การต่อสู้ของประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เพื่อรักษาอาณาจักรทีพีไอที่เขาสร้างขึ้นมากับมือนั้น ถึงวันหนึ่งน่าจะเป็นกรณีศึกษาที่ดีสำหรับนำไปใช้ในการเรียนการสอนหลักสูตรเอ็มบีเอ เพราะเรื่องนี้ครบเครื่องทั้งในแง่มุมของการทำธุรกิจ การชิงไหวชิงพริบกันด้วยข้อกฎหมาย การใช้ประโยชน์จากตลาดทุนและลากโยงไปจนถึงเรื่องการเมือง นับว่ามีสีสันครบทุกรสชาติ

และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ชื่อของประชัยถูกเลือกให้ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 12 ใน 50 อันดับ Role Model ของปีนี้

ผู้อ่านหลายคนที่เขียนเหตุผลกำกับการเลือกประชัยในปีนี้อย่างใกล้เคียงกันว่า เพราะเขาคือสัญลักษณ์ของการต่อสู้

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนหนทางของประชัยในยามนี้เหลืออยู่ไม่มากแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ถือหุ้นทีพีไอลงมติปลดเขาจากการเป็นกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น โดยที่ก่อนหน้านี้ก็ได้ปลดเขาและครอบครัวให้พ้นจากการเป็นผู้บริหารบริษัทมาแล้ว

ความหวังของประชัยจึงเหลืออยู่ที่ศาลเท่านั้น

แต่เลือดนักสู้ในตัวก็ทำให้เขาไม่ยอมอยู่นิ่ง เมื่อการเมืองเข้ามาบีบธุรกิจ หากอยากรักษาธุรกิจเอาไว้ก็ต้องโดดเข้าหาการเมืองเสียเลย การเปิดตัวพรรคประชาราชเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่ผ่านมา จึงเป็นการเปิดตัวนักการเมืองหน้าใหม่ที่ชื่อ ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ไปด้วย

ก่อนหน้านี้ประชัยก็คงไม่นึกเหมือนกันว่าวันหนึ่งเขาจะต้องลงมาเล่นการเมือง แถมเข้ามาในฐานะเลขาธิการพรรคเสียด้วย งานนี้ถ้าเป็นไพ่ก็เปรียบเหมือนการเกกันจนหมดหน้าตัก หวังผลแพ้ชนะกันไปเลยในคราวเดียว

การเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นครั้งนี้จึงเป็นการเดิมพันที่สำคัญยิ่งของใครหลายๆ คน