยตลอดแล้วในอีกด้านหนึ่งก็มีคำถามเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งเป็นจุดที่สื่อมวลชนใช้เชื่อมโยงประเด็นการลาออกด้วยวัยเพียง 29 ปี ทั้งที่ยังคงเล่นต่อไปได้อีกหลายปีกับความพ่ายแพ้แบบหมดรูปของซามูไรสีน้ำเงิน ซึ่งผลออกมาตรงข้ามกับที่ Zico โค้ชชาวบราซิลได้เคยลั่นเอาไว้
ทั้งที่ได้เขียนไว้ชัดเจนใน Hide's Mail ชื่อ "To live is to journey, and to journey is to live." ถึงเบื้องหลังการตัดสินใจลาออกตั้งแต่ครึ่งปีก่อนนั้นไม่ได้มีเพียงเหตุผลเดียว อีกทั้งยังได้บอกกับครอบครัวเพื่อนสนิทรวมถึงนักข่าวบางคนไปแล้วว่าศึกฟุตบอลโลกที่เยอรมนีคราวนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย
"But what I can say now is that I felt that it was time for me to graduate from the journey of professional football, and set out on a new journey." ซึ่งหากเทียบเนื้อหาใน Hide's Mail ส่วนนี้กับระบบการศึกษาในมหาวิทยาลัยแล้วระยะเวลา 10 ปี บนเสันทางฟุตบอลอาชีพนั้นนานพอที่จะสำเร็จปริญญาเอกเสียด้วยซ้ำ
นับตั้งแต่ญี่ปุ่นได้วางรากฐานพัฒนาฟุตบอลอาชีพขึ้นมากล่าวได้อย่างเต็มปากว่า Hidetoshi Nakata คือผู้เล่นในตำแหน่ง midfield ที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นซึ่งมีฝีเท้าเป็นที่ยอมรับในระดับ world-class และยังเป็นนักฟุตบอลเอเชียที่สื่อในต่างประเทศกล่าวถึงมากที่สุดในปัจจุบัน
บทบาทของ Hide ใน FIFA World Cup ครั้งนี้จึงถูกมองในฐานะ superstar หัวหอกของทีมไปโดยปริยาย ซ้ำยังถูกบางคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์นำไปสมอ้างให้เป็น Ichiro แห่งวงการลูกหนังญี่ปุ่นในลักษณะเดียวกับเมื่อครั้ง World Baseball Classic** ที่ทีมญี่ปุ่นเพิ่งได้แชมป์โลกเมื่อต้นปีที่ผ่านมาอีกด้วย
การก้าวเข้ามารับตำแหน่งโค้ชทีมชาติญี่ปุ่นของ Zico อดีตนักฟุตบอลบราซิลผู้โด่งดังซึ่งได้พาทีมญี่ปุ่นสู่ World Cup Germany 2006 ได้สำเร็จ หากรวมเข้ากับความทรงจำที่ยังคงแจ่มชัดเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ที่เหล่าซามูไรสีน้ำเงินได้ฝ่าเข้าสู่รอบสองแล้วความคาดหวังในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้จึงถูกประเมินไปถึงการผ่านเข้าสู่รอบ semi-final เลยทีเดียว
ภาพลวงที่ถูกสื่อออกมาราวกับซามูไรบนสนามกลีบกุหลาบแต่ในความเป็นจริงเต็มไปด้วยหนามกุหลาบยกตัวอย่างเช่นภาพข่าวการฝึกซ้อมอย่างหนักท่ามกลางแฟนบอลจำนวนมากที่มาห้อมล้อมให้กำลังใจถึงใน J. Villege แต่แท้จริงเป็นการจัดการทีมอย่างหละหลวมแทนที่จะนำช่วงวันที่เหลือมาสร้างความสัมพันธ์ภายในทีมให้ดีขึ้นกลับปล่อยให้เป็นเวลาพักผ่อนผ่านเลยไปเสียอย่างนั้น
จุดอ่อนในเรื่อง teamwork ที่ดีและความแข็งแกร่งของสภาพร่างกายเป็นสิ่งที่ Hide พยายามบอกออกไปแต่ดูเหมือนจะไร้ผล แล้วความจริงก็ปรากฏตั้งแต่ในนัดแตะ Kick-off ระหว่างทีมอินทรีเหล็กเจ้าบ้าน ถึงแม้ญี่ปุ่นจะขึ้นนำไปก่อน 2 ประตู แต่กลับเสียขบวนและสูญเสียการควบคุมทีมภายใต้แรงกดดันโดยเฉพาะเมื่อถูกตีเสมอได้ในช่วงเวลา 20 นาทีที่เริ่มโรยแรง หรือแม้กระทั่งในนัด Kick-off กับ Malta ที่ประเมินคู่ต่อสู้ต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งได้เขียนไว้ใน Hide's Mail หัวข้อ "FIFA World Cup Germany 2006 Starts!!"
กระนั้นก็ดีปราชัยต่อทีมออสเตรเลียตอกย้ำสิ่งที่ Hide เคยพยายามบอกกับทั้งโค้ชและเพื่อนร่วมทีมให้ร่วมกันแก้ไขซึ่งสายไปเสียแล้ววิกฤติใน 8 นาทีสุดท้ายที่ถูกยิงไปถึง 3 ประตู พลิกให้ออสเตรเลียกลับมาชนะไปทั้งที่ญี่ปุ่นออกนำตั้งแต่ช่วงแรก แต่ที่น่าอับอายกว่านั้นคือ การถูกจารึกในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งไม่เคยมีชัยเหนือทีมใดมาก่อนในฟุตบอลโลกยกเว้นญี่ปุ่นเพียงทีมเดียว
ในส่วนของโค้ช Zico ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงข้อจำกัดทางสรีระที่เล็กกว่าและสภาพร่างกายที่ต้องวิ่งตลอด 90 นาที ในสนามที่อากาศร้อนแต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ซึ่งถ่ายทอดไปทั่วโลกก็คือวิสัยทัศน์ของโค้ชที่กลายสภาพเป็นดั่งผู้ชมคนหนึ่งซึ่งมีที่นั่งพิเศษติดขอบสนามเฝ้าดูซามูไรวิ่งแตกทัพอยู่กลางสนามอันอบอ้าว ซึ่งในจังหวะนั้นโค้ชทีมออสเตรเลียกลับรับรู้ได้ถึงความอิดโรยของลูกทีมและเปลี่ยนเอาผู้เล่นใหม่ลงไปยิงประตูใส่ญี่ปุ่นเป็นว่าเล่น
ในนัดสุดท้ายที่เจอกับแชมป์เก่าบราซิลก็เช่นกัน การเปิดเกมช่วงแรกเป็นไปในสไตล์การเล่นแบบญี่ปุ่นที่ได้ซ้อมมา โดยยิงออกนำไปก่อนที่จะถูกพลิกเกมในลักษณะความผิดพลาดซ้ำแบบเดิม โดยเฉพาะช่วงท้ายของการแข่งขันคงเหลือแต่ Hide กับเพื่อนร่วมทีมอีกไม่กี่คนที่ยังคงวิ่งอยู่จวบจนวินาทีสุดท้าย
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เหล่าซามูไรไม่ได้นำคมดาบที่มีออกมาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งลงเอยด้วยผลการแข่งขันอันดับรั้งท้ายในสายเอฟ และนั่นไม่ใช่สิ่งอันพึงประสงค์ในการแข่งขันครั้งสุดท้ายก่อนอำลาวงการลูกหนังของ Hidetoshi Nakata เป็นแน่
อย่างไรก็ตาม ฟุตบอลโลกก็ได้ปิดฉากไปแล้ว Hide เองก็ได้ประกาศลาออกไปแล้ว สิ่งผิดพลาดที่ซามูไรสีน้ำเงินได้เรียนรู้นั้นจะสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้มากน้อยเพียงใด คงต้องติดตามในอีก 4 ปีข้างหน้า สำหรับแฟนบอลของ Hidetoshi Nakata แล้วนี่คือถ้อยคำสุดท้ายที่ฝากไว้ใน Hide's mail
There's one last thing I'd like to say.
I am someone who has always held my head up high, and I will continue to live like that, even after stepping away from professional football. The strength to do this comes from all of the support I have had over the years.
And whatever the future holds, I know I will never lose that pride, because all of your voices will be with me, in my heart.
A new journey is about to begin.
While I won't be returning to the pitch as a player, I will not give up football. I have no doubt that along the way I will be kicking a ball around with someone on a patch of grass or on a small football field, not as a profession but as a form of communication, with the same passion I had back in my early childhood.
To each and every player who shared the pitch with me, to each and every person who has played a part in my life, and to each and every one of you who believed in and supported me right until the last moment, from the bottom of my heart, thank you.
อ่านเพิ่มเติม
* เรื่อง Cool Beauty : Shizuka Arakawa นิตยสารผู้จัดการ ฉบับเมษายน 2549
** เรื่อง OH JAPAN, Top of the World Baseball Classic นิตยสารผู้จัดการ ฉบับพฤษภาคม 2549
Reference : www.nakata.net
|