Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2549








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2549
ปรับนโยบายระดมเงินฝาก             
โดย ณัฐวัฒน์ หอมจิตต์
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารเกียรตินาคิน

   
search resources

Banking
ธนาคารเกียรตินาคิน




ด้วยข้อจำกัดในการทำธุรกิจของธนาคารเกียรตินาคิน (KK) ซึ่งเป็นธนาคารขนาดเล็กที่มุ่งเน้นการให้บริการในพื้นที่ตลาดที่มีความถนัดเพียงไม่กี่อย่าง เช่น การให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทั้งมือ 1 และมือ 2 และสินเชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ประมูลซื้อมาจากองค์การปฏิรูปสถาบันการเงิน (ปรส.) การกำหนดกลยุทธ์เน้นระดมเงินฝากระยะยาว ที่สอดคล้องกับอายุการปล่อยสินเชื่อถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวด

แต่ท่ามกลางสภาพปัจจัยอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นต่อเนื่องนับแต่ต้นปี การนำเสนอเงินฝาก 1-2 ปีของธนาคารเกียรตินาคินตั้งแต่ต้นปีต่อเนื่องถึงไตรมาส 2 จึงไม่ได้รับความสนใจมากนักจากลูกค้า จนเป็นเหตุให้ธนาคารตกอยู่ในสภาวะจำยอมที่จะต้องละวางนโยบายระดมเงินฝากประเภทนี้ไว้เป็นการชั่วคราว เพื่อหันมายอมรับเงินฝากที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือนทั้งสิ้น

โครงสร้างฐานเงินฝากปัจจุบันของธนาคารนั้น 61.07% กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มเงินฝากที่มีอายุ 1-12 เดือน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 34,970 ล้านบาท และอีก 26.6% อยู่ในเงินฝากที่มีอายุตั้งแต่ 24 เดือน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 26,640 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 12.29% นั้นเป็นเงินฝากอายุ 13-24 เดือน คิดเป็นมูลค่า 7,040 ล้านบาท

"จริงๆ แล้วเราก็ไม่ค่อยอยากได้เงินฝากระยะสั้นเท่าไร เพราะไม่ใช่นโยบายของแบงก์ แต่ดอกเบี้ยอาร์พีสูงขึ้นเร็วมาก ทำให้ดอกเบี้ยในตลาดสูงขึ้นตาม ลูกค้าส่วนใหญ่จึงไม่อยากฝากเงินกับที่ไหนนานๆ อยากหาที่ฝากสั้นๆ เราก็เลยต้องทำตามคำเรียกร้องของลูกค้าเรา ทำให้เงินฝากไตรมาสแรกและไตรมาส 2 ของเราจึงเป็นเงินฝากอายุต่ำกว่า 6 เดือนทั้งสิ้น แต่เราก็คงทำแบบนี้อีกไม่นานนัก" ฐิตินันท์ วัธนเวคิน ประธานสายงานบริหารการเงินและเงินฝาก ธนาคารเกียรตินาคิน กล่าวถึงประเด็นนี้ระหว่างแถลงผลดำเนินงานประจำไตรมาส 2/2549

ด้านธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล กรรมการผู้จัดการ กล่าวเสริมถึงสภาพการแข่งขันเรื่องเงินฝาก พฤติกรรมผู้บริโภคที่ไม่อยากฝากเงินระยะยาว เพราะคิดว่าดอกเบี้ยจะขึ้นต่อไปเรื่อยๆ นั้น ปัจจุบันเริ่มจะเปลี่ยนความคิดกันใหม่แล้วว่าอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ไม่น่าจะมีโอกาสขึ้นได้อีก และเริ่มมองหาแหล่งเงินฝากระยะยาวกันใหม่แล้ว

ทั้งนี้ในปัจจุบันธนาคารเกียรตินาคินกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอายุ 6 เดือนและ 12 เดือน ไว้เท่ากันที่ 3.0-5.3750% ส่วนอัตราดอกเบี้ย 24 เดือน อยู่ที่ 4.75-5.5% สูงสุดในระบบธนาคารพาณิชย์ไทย

ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของปีนี้ ธนาคารเกียรตินาคินยังมีแผนขยายแหล่งเงินกู้ใหม่เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ โดยอาศัยการทำ syndicate loan ในต่างประเทศ ซึ่งยังไม่ระบุวงเงินที่แน่นอนในเวลานี้ ควบคู่กับการออกหุ้นกู้ระยะยาวรอบใหม่ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท หลังจากก่อนหน้าธนาคารได้เคยระดมทุนโดยการออกหุ้นกู้อายุ 2-3 ปีไปแล้ว 2 ครั้ง รวมเป็นวงเงิน 6,000 ล้านบาท

สองผู้บริหารจากเกียรตินาคินยังได้ร่วมกันแถลงผลดำเนินงานของธนาคารในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ว่า ธนาคารมีสินทรัพย์ทั้งสิ้น 73,964 ล้านบาท มีหนี้สิน 57,300 ล้านบาท มีผลกำไรจากการดำเนินงาน 1,181 ล้านบาท และมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ 24.1%

ด้านการขยายตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 10% ใกล้เคียงกับไตรมาสแรกของปี โดยหนี้จัดชั้นในกลุ่มสินเชื่อประเภทนี้มีอยู่ราว 20% แต่ธวัชไชยบอกว่าเขายังไม่เห็นสัญญาณของหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มนี้ และยังคาดหมายว่าเมื่อถึงสิ้นปีสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์น่าจะขยายตัวรวมกันได้ 40% ของพอร์ตสินเชื่อรวม

แต่การขยายตัวในสินเชื่อโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แทบไม่ขยับ ทำให้สินเชื่อคงค้างของธนาคารในไตรมาส 2 ทรงตัวอยู่ที่ 16.4% ปิดยอดในไตรมาสนี้ด้วยมูลค่า 16,800 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงตัวเลขเมื่อสิ้นปี 2548 โดยคาดหมายว่าสินเชื่อนี้จะยังคงทรงตัวในช่วงครึ่งปีหลัง

ทั้งนี้ธนาคารบอกว่าเป็นผลจากการปิดโครงการเดิม และถึงแม้ว่ามีผู้พัฒนาโครงการบางรายได้ยืนขอสินเชื่อพัฒนาโครงการใหม่ๆ เข้ามาบ้างก็ตาม แต่ยังไม่มากพอที่จะชดเชยกับการชะลอแผนการลงทุน เพื่อรอดูทิศทางที่ชัดเจนของอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ของผู้ประกอบการโดยส่วนใหญ่

สำหรับหนี้จัดชั้นในกลุ่มนี้มีทั้งสิ้น 28% โดย 10% เป็นกลุ่มที่ได้เข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องแล้ว ส่วนอีก 18% ที่เหลือนั้นเป็นหนี้จัดชั้นที่เกิดจากแนวโน้มความเสี่ยงในเรื่องความรวดเร็วในการระบายสินค้าของผู้พัฒนาโครงการที่มีทีท่าว่ากำลังลดลง แม้เจ้าของโครงการยังจะมีการขอเบิกเงินกู้อยู่ก็ตาม แต่จากการพัฒนาโครงการที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า ธนาคารจึงต้องจัดชั้นความเสี่ยงของหนี้ในกลุ่มนี้ไว้ด้วยก่อน

โดยปัจจุบันธนาคารได้กันเงินสำรองที่ครอบคลุมภาระหนี้เสียนี้ไว้แล้วที่ 1,337 ล้านบาท สูงกว่ายอดเงินกันสำรองหลังหักหลักประกัน ที่ธนาคารพาณิชย์ต้องดำเนินการตามเกณฑ์มาตรฐานปกติของธนาคารแห่งประเทศไทยถึง 1,175 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังต้องแบกภาระทรัพย์สินที่รอการขายซึ่ง มีมูลค่ารวมกัน 6,924 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้มีแนวโน้มว่าการขายทรัพย์สินเหล่านี้น่าจะทำได้ยากขึ้น แต่กระนั้นก็ตาม ธนาคารเกียรตินาคินตั้งเป้าว่าในปีนี้จะพยายามระบายทรัพย์สินนี้ให้ได้ราว 1,000-1,500 ล้านบาท ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยลงให้อยู่ในระดับที่ถูกที่สุด พร้อมทั้งยืดอายุการชำระหนี้ เพื่อที่ว่าลูกหนี้ที่ผ่อนชำระกับธนาคารจะสามารถกลับมาซื้อทรัพย์สินของตนคืนได้ง่ายขึ้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us