เปิดตัวไปแล้วอย่างเป็นทางการสำหรับ The Library ห้องสมุดการเงินของ บลจ.ทหารไทย หรือ TMBAM ซึ่งไม่ใช่เพียงแต่จะกลายมาเป็นห้องสมุดแห่งแรกในธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมที่เปิดให้บริการเฉพาะกลุ่มลูกค้าของตัว แต่ยังจะกลายมาเป็นตัวช่วยในการสร้างแบรนด์และภาพลักษณ์ใหม่ให้แก่ TMBAM ด้วย

"เราไม่ได้หวังจะได้ลูกค้าใหม่ แต่วัตถุประสงค์หลักคือการสร้างแบรนด์และภาพลักษณ์ที่ดีในการให้บริการ ทั้งที่นี่ก็ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ถือหน่วยได้ด้วย เมื่อผู้ถือหน่วยพอใจกับบริการก็จะบอกคนอื่นต่อ ซึ่งน่าจะช่วยให้มีคนสนใจเข้ามาถือหน่วยลงทุนของเรามากขึ้นด้วย" โชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย กล่าว

The Library แห่งนี้มีที่มาจากแรงบันดาลใจของโชติกาที่เคยมีมาแต่ 6 ปีก่อน จากที่เคยผ่านไปเยี่ยมชมห้องสมุดขนาดใหญ่ประมาณห้องสมุดมหาวิทยาลัยของ Vanguard ผู้บริหารจัดการกองทุนจากสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าสินทรัพย์ใน mutual fund 980 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังเป็นผู้บริหารกองทุน Vanguard 500 Index Fund ซึ่งมีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 1 ในสหรัฐฯ ด้วยมูลค่า 110 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

แม้คนอาจมองกันว่าห้องสมุดของ บลจ.ทหารไทย บนชั้น 4 โซน B ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่า ซึ่งถูกตกแต่งไว้อย่างหรูหราด้วยงบกว่า 10 ล้านบาทนั้น ยังมีผู้ใช้บริการไม่มากแค่เพียง 15 คนในวันธรรมดา และเพิ่มขึ้นเป็น 20 คนในวันเสาร์-อาทิตย์ก็ตาม แต่โชติกาถือว่าเป็นการเริ่มออกตัวที่ดี เพราะห้องสมุดนี้ให้บริการได้เต็มที่วันละ 34 คน จากขนาดพื้นที่ 213.13 ตารางเมตร ในสนนราคาค่าเช่าตกเดือนละ 400,000 บาท

สำหรับการให้บริการในห้องสมุด บลจ.ทหารไทย พยายามวางระบบให้แบบครอบคลุมเบ็ดเสร็จในจุดเดียว ไม่ว่าจะขอเปิดบัญชีซื้อขายหน่วยลงทุนจากเจ้าหน้าที่ที่ได้รับใบอนุญาตให้ติดต่อกับผู้ลงทุน จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (Single License)

หรือแวะเข้ามาใช้คอมพิวเตอร์ตรวจสอบข้อมูลพอร์ตลงทุนส่วนตัวผ่านระบบซื้อขายออนไลน์ FundLink หรือจะใช้เป็นแหล่งนัดพบ หรือเข้ามานั่งค้นคว้าหาข้อมูลเรื่องการเงิน การธนาคาร การลงทุน การตลาด จากตำรา นิตยสาร หนังสือพิมพ์ ทั้งไทยและเทศที่มีจัดเตรียมไว้ให้ก็ทำได้ทั้งนั้น แม้จำนวนหนังสือยังอาจดูบางตา แต่โชติกา สัญญาว่าจะค่อยๆ หาหนังสือใหม่ๆ เข้ามาวางเพิ่ม

การจัดตั้งห้องสมุดการเงิน ถือเป็นส่วนหนึ่งของความต่อเนื่องในกลยุทธ์ CRM ที่มุ่งเน้นสร้างสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าด้วยการนำเสนอบริการที่สร้างความพึงพอใจสูงสุด อันเป็นกลยุทธ์ที่ บลจ.ทหารไทยใช้มาตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่าและขยายฐานลูกค้าใหม่ท่ามกลางสภาพการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ตัวผลิตภัณฑ์ทางการเงินในกลุ่มผู้ให้บริการยังไม่มีความต่างอย่างเห็นได้ชัด เพราะโดยหลักๆ ก็มักจะมุ่งขายพันธบัตรรัฐบาลหรือตราสารเป็นส่วนใหญ่ ส่วนการแข่งขันกันนำเสนอผลตอบแทนการลงทุนสูงสุดแต่เพียงอย่างเดียวนั้นก็อาจไม่เพียงพอ โดยในปีนี้ บลจ.ทหารไทยยังคาดหมายว่าการเปิดบัญชีของลูกค้าน่าจะมีเพิ่มเป็น 50,000 บัญชี ทั้งยังตั้งเป้าขยับมาร์เก็ตแชร์ขึ้นจากอันดับ 4 มาอยู่ในอันดับ 3 โดยเป็น รอง บลจ.กสิกรไทย, บลจ.ไทยพาณิชย์ และบลจ.บัวหลวง โดยใน 5 ปีข้างหน้ายังตั้งเป้ารายได้ในช่องทางจำหน่ายผ่าน 3 ทางคือ ธนาคารทหารไทย, ตัวแทนจำหน่าย และ อินเทอร์เน็ต-โทรศัพท์ จะมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน