Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2537








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2537
"ธุรกิจสร้างคฤหาสน์เศรษฐีมากด้วยกลยุทธ์ ยาวด้วยสายป่าน"             
 

   
related stories

"จรินทร์ รอดประเสริฐ วันนี้ กับงานฝ่ากระแสคลื่นอินทีเรียร์นอก"

   
search resources

เทคนิกาโนวา
ควอลิตี้เฮาส์, บมจ.
รัชดา ลี้ตระกูล
Real Estate




ธุรกิจสร้างบ้านระดับบน ไม่เหมือนเดินบนปุยนุ่นอย่างที่บางคนคาดคิดไว้ ใครที่จะอยู่ในธุรกิจนี้ได้ นอกจากต้องระดมสมองหากลยุทธ์แปลก ๆ มาปลุกตลาดตลอดเวลา และมีสายป่านยาวที่จะให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องแล้ว น้ำอดน้ำทนเป็นเรื่องสำคัญทีเดียว

หากจะถามว่า สินค้าชนิดใดที่ผู้ซื้อซื้อมาแล้ว สามารถเพิ่มพูนฐานะ และภาพพจน์ของตัวเองได้แล้ว ก็คงจะหนีไม่พ้น รถยนต์ และบ้าน แต่หากจะเจาะลึกลงไปให้เลือกระหว่างสินค้าทั้ง 2 ตัวว่าตัวใดมีบทบาทมากที่สุดแล้ว

ก็ย่อมเป็น "บ้าน" อย่างแน่นอน

แต่การที่จะได้บ้านที่จะมีศักยภาพเต็มใบอย่างที่ว่านั้น นอกจากอาศัยบ้านที่จัดสรรไว้เรียบร้อยแล้ว "บริษัทรับสร้างบ้าน" ก็เป็นอีกช่องหนึ่งที่จะทำให้ความฝันของเราเป็นจริงขึ้นมาได้

โดยเฉพาะผู้ซื้อในระดับที่มีอันจะกินด้วยแล้ว ความประณีตและพิถีพิถันที่จะได้บ้านวิจิตรวิจิตรบรรจง หนึ่งเดียวที่ไม่เหมือนใคร ย่อมอยู่ในห้วงคิดทุกสำนึกทีเดียว จนไม่มีแม้แต่สำนึกใดที่จะคิดถึงเรื่องราคา

ถ้าหากจะกล่าวถึงความเป็นมาของตลาดสร้างบ้านเศรษฐีแล้ว ผู้ที่จุดกระแสความสนใจในยุคแรก ๆ นั้น มักจะเป็นตัวเจ้าของบ้านเอง ที่หวังจะสร้างบ้านซึ่งไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน และข้อสำคัญก็คือ จะต้องไม่โดนผูกมัดโดยระบบรับสร้างบ้านที่ยุ่งยากวุ่นวาย ซึ่งเจ้าของบ้านมีอันจะกินเหล่านี้ไม่ต้องการเข้าไปข้องแวะอยู่แล้ว

ดังนั้นจึงจำเป็นอยู่เองที่ เจ้าของบ้านเหล่านี้จำเป็นต้องพึ่งตัวเอง และอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวกับบรรดาสถาปนิกที่ตัวเองรู้จัก หรือมีผู้แนะนำให้อีกทีหนึ่ง สร้างความฝันของตัวเองออกมาให้เป็นจริงตามที่คิด ซึ่งเจ้าของบ้านเหล่านั้นจะต้องเสียเวลามานั่งคุมงานในทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง เพื่อไม่ให้ผิดพลาดไปจากรูปแบบที่ตั้งใจไว้

และแน่นอนที่เศรษฐีผู้มีภาระกิจหนักอึ้งอยู่เต็มหลัง ก็คงจะแบ่งภาคมาดูแลกิจการพันล้าน และบ้านรโหฐานของตนในขณะเดียวกันได้อย่างยากเย็นในที่สุดก็ต้องยอมแพ้ไป ซึ่งทำให้สถาปนิกผู้เข้ามารับงานให้เศรษฐี เห็นช่องทางที่จะสร้างตลาดเหล่านี้ขึ้น ในช่วงแรกจะออกไปในรูปของการเป็นผู้ดำเนินงานเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆ ของการสร้างบ้านขึ้นมาสักหลังหนึ่งให้ลูกค้าเหล่านี้โดยใช้การติดต่อกันเป็นส่วนตัวเป็นราย ๆ ไป

ต่อมาเมื่อเริ่มรู้ช่องทางเป็นอย่างดีแล้วบรรดาสถาปนิกเหล่านี้ก็เริ่มหานายทุนที่มีความเห็นสอดคล้องว่า ตลาดนี้น่าจะไปได้มาสนับสนุนโครงการบริษัทที่รับสร้างบ้านราคาแพงทีเห็นอยู่ในวงการขณะนี้ก็มีฐานเริ่มต้นจากจุดนี้ทั้งสิ้น

จนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าจากตัวเลขคาดการณ์ความต้องการบ้านจัดสรร ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 ได้ประเมินความต้องการบ้านที่อยู่อาศัยเบื้องต้นไว้ในช่วงปี 2535-2539 ไว้รวมทั้งสิ้น 376,522 หลัง เป็นครัวเรือนใหม่ 301,304 หลัง และสร้างทดแทนจำนวน 75,216 หลัง ซึ่งสามารถแบ่งเป็นบ้านพักอาศัยระดับกลางและล่างได้ถึงร้อยละ 99% ในขณะที่บ้านรโหฐานในระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านขึ้นไปจะกุมส่วนแบ่งอยู่ในตลาดไว้ในมือเพียง 1% เท่านั้น

แต่ด้วยฐานเพียงเท่านี้ ผู้เชี่ยวชาญในวงการบ้านระดับบนหลายคน กลับวาดหวังไว้อย่างบรรเจิดว่า อนาคตของบ้านระดับนี้ยังไปได้อีกไกล

"เนื่องจากเงินสะสมของคนระดับเศรษฐีมีอยู่ค่อนข้างสูงในช่วงนี้ และช่วงที่แล้วมา เพราะช่องทางในการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นธนาคารก็ไม่แจ่มใส เพราะช่องทางในการลงทุน เพราะอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะตกลงไปอีก ในขณะที่หุ้นก็ยังมีอัตราเสี่ยงที่หวือหวา ด้วยการเก็งกำไรที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างเช่น คอนโดมีเนียม ก็ล้าสมัยไปเสียแล้ว ดังนั้นการลงทุนสร้างบ้านของตัวเองเพิ่มอีกสักแห่ง เพื่ออนาคตครอบครัวและลูกหลานที่จะมีการขยายตัวในอนาคต จึงน่าเป็นหนทางที่ถูกต้องอันหนึ่ง" นักวิเคราะห์ทางการเงินรายหนึ่งให้ความคิดเห็น

แรงกระตุ้นสำคัญ อีกประการที่เป็นตัวเร่งทำให้ หลายฝ่ายมองตลาดสร้างบ้าน ระดับบนอย่างสดใสมากขึ้น คือ นอกจากยอดขายของบ้านระดับบนจะมาจากเศรษฐี หรือมหาเศรษฐีที่ประสบความสำเร็จในการตั้งตัวไปเรียบร้อยแล้ว อัตราการเติบโตของเศรษฐีรุ่นใหม่ที่ขึ้นมาทดแทนเศรษฐีรุ่นเก่าที่ล้มหายตายจากไป แม้ว่าเศรษฐีเหล่านี้ จะยังมีภาระที่จะต้องก่อร่างสร้างตัว เพื่อตั้งหลักปักฐานในอนาคตก็ตาม แต่เมื่อเขาจำเป็นต้องสร้างเพื่อเป็นหลักประกันในอนาคตแล้ว

แทนที่เขาจะยึดภาษิตที่ว่า "นกน้อยทำรังแต่พอตัว" อย่างเช่นเศรษฐีรุ่นเก่าเคยถือปฏิบ้ติมาก่อนหน้าเศรษฐีรุ่นใหม่เหล่านี้ จะมองไปถึงการลงทุนในการสร้างโลกส่วนตัวที่บ้าน อย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการลงทุน ครั้งเดียวเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต

การลงทุนเพื่อสร้างความสุขในครอบครัว จะเป็นวิถีทางการดำเนินชีวิตของคนไทยที่จะเป็นจริงเป็นจังยิ่งขึ้นในอนาคต เพราะเมื่อต้องผจญภัยกับงานที่มากมาย และต้องพบกับการจราจรที่หนักหนาสาหัสมาแล้ว การกลับมาหาความสุขที่บ้านจึงน่าจะเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุดของคนยุคต่อไป

"ตอนนี้ค่ายรับสร้างบ้านบางราย ซึ่งในอดีตไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มเศรษฐีรุ่นใหม่ ก็เริ่มปรับท่าทีที่จะเน้นเจาะเข้าไปในลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้นในขณะที่บางรายก็เน้นเจาะไปที่กลุ่มเศรษฐีรุ่นใหม่เพียงอย่างเดียว เพื่อเป็นเอกลักษณ์ในการทำตลาดของตน" ผู้เชี่ยวชาญในวงการบ้านระดับบนกล่าว

แต่การที่จะได้บริษัทรับสร้างบ้านที่จะสานฝันของเศรษฐีทั้งรุ่นเก่า และรุ่นใหม่ให้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างนั้น ความเป็นมารวมถึงกลยุทธ์ในการแข่งขันและชักชวนลูกค้า ให้มาเป็นลูกค้า เป็นข้อมูลที่จะบ่งบอกถึงความมีศักยภาพ ของแต่ละค่ายได้เป็นอย่างดี

เมื่อมองเข้าไปในวงการรับสร้างคฤหาสน์เศรษฐีค่ายใหญ่ที่ประกาศตัวมาเป็นเวลาช้านานว่ารับทำงานด้านนี้เฉพาะ นั่นก็คือ เทคนิกาโนวา ซึ่งเปิดตัวมาเป็นเวลา 4-5 ปี ได้ประกาศแนวความคิดที่จะมุ่งรับงานบ้านระดับบนมาตั้งแต่คนในวงการไม่เห็นด้วย และไม่เห็นความสำคัญ มีการมองว่าเทคนิกาโนวาจำกัด ตลาดของตัวเองไว้แคบจนเกินไป โดยเฉพาะในช่วงแรกที่เข้ามาบุกเบิกตลาดใหม่ ๆ นั้น อัตราการสร้างบ้านระดับบนที่ยังมีไม่ถึง 1% คือมีอยู่เพียง .1-.3% นั้น

เป็นช่วงที่เทคนิกาโนวาต้องดิ้นอย่างสุดขีด

แต่การดิ้นรนของค่ายบุกเบิกรายนี้ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวความคิดที่มุ่งบริการลูกค้าระดับสูงที่มุ่งมั่นว่าการซื้อสินค้าของตนนั้นจะต้อง "ถึงพร้อมในเรื่องคุณภาพและไม่กังวลในเรื่องราคา" ดังนั้นจึงทำให้มีลูกค้าในระดับหนึ่ง ที่แม้ว่าจะไม่น่าพอใจนักในด้านผลประกอบการ แต่ในแง่ของการสร้างเสริมภาพพจน์ในระยะยาว เพื่อให้คนคุ้นเคยกับชื่อ "เทคนิกา โนวา" แล้วนับว่าคุ้มค่าพอสมควร

"ถือได้ว่า เทคนิกาโนวาเขาได้ปูทางให้บริษัทรับสร้างบ้านระดับบนช่วงต่อมา ให้เป็นที่รู้จักของคนในวงการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหากเขาไม่มุ่งมั่นในความคิดที่เขาตั้งไว้แต่ต้น ก็คงทำให้คนทั่วไปไม่เข้าใจความมุ่งมั่นของธุรกิจประเภทนี้" แหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดกับเทคนิกาโนวากล่าว

แนวความคิดที่จะใช้ทำเลซึ่งเหมาะสม และสามารถเข้าถึงลูกค้าเศรษฐีได้นั้น ก็ถือว่าเทคนิกาโนวา ได้เป็นผู้บุกเบิกเรื่องนี้ การไปตั้งสมรภูมิไว้ที่อาคารเพนนินซูล่า ถนนราชดำริ ซึ่งเป็นแหล่งชุมนุมของลูกค้าที่มีอันจะกินนั้น ได้เป็นการวางรากฐานให้ค่ายรับสร้างบ้านรายอื่นเข้ามาในเส้นทางนี้เดินตาม

แหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดกับเทคนิกาโนวารายเดิม ให้ทัศนะว่า การมีทำเลดีที่ลูกค้าจะสามารถไปติดต่อได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเป็นย่านที่ชุมนุมสินค้าระดับเลิศหรูด้วยกัน ก็เหมือน "มีชัยไปกว่าครึ่ง" แล้ว จากจุดนี้เอง ทำให้จนถึงขณะนี้เทคนิกาโนวา ก็ยังคงคิดตั้งหลักปักฐานอยู่ที่เพนนินซูล่าแห่งนี้ต่อไป โดยไม่คิดจะเปิดสาขาเพิ่มแต่อย่างใด

รายต่อมาซึ่งเพิ่งจะเปิดตัวไปได้เพียงปีกว่า ๆ แต่ก็ยึดมั่นในแนวคิดที่เทคนิกาโนวาวางไว้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกัน "มาสเตอร์พีซ" (MASTERPIECE) ในเครือควอลิตี้เฮาส์ ก็เป็นอีกความพยายามหนึ่งของบริษัทแม่ข่าย อย่างแลนด์แอนด์เฮาส์ที่จะขยายอาณาจักรของตนออกไปให้ครอบคลุมทุกจุดโดยเฉพาะในงานบ้านระดับบน ที่ตัวเองเป็นผู้นำรายหนึ่งในตลาดนั้น

อันที่จริงแล้ว ควอลิตี้เฮาส์ได้เตรียมการที่จะเข้ามาทำตลาดระดับบนไว้นานพอสมควร การตั้งรากฐานให้แน่นหนาด้วยการศึกษาความต้องการของลูกค้าระดับกลาง ที่จะไต่ระดับขึ้นไปเป็นเจ้าของบ้านระดับบนอย่างต่อเนื่องนั้นเหล่านี้ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับควอลิตี้เฮาส์เป็นอย่างมากว่า

ตลาดนี้ยังไปได้อีกไกล !

นอกจากนั้นด้วยรากฐานของความเป็นควอลิตี้เฮาส์ ซึ่งมีบริษัทแม่ข่ายอย่างแลนด์ แอนด์ เฮาส์คอยยืนดูความสำเร็จอย่างชื่นชมนั้นทำให้มาสเตอร์พีซมั่นใจว่าตัวเองมีข้อได้เปรียบผู้บุกเบิกตลาดในยุคแรกๆ อย่างเช่น เทคนิกาโนวา

โดยมาสเตอร์พีซ มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า ผู้ที่จะสามารถปลุกให้การแข่งขันในตลาดรับสร้างบ้านระดับบนเข้มข้นกว่านี้ และเข้าไปมีศักยภาพในการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดของบ้านระดับบนได้อย่างเต็มที่นั้น จะต้องเป็นค่ายรับสร้างบ้านที่อยู่ในเครือข่ายของบริษัทพัฒนาที่ดินใหญ่ ที่มีสายป่านยาวไม่รู้จักจบสิ้นเท่านั้น

ไม่ใช่ค่ายใหญ่ที่ขาดเงินทุนสนับสนุน หรือค่ายเล็กที่หวังเพียงตีหัวเข้าบ้าน

เพราะการบริการให้กับลูกค้าระดับนี้ ไม่ใช่จะเสร็จได้ภายใน 6 เดือนอย่างเช่นธุรกิจรับสร้างบ้านระดับกลางหรือล่างที่รับทำกันทั่วไป แต่จะต้องกินเวลาอย่างน้อย 7-8 เดือนขึ้นไป อาจต้องใช้เวลาเป็นปีหรือมากกว่านั้น ดังนั้นหากไม่ใช่ค่ายที่มีสายป่านที่พร้อมที่จะรับปัญหาจากลูกค้าทุกรูปแบบ ทั้งเรื่องรสนิยมที่อาจต้องใช้เวลาสร้างสรรค์เป็นเวลายาวนาน หรือแม้แต่เรื่องเงิน ซึ่งไม่น่าจะเกิดกับลูกค้าระดับนี้ แล้ว

ก็มีหวังจะจอดตั้งแต่ยกแรก

เช่นเดียวกับทางเดินไปสู่ความสำเร็จที่เทคนิกาโนวาวางไว้แต่ต้น ในการไปใช้ยุทธภูมิที่เหมาะสมซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าระดับบนได้นั้น มาสเตอร์พีซจึงได้ประยุกต์มาใช้กับตัวเองดูบ้างด้วย การใช้ฐานที่มั่นที่อาคารคิว เฮาส์ ถนนคอนแวนต์ ย่านสีลม ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานในเครือของควอลิตี้เอง ซึ่งอยู่ในย่านธุรกิจสำคัญ ที่เศรษฐีพร้อมจะไปติดต่อได้เป็นอย่างดี

นอกจาก 2 ค่ายที่ประกาศตัวอย่างแจ่มชัด ที่จะลงมาจับตลาดบ้านระดับบนอย่างจริงจังแล้วทอดตาเข้าไปให้ในวงการให้ลึกยิ่งขึ้น ก็จะพบว่ายังมีค่ายรับสร้างบ้านระดับกลางอีก 2-3 ค่ายที่ได้เริ่มเข้าไปรับงานบ้านระดับบนบ้างแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างจริงจัง และระดับราคาบ้านที่เข้าไปรับ ก็จะเริ่มต้นตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป ไม่ย้ำอย่างหนักแน่นเหมือน 2 ค่ายแรกว่าจะต้องไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

แต่ผู้เชี่ยวชาญในวงการให้ความเห็นว่า อย่าได้มองข้ามค่ายระดับกลางที่หาญกล้าทะยานขึ้นมาสู้กับค่ายแนวหน้าในตลาดเป็นอันขาด

โมเดิร์นกรุ๊ป เรียล เร็อพเพอร์ตี้ เป็นบริษัทรับสร้างบ้านระดับกลางที่มีผลงานพอสมควร ที่จะเบนเข็มไปจับงานสร้างบ้านเศรษฐีมากที่สุดรายหนึ่งของวงการขณะนี้ แม้ว่าปัจจุบันจะมีสัดส่วนในการรับงานสร้างบ้านเศรษฐีอยู่ในมือเพียงไม่ถึง 10% ก็ตามแต่ก็มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มศักยภาพของตนเข้าไปรับงานส่วนนี้ให้มากขึ้นในอนาคต

แม้ว่าจะไม่มีแรงสนับสนุนจากบริษัทแม่อย่างเช่นค่ายอื่น แต่ด้วยการเริ่มวางแนวคิด และมีจุดยืนให้ถูกใจลูกค้าผู้มีรายได้ดีทั้งหลายให้มากขึ้น รวมถึงการสืบทอดเจตนารมณ์ในการหาทำเลเหมาะ ๆ ในการตั้งศูนย์บัญชาการ ที่แจ้งวัฒนะ โดยเป็นอาคารของตนเอง และให้เช่าด้วยนั้น เป็นการฉีกทำเลออกไปเพื่อรองรับกับลูกค้าแถบชานเมือง ก็เป็นการชิมลางให้เห็นถึงกลยุทธ์ของบริษัทรับสร้างบ้านระดับกลางอย่าง โมเดิร์นฟอร์มว่า

เมื่อไม่สามารถสู้กันได้ด้วยสายป่านให้ยาวกว่าได้แล้ว ก็จำเป็นต้องสู้ด้วย "กึ๋น" ที่มีอยู่ของตัวเองว่าใครจะมีวรยุทธ์สูงกว่ากัน

และนอกเหนือจากโมเดิร์นกรุ๊ป ที่เริ่มมุ่งมาจับตลาดบ้านระดับบนแล้ว น้องใหม่ในวงการที่เพิ่งจะประกาศตัวเล็ก ๆ ว่า จะเข้ามาจับตลาดบ้านเศรษฐีอย่างเช่น คาซาริกา หรือชิชา คอนสตรัคชั่น โดยเฉพาะชิชาฯ ที่เคยจัดสรรบ้านเศรษฐีมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงมีประสบการณ์ ที่พร้อมจะผันตัวเองมารับงานสร้างบ้านระดับบนได้อย่างเต็มตัว

จากความเป็นมาของแต่ละค่ายรับสร้างบ้านหากได้เจาะลึกเข้าไปในกลยุทธ์ของแต่ละบริษัท จะได้ทราบถึงความเป็นไปของแต่ละค่ายมากขึ้นจะพบว่าในขณะที่ ระดับกลางอาจจะใช้กลยุทธ์ด้านราคาหรือการส่งเสริมการขายหลากรูปแบบได้อย่างไม่ยั้งในขณะที่เรื่องคุณภาพและบริการ แม้ระดับกลางก็ถือว่าเป็นหนึ่งในหัวใจของการดำเนินการอยู่บ้าง

แต่หากเป็นระดับบนแล้ว คุณภาพและบริการ (QUALITY&SERVICE) เป็นสิ่งที่ผู้บริหารของค่ายรับสร้างบ้านระดับนี้ ต้องให้ลูกน้องของตน ท่องให้ขึ้นใจทุกลมหายใจเข้าออก

สาเหตุที่ต้องเน้นจุดนี้เป็นพิเศษนั้น เพราะลูกค้าซึ่งอยู่ในระดับที่มีอันจะกินเหล่าน ี้เป็นผู้ที่ต้องการความสมบูรณ์ (PERFECT) ในทุกเรื่องที่เขาต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง

ในฐานะผู้บุกเบิกรับสร้างบ้านระดับบนเทคนิคโนวา จึงค่อนข้างทราบดีถึงจิตใจของเหล่าเศรษฐีเป็นอย่างดี นับตั้งแต่การออกแบบบ้าน แหล่งข่าวจากเทคนิกาโนวากล่าวว่า ในส่วนนี้การที่จะทำให้ลูกค้าพึงพอใจได้ ก็น่าจะเป็นการดีไซน์แบบบ้านให้ลูกค้าได้มีโอกาสเลือกเป็นจำนวนมาก ๆ ซึ่งแบบเหล่านี้จะต้องมีลูกเล่น ๆ แปลก ๆ ใหม่ ที่ประมวลจากความคิดเห็นของลูกค้า และประสบการณ์จากการรับงานบ้านเศรษฐีที่ผ่านมา ออกมาเป็นข้อสรุปที่แตกต่างกันออกไปได้ถึงกว่า 200 แบบ

แต่แน่นอนว่า แบบต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้วางไว้อย่างตายตัว เพราะแบบแต่ละอันสามารถแตกลูกแตกหลาน เข้าไปในส่วนของรายละเอียดได้อีกมากมาย โดยจุดยืนของเทคนิกาโนวามองว่า การทุ่มเททางด้านสถาปนิกให้สร้างสรรค์งานเผื่อไว้ให้ลูกค้ามีสิทธิ์เลือกได้ตลอดเวลานั้น เป็นความจำเป็นที่เทคนิกาโนวาต้องทำเพื่อรักษาภาพพจน์ผู้นำในตลาด รวมถึงการรักษาส่วนแบ่งในตลาดของตนเอาไว้ด้วย

"จุดเด่นในการออกแบบของเทคนิกาโนวาเท่าที่เราเห็นก็คือ แม้ว่าเขาจะมีแบบให้เลือกประมาณ 200 แบบ แต่เขาก็สามารถออกแบบครอบคลุมประโยชน์ในการใช้สอยได้ครบเกือบทั้งหมด ทั้งที่ทำเป็นห้องโถง ห้องรับแขกขนาดใหญ่ ห้องใต้ดิน หรือแม้แต่ห้องหับส่วนตัวที่จะใช้เป็นห้องเอนกประสงค์รูปแบบต่าง ๆ" แหล่งข่าวกล่าว

แต่สิ่งที่เขาต้องระมัดระวังคือ กลยุทธ์ของค่ายอื่นในตลาด ที่เริ่มจะสร้าง "ขอบเขตที่ไร้พรมแดน" ของการออกแบบบ้านขึ้นมาประชันขันแข่งกันแล้ว

ในขณะที่ความคิดทางด้านการออกแบบของน้องใหม่อย่าง มาสเตอร์พีซ กลับตรงข้ามกับเทคนิกา โนวา เพราะมาสเตอร์พีซมองว่า กลยุทธ์ที่จะจูงใจลูกค้าอย่างได้ผล น่าจะเป็นการเปิดเสรีภาพในการเลือกแบบบ้านของลูกค้าออกไปอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด ไม่ใช่ปิดกั้นให้เหลือเลือกเพียง 200 แบบอย่างที่ทำกัน

รัชดา ลี้ตระกูล ผู้จัดการโครงการ มาสเตอร์พีซ ของควอลิตี้เฮาส์ กล่าวว่า มาสเตอร์พีซยึดนโยบาย "หนึ่งแบบต่อลูกค้าหนึ่งคน" เป็นบรรทัดฐานในการให้บริการกับลูกค้าแต่ละคนมาตลอดเวลา แม้ว่าจะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ทั้งในส่วนของสถาปนิกและเวลาปฏิบัติการที่จะต้องล่าช้าออกไปเพียงใดก็ตาม

"ตอนนี้เราถือได้ว่าเป็นผู้นำแต่เพียงผู้เดียวในตลาด ที่สามารถเปิดหนทางให้ลูกค้าได้ปรึกษากับสถาปนิกเพื่อให้ได้แบบตามที่ต้องการ โดยแม้ว่าจะมีกำหนดเวลาไว้ว่า จะสามารถปรึกษากับสถาปนิกและแก้แบบได้อย่างเต็มที่ก่อนหน้าที่จะลงมือก่อสร้างก็ตาม แต่ช่วงเวลาระหว่างนั้นไม่ได้กำหนดไว้ตายตัวเช่นเดียวกัน" รัชดากล่าว

อย่างไรก็ตาม ทางมาสเตอร์พีซก็ยอมรับว่าด้วยบริการแบบหนึ่งต่อหนึ่งเช่นนี้ ทำให้ต้องเพิ่มต้นทุนดำเนินการขึ้นมาอีกพอสมควร แต่ด้วยความได้เปรียบดังกล่าว ที่มาสเตอร์พีซมีสายป่านยาว และมีผู้สนับสนุนที่ดีอย่างควอลิตี้เฮาส์คอยช่วยเหลือทุกย่างก้าวเช่นนี้ จึงทำให้มาสเตอร์พีซ ไม่ต้องแบกรับภาระในส่วนนี้มากนัก

และแน่นอนว่าการยอมทุ่มตัวลงมาให้บริการแบบ "หนึ่งต่อหนึ่ง" เช่นนี้ มาสเตอร์พีซก็คงจะต้องทำใจอยู่แล้วว่า ตัวเองจะต้องมีน้ำอดน้ำทนพอสมควร ที่จะต้องได้รับการท้วงติงจากลูกค้าเกี่ยวกับแบบตลอดเวลา จนกว่าลูกค้าจะพอใจ

"เรารู้อยู่แล้วว่า ธุรกิจนี้เล่นยากพอสมควรเพราะเล่นกับความพอใจของลูกค้าที่แปรผันได้ตลอดเวลา ดังนั้นเป็นธรรมดาอยู่เอง ที่ธุรกิจประเภทนี้เขาจำเป็นต้องบวกค่าบริการเข้าไปอีกกว่า 100% ขึ้นไปซึ่งลูกค้าระดับนี้เขาไม่ห่วงอยู่แล้ว" รัชดากล่าว

นอกจากนั้น การให้บริการแบบหนึ่งต่อหนึ่งนี้ยังมีผลเสียเพิ่มเติมที่ทำให้ผลงานของมาสเตอร์พีซที่จะปรากฎให้เห็นเป็น "ต้นฉบับ" เพื่อใช้ในการอ้างอิงได้นั้น ต้องอาศัยเวลารอคอยพอสมควร ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการสั่งสมชื่อเสียงให้ทัดเทียมกับผู้บุกเบิกในตลาดที่มีผลงานเป็นที่อ้างอิงได้ไปมากพอสมควรแล้ว

ยังเป็นแผนการสกัดกั้น "หน้าใหม่" ที่จะเข้ามาในตลาดนี้ได้อย่างชะงัด ซึ่งหากรายใดที่เข้ามาแบบ "ตีหัวเข้าบ้าน" แล้ว เมื่อมาพบกับกลยุทธ์นี้ ก็จะไม่มีวันยืนอยู่ในยุทธจักร์นี้ได้อย่างแน่นอน

ทางค่ายโมเดิร์นกรุ๊ป น้องใหม่ซึ่งหวังเข้ามา จับตลาดระดับบนอย่างจริงจังเช่นเดียวกัน ก็มีแนวความคิดที่จะใช้กลยุทธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่งเช่นกัน สมพงษ์ กิตติมหาคุณ กรรมการผู้จัดการของโมเดิร์น กรุ๊ป ให้ทัศนะว่า การที่จะอยู่ในธุรกิจรับสร้างบ้านเศรษฐีได้อย่างดีนั้น แต่ละบริษัทจะต้องมีจุดขายหรือจุดเด่นอันใดอันหนึ่งเป็นของตัวเอง

แม้ว่าในปัจจุบัน ทางโมเดิร์นกรุ๊ปจะมีข้อจำกัดทางด้านแบบที่ออกมาอยู่บ้างก็ตาม เนื่องจากยังขาดแคลนบุคคลากร ที่จะผลักดันงานออกแบบให้ได้กว้างไกลกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

"ถ้าหากเราทำในสิ่งที่คนอื่นเขาทำไม่ได้ นั้นแหละเรามีฝีมือ แต่ถ้าหากเราทำแล้ว คนอื่นก็สามารถทำได้เช่นกัน ก็ไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไรเช่นเดียวกับลูกค้าเหล่านี้ ถ้าหากเขาจะต้องมีบ้านที่รูปทรงไปเหมือนคนอื่น หรือเป็นโหลไปเสียแล้วและยิ่งถ้ามาอยู่ในบริเวณเดียวกันด้วยแล้ว เป็นสิ่งที่ยอมให้ไม่ได้อย่างแน่นอน"

สมพงษ์กล่าวพร้อมย้ำว่า การให้ความสะดวกแก่ลูกค้าทางด้าน "เวลา" ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะใช้วัดความสามารถในการให้บริการของค่ายรับสร้างบ้านระดับบนแต่ละรายว่า จะอยู่ในเส้นทางนี้ไปอีกยาวไกลเพียงใด

"ลูกค้าบางรายที่ค่อนข้างพิถีพิถันเป็นอย่างมากแม้แต่เรื่องหินอ่อนที่เขาต้องสั่งจากนอกเป็นพิเศษ หรือระบบแอร์ที่เขาต้องการระบบที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก แม้ว่าเขาจะต้องใช้เวลารอคอยยาวนานอีกเป็นปี เขายังต้องยอม เพราะฉะนั้นเราในฐานะผู้ให้บริการก็จำเป็นต้องรอตามไปด้วย"

ทางด้านผู้บุกเบิกตลาดอย่าง เทคนิกา โนวา ก็เห็นพ้องต้องกันว่า กลยุทธ์ที่จะอำนวยความสะดวกด้านเวลาแก่ลูกค้าเศรษฐีนี้ จะต้องให้อย่างเต็มที่ ดังที่มีการพูดกันว่า ธุรกิจนี้มีความยากลำบากในตัวของมันเองพอสมควรนั้น ความยากลำบากหลักใหญ่ของมันประการหนึ่งที่ยากจะปฏิเสธ คือการที่ต้องคอยให้บริการกับลูกค้าผู้มีอันจะกินเหล่านี้แม้ว่าจะต้องพบกับการจู้จี้จุกจิกหลายรูปแบบ หรือความไม่เร่งรีบของลูกค้าแต่ละราย

ดังนั้นการฝึกอบรมพนักงานที่จะออกไปติดต่อกับลูกค้าเศรษฐีเหล่านี้ นอกจากความมีมนุษย์สัมพันธ์ และจิตใจ ที่พร้อมจะให้บริการอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว ความรอบรู้ทางด้านเทคนิคก่อสร้างในระดับพื้นฐาน ที่พอจะตอบคำถามลูกค้าได้ในระดับหนึ่งนั้น เป็นความจำเป็นเช่นเดียวกัน

ทางฝ่ายมาสเตอร์พีซ ก็เห็นความสำคัญในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน รัชดา ผู้จัดการโครงการให้ความเห็นว่า ธุรกิจประเภทนี้จะต้องอาศัยการติดต่อเป็นการส่วนตัว เป็นเป้าหมายหลัก และยิ่งเมื่อการแข่งขันทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคตแล้ว พนักงานลูกค้าสัมพันธ์ (CUSTOMER RELATIONS) ซึ่งมาสเตอร์พีซตั้งขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อการนี้ โดยเฉพาะจะยิ่งมีบทบาทมากขึ้นที่จะสร้างความเข้าใจอันดีและผูกใจให้ลูกค้าใช้บริการอย่างต่อเนื่องตลอดไป

กลยุทธ์ผูกใจลูกค้าอีกประการหนึ่ง ที่เป็นที่เห็นพ้องต้องกันของค่ายรับสร้างบ้านทั้ง 3 และจะใช้เป็นกลยุทธ์หลักในการดึงดูดความสนใจของลูกค้าในช่วงต่อไปคือ กลยุทธ์ PACKAGING SERVICES หรือการบริการครบวงจร โดยแนวความคิดของการให้บริการรูปแบบนี้ จะเน้นไปที่ความสะดวกสบายของลูกค้าเมื่อมาติดต่อกับทางบริษัทรับสร้างบ้านก็จะได้รับบริการนอกจากในส่วนของการออกแบบ งานก่อสร้างภายนอก การควบคุมงานในทุกขั้นตอนแล้ว ยังรวมถึงการออกแบบและก่อสร้างงานตกแต่งภายในด้วย

งานตกแต่งภายในนี้ถือว่าเป็นงานนอกเหนือซึ่งหากเป็นค่ายรับสร้างคฤหาสน์เศรษฐี จะไม่ค่อยอยากเข้าไปแตะต้อง หรือผนวกงานในส่วนนี้เข้ามาเพื่อเพิ่มภาระของตนขึ้นไปอีก ยิ่งถ้าเป็นบริษัทรับสร้างบ้านระดับกลางหรือล่างด้วยแล้ว ทุกบริษัทมีแต่ส่ายหน้า และไม่มีวันที่จะยอมรับงานตกแต่งเข้าไปรวมด้วยอย่างแน่นอน

"เพราะงานตกแต่งภายในเป็นชิ้นงานที่ต้องอาศัยความละเอียด พิถีพิถันสูงมาก และมีโอกาสที่ลูกค้าจะมีปัญหากับบริษัทรับก่อสร้างได้มากที่สุดนอกจากนั้นต้นทุนดำเนินการมีแต่จะสูงขึ้นอย่างแน่นอน เพราะยังไม่เคยพบว่างานตกแต่งภายในที่ใดที่จะใช้เวลาครบตามกำหนดที่วางไว้ มีแต่จะบานปลายออกไป โดยเฉพาะในงานบ้านระดับเช่นนี้" ผู้เชี่ยวชาญในบริษัทตกแต่งภายในชั้นนำให้ความคิดเห็น

แต่การที่บริษัทรับสร้างบ้านเศรษฐี กล้าทุ่มทุนและยอมสิ้นเปลืองเวลามากขึ้น เพราะมองเห็นว่ากลยุทธ์อันนี้ เป็นอาวุธที่จะเจาะเข้าไปถึงแก่นใจของความต้องการลูกค้าได้ดีที่สุด สมพงษ์ แห่งโมเดิร์นกรุ๊ปให้ทัศนะว่า ในช่วงที่รับสร้างบ้านระดับกลางยังคงสนุกกับการทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น แจกแถมสร้อยคอทองคำ เครื่องปรับอากาศ หรือลดค่าบริการ 1-3 แสนบาทและอีกหลากรูปแบบที่แต่ละค่ายจะสรรหามานี้ การใช้กลยุทธ์ที่ดูเหมือนว่าเป็นการส่งเสริมการขายทางอ้อมแต่สามารถให้ความสะดวกสบายในการใช้สินค้าได้อย่างครบวงจรมากขึ้น น่าจะเป็นหนทางที่เหมาะสม สำหรับการทำตลาดรับสร้างบ้านเพื่อเอาใจประดาเศรษฐีทั้งหลาย

ทางฝ่ายมาสเตอร์พีซ ก็เห็นความสำคัญในกลยุทธ์นี้เช่นเดียวกัน แม้ว่าจำเป็นจะต้องตั้งแผนกที่ดูแลทางด้านตกแต่งภายในขึ้นมาเป็นการเฉพาะและต้องว่าจ้างมัณฑนากรที่มีความสามารถเข้ามาประจำก็ตาม ก็ต้องยอมทุ่มทุน

"การแข่งขันในอนาคต ผู้ที่จะยืนอยู่ได้ จะต้องเป็นผู้มีความสามารถให้บริการได้อย่างครบวงจรเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เราก็คงจะหวังว่า ยอดบริการที่จะหลั่งไหลเข้ามาของลูกค้าจะเป็นจำนวนเท่าใดนั้น เราคงหวังออกมาเป็นตัวเลขไม่ได้ สิ่งที่เราจะได้คือความพอใจของลูกค้าที่บอกต่อไป ในรูปแบบของปากต่อปาก ซึ่งเป็นช่องทางการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ที่รู้สึกว่าจะใช้ได้ดีที่สุดในธุรกิจรับสร้างคฤหาสน์เศรษฐี" ผู้จัดการโครงการมาสเตอร์พีซ กล่าว

ขณะเดียวกันทางฝ่ายเทคนิกา โนวา ก็เห็นว่าความสำคัญในกลยุทธ์นี้เช่นเดียวกัน โดยแหล่งข่าวในเทคนิกาโนวาเปิดเผยว่า อันที่จริงแล้ว ทางบริษัทได้เริ่มใช้รูปแบบการบริการแบบครบวงจรมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่ได้ทำอย่างจริงจัง แต่เมื่อค่ายอื่นเริ่มหันมาสนใจในจุดนี้มากขึ้น ก็คงต้องมีการปรับตัวและเริ่งเสริมให้บริการรูปแบบนี้เข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น

เมื่อวิเคราะห์ถึงความคุ้มค่าในการนำกลยุทธ์นี้มาใช้กับตลาดรับสร้างบ้านระดับบนในปัจจุบัน จะพบว่าหากเป็นค่ายที่มีสายป่านยาวเพียงพอ อย่างเช่นมาสเตอร์พีซ หรือบริษัทรับสร้างบ้านที่มีผลงานมาเป็นเวลาช้านานอย่างเทคนิกาโนวา ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่หากเป็นค่ายใหม่ที่เพิ่งหวังมาจับตลาดนี้ คงจะหืดขึ้นคอพอสมควร

นอกจากกลยุทธ์บริการครบวงจรแล้ว การทำหน้าที่เป็นสื่อกลางให้ลูกค้าได้รับคำปรึกษาที่จะใช้วัสดุตกแต่งที่วิจิตรพิศดาร ทั้งในส่วนของงานวิจิตรศิลป์ งานประติมากรรม เท่าที่จะสรรหามาได้ก็ถือว่าเป็นอีกบทบาทหนึ่งของบริษัทรับสร้างบ้านที่ต้องเตรียมหน้าที่ดังกล่าวไว้ด้วย

"บ้านของเศรษฐีหลายต่อหลายแห่ง ต้องประสบปัญหาที่เสียเงินตกแต่งไปอย่างมหาศาล แต่ไม่มีความรู้ ความชำนาญเพียงพอที่จะแต่งแต้มภายในด้วยเฟอร์นิเจอร์ ภาพวิจิตรศิลป์ที่สวยหรูที่เข้ายุคเข้าสมัยกันได้เป็นอย่างดีนั้น ในส่วนนี้บริษัทรับสร้างบ้านน่าจะเสริมบทบาทเข้ามาด้วย เพื่อความต้องการสมบูรณ์แบบของลูกค้า" แหล่งข่าวผู้เชี่ยวชาญด้านตกแต่งให้ความคิดเห็น

อีกกลยุทธ์หนึ่งที่จะสร้างความคล่องตัวให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างมากคือ กลยุทธ์ในการให้ความสะดวกด้านการเงิน แม้ว่าคนในระดับเศรษฐีที่จะมีบ้านเช่นนี้อยู่ได้นั้น อาจจะมีความพร้อมทางการเงินอยู่อย่างเต็มอัตราศึก

จนไม่เคยเป็นห่วงเลยว่า จะต้องใช้งบประมาณสักเท่าไรกับบ้านหลังสวยของตน

แต่การจัดทำงบประมาณให้กับทางเจ้าของบ้านได้ทราบว่า จะต้องใช้จ่ายเงินในส่วนใดอย่างละเอียด ก็จะทำให้เจ้าของบ้านสามารถกำหนดงบประมาณค่าใช้จ่ายของตนได้อย่างเป็นระบบ และทราบว่าจะต้องใช้งบประมาณช่วงใดมากหรือน้อย

ที่สำคัญก็คือ เมื่อมีการให้ความสะดวกด้านการเงินแก่เจ้าของบ้าน ผนวกกับภาระเงินกู้ของธนาคารก็มีแนวโน้มว่าจะลงไปอีก ก็จะทำให้เจ้าของบ้านมีโอกาสตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ในการขยายอาณาเขตของบ้านออกไปอีก เมื่อความคล่องตัวทางด้านการเงินมีสูงเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม การวางกลยุทธ์ให้สวยหรูข้างต้นนี้ จะไม่สามารถประสบผลสำเร็จได้เลย หากแต่ละค่ายรับสร้างบ้าน ไม่สามารถกำหนดช่องทางในการรับงานของตนให้ตลอดรอดฝั่งไปได้

ที่แล้วมา กลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัทรับสร้างบ้านระดับบน จะถูกหมายหัวไปที่ลูกค้าเศรษฐีที่ว่าจ้างให้สร้างบ้าน ซึ่งได้รับที่ดินจากมรดก หรือที่ดินจากการเก็บหอมรอมริบของตัวเองมาเป็นเวลาเนิ่นนาน

แต่กาลเวลาได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว

ณ บัดนี้ ค่ายรับสร้างบ้านระดับบนแต่ละรายเริ่มมองว่าช่องทางการตลาดแห่งใหม่ ที่จะมาหนุนเนื่องให้มีงานรับสร้างบ้านได้อย่างต่อเนื่องตลอดปี ทั้งนี้เพื่อรับมือกับสภาพการแข่งขัน ที่จะยิ่งแข่งขันกันแย่งลูกค้าอย่างหนักมือขึ้น

สนามกอล์ฟ ซึ่งนอกจากจะมีรีสอร์ท หรือคลับที่เลิศหรูแล้ว บ้านระดับสี่ดาวที่ตั้งตระหง่านในสัดส่วนพอเหมาะ ในอาณาบริเวณสนามกอล์ฟน่าจะเป็นช่องทางที่ดีในการขยายขอบเขตการรับงานของค่ายรับสร้างบ้านระดับบนออกไป

เนื่องจากความเป็นส่วนตัว และข้อได้เปรียบที่ได้มีการคัดเลือกลูกค้ามาระดับหนึ่งแล้วว่า ล้วนแต่เป็นกลุ่มลูกค้าผู้มีอันจะกินด้วยกันทั้งสิ้น ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่คนมีอันจะกิน จะหันไปสนใจปลูกบ้านในสนามกอล์ฟกันหนาตายิ่งขึ้น

บรรดาค่ายรับสร้างบ้านเศรษฐีก็เริ่มสบช่องเหมาะ ที่จะเริ่มแห่แหนเข้าไปรับงานในส่วนนี้ รัชดาผู้จัดการโครงการมาสเตอร์ พีซ เปิดเผยเพิ่มเติมว่าโดยรูปแบบของภูมิสถาปัตย์ (LANDSCAPE) ของสนามกอล์ฟที่วางไว้อย่างดี ทำให้เมื่อบรรจงวางบ้านแบบเลิศหรู ให้อยู่ในตำแหน่งที่พอเหมาะแล้ว จะทำให้บ้านที่สร้างออกมา อาจจะสวยกว่าบ้านที่ก่อสร้างในพื้นที่ธรรมดาเสียด้วยซ้ำ

ดังนั้นทางมาสเตอร์พีซ จึงได้เริ่มประสานความร่วมมือกับสนามกอล์ฟบางแห่ง ในการที่จะเข้าไปรับงานสร้างบ้าน ในอนาคตอันใกล้นี้ นอกจากนั้นแล้วในพื้นที่ทำเป็นรีสอร์ท ที่อยู่ไม่ไกลไปจากอาณาบริเวณของกรุงเทพฯ มากนัก ก็ยังเป็นแหล่งลูกค้าสำคัญของค่ายรับสร้างบ้านระดับบนในอนาคต

สมพงษ์ แห่งโมเดิร์น กรุ๊ปค่อนข้างเห็นด้วยกัยช่องทางตลาดใหม่ในรูปของสนามกอล์ฟว่าจะมาทดแทนตลาดได้ในระดับหนึ่ง "ก็ลองคิดดูว่าสนามกอล์ฟที่เปิดใช้แล้วในไทยมีไม่ต่ำกว่า 100 สนามและที่จะเปิดเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 100 สนาม สนามกอล์ฟเหล่านี้จะสามารถบรรจุบ้านระดับเลิศหรูได้อย่างน้อย 50 หลัง จะทำให้ความน่าสนใจในบ้านระดับหรูเช่นนี้เพิ่มขึ้นมาอีกเท่าไร"

อีกช่องทางหนึ่งที่ เหล่าบริษัทรับสร้างบ้านกำลังเตรียมการ เพื่อให้เป็นช่องทางตลาดเสริมในอนาคต นั่นก็คือการเข้าไปร่วมมือกับบริษัทพัฒนาบ้านจัดสรรระดับบน ที่ยังขาดบุคลากรที่จะรังสรรค์บ้านให้วิจิตรเลิศหรูกว่า บ้านระดับกลางโดยทั่วไป

โดยขณะนี้ มาสเตอร์พีซได้อาศัยเครดิตที่อยู่ในเครือควอลิตี้เฮาส์ ได้เข้าไปรับสร้างบ้านให้บ้านจัดสรร 2-3 แห่งในขณะนี้ และกำลังจะมีเพิ่มมาอีก 2 แห่งในอนาคตอันใกล้นี้ ในขณะที่เทคนิกา โนวา ก็เริ่มเปลี่ยนแนวทางของตน ที่จะเข้าไปประสานงานร่วมกับบ้านจัดสรรในหลายโครงการ เพื่อรับงานรังสรรค์บ้านระดับบนในเร็ว ๆ นี้

"วิธีการนี้นอกจากจะเป็นการขยายไลน์ออกไปเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดให้มากขึ้นแล้ว ยังถือได้ว่าเป็นการเตรียมการเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจนี้ในอนาคต ซึ่งหากความต้องการของบ้านระดับนี้มีสูงขึ้น เราก็คงต้องขยายช่องทางออกไปให้ใกล้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น" ซึ่งในจุดนี้ก็คล้ายคลึงกับโมเดิร์นกรุ๊ปที่พร้อมจะขยายช่องทางการตลาดออกไปเช่นกันโดยได้เข้าไปจับมือกับเจ้าของโครงการคชธานี เพื่อรับสร้างบ้านให้กลุ่มนั้นโดยเฉพาะแล้ว และจะมีโครงการอื่นตามมาอีกในอนาคตเช่นกัน

การแข่งขันในตลาดรับสร้างบ้านเศรษฐีช่วงต่อไปนอกจากจะมีขอบเขตกว้างไกลไปถึงทุกค่ายในตลาดที่จะขึ้นมาฟาดฟันกันแล้ว ยังจะเป็นการพิสูจน์ถึงความสามารถในการรักษาความเป็นผู้บุกเบิกในตลาดสร้างบ้านเศรษฐีของเทคนิกาโนวา อีกด้วยว่าจะสามารถป้องกันตำแหน่งผู้นำ ไว้ได้ต่อไปหรือไม่

ถึงแม้ในแง่สัดส่วนตลาดนั้น เราไม่สามารถบอกได้ว่าใครจะมีส่วนแบ่งในตลาดเท่าใด แต่ในแง่ของเครดิตผู้ทำตลาดมาก่อนหน้า เทคนิกา โนวา ย่อมจะยอมไม่ได้ที่จะให้ ผู้มาทีหลังอย่างมาสเตอร์พีซที่มีผู้ให้น้ำเลี้ยงดีแบบควอลิตี้เฮาส์ ขึ้นมาทาบชั้นได้ง่าย ๆ

สิ่งที่เทคนิกา โนวา จะต้องทำเป็นอย่างมากในช่วงต่อไป นอกจากการขยายตลาดออกไปให้กว้างไกลกว่าที่เป็นมาแล้ว การทุ่มงบประมาณเพื่อสร้างเครดิตในการรับงานด้วยการเปิดบริษัทประชาสัมพันธ์ของตัวเองที่ชื่อว่า อาร์ส โนวา (ARS NOVA) ก็ถือว่าเป็นการรุกขั้นแรกที่จะปกป้องตลาดของตนซึ่งอาร์ส โนวาจะเป็นกลไกสำคัญของเทคนิกาฯ ที่จะเผยแพร่ข่าวสารไปยังสาธารณชน และสื่อมวลชนให้ทราบถึงความเคลื่อนไหวของตัวเองให้มากขึ้น

สิ่งที่ขาดไปสำหรับบริษัทรับสร้างบ้านระดับนี้คือมักจะมองข้ามความสำคัญของสื่อมวลชนทุกรูปแบบไปเสียเพราะมองว่าสินค้าของตนเองที่ขายได้นั้น เป็นเพราะคุณภาพ บริการ และการบอกต่อไปปากต่อปากเท่านั้น ดังนั้นในขณะที่มาสเตอร์พีซ ซึ่งตั้งฝ่ายประชาสัมพันธ์ของตนเองขึ้นมานานแล้ว และได้ผลดีพอสมควร ก็เป็นข้อทบทวนสำคัญที่ทำให้เทคนิกาโนวาต้องเร่งรีบตั้งแผนกนี้ขึ้นมาก โดยตั้งให้อยู่ในรูปของบริษัทเดียว

และเพียงแต่ตั้งบริษัทประชาสัมพันธ์ขึ้นมาคงไม่เป็นการปกป้องตัวเองจากน้องใหม่เช่นมาสเตอร์พีซได้ แหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดกับเทคนิกาโนวาเปิดเผยว่าการตั้งบริษัทใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่ดินโดยตรงหรือการเข้าไปร่วมกับโครงการบ้านจัดสรรต่าง ๆ ก็เป็นเรื่องที่เทคนิกาโนวากำลังเตรียมการอยู่ด้วย

ในขณะที่ค่ายสร้างบ้านเศรษฐีระดับแนวหน้าแข่งขันกันหนัก และยึดมั่นในแนวทางของคุณภาพและบริการเป็นสำคัญ เพื่อให้ได้สัดส่วนในตลาดมากที่สุด ดังนั้นถ้าหากจะถามว่า จะพอมีเนื้อที่เหลือว่างให้บริษัทรับสร้างบ้านระดับกลางหน้าใหม่ที่จะก้าวขึ้นมารับงานระดับบนนี้ได้อีกหรือไม่
ก็คงต้องตอบว่ามี เพียงแต่ว่าต้องรู้จักฉีกกลยุทธ์ออกไปให้สอดคล้องกับสถานการณ์และความสามารถในการทำตลาดของตน

แหล่งข่าวในวงการรับสร้างบ้านระดับกลางเปิดเผยว่า ในขณะนี้มีค่ายรับสร้างบ้านระดับนี้ 2-3 ราย ที่ได้สั่งสมประสบการณ์รับงานมาเป็นเวลานานและได้ศึกษาแนวทางการรับงานบ้านเศรษฐีมาระยะหนึ่งแล้ว กำลังรวบรวมทุนรอน ที่จะเปิดแผนกเฉพาะที่จะรับงานระดับบน หรืออาจจะเปิดบริษัทขึ้นใหม่เพื่อรับงานด้านนี้โดยตรงก็ได้ในเร็ว ๆ นี้

ดังนั้นสงครามการแย่งชิง ส่วนแบ่งของบ้านเศรษฐี ของผู้บุกเบิกและน้องใหม่ผู้มีสายป่านยาวที่จะต้องยึดมั่นในจุดยืนของตน และปรับกลยุทธ์เพื่อเอาใจลูกค้าให้ อยู่ในกำมือของตนต่อไปนั้น

จะเป็นเครื่องวัดได้อย่างดีถึงอนาคตของธุรกิจประเภทนี้ว่า จะน่าเชื้อเชิญ เพียงใด ที่จะให้ค่ายพัฒนาที่ดินใหญ่ ๆ รายอื่น ซึ่งมีอยู่ไม่ต่ำกว่า 2-3 รายที่จ้องตาเป็นมันจะเข้าร่วมพงศ์ไพบูลย์กับธุรกิจตัวนี้

และต้องอย่าลืมว่า รายใหม่ที่จะเข้ามา จะต้อง "มากด้วยกลยุทธ์ ยาวด้วยสายป่าน" เช่นเดียวกัน

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us