|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
กลุ่มทุนธุรกิจนำเข้าภาพยนตร์จากต่างประเทศ ภายใต้ชื่อ "บ็อก ออฟฟิศฯ" แตกไลน์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นำร่องเช่าที่ดินตระกูลอัศวเหมผุดชอปปิ้งเซ็นเตอร์ เลียบทะเลริมแหลมบาลีฮาย จำนวน 35 ยูนิต หวังเป็นแหล่งธุรกิจที่รองรับนักท่องเที่ยว ควักเงินอีก 70 ล้านบาทเทกโอเวอร์โครงการของกลุ่มทุนท้องถิ่น ฉีกแนวทำโครงการจัดสรรหรือ "พัทยา พาราไดซ์ เฮ้าส์ซิ่ง" ชูคอนเซ็ปต์บ้านเดี่ยวใจกลางเมือง เจาะกลุ่มชาวต่างชาติ-คนไทย คาดไม่เกิน 2 ปีปิดการขายได้ จ่อโครงการคอนโดฯ โลว์ไรท์ติดหาดจอมเทียน เล็งเนรมิตรที่ดินกว่า 40 ไร่ติดริมแม่น้ำปิง รอจังหวะพัฒนาหากแผนมีความชัดเจน
นายสมบูรณ์ สุทธิเดชานัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท พาราไดซ์ ทู จำกัด หนึ่งในผู้ถือหุ้นบริษัท บ็อก ออฟฟิศ เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด บริษัทจัดจำหน่ายและนำเข้าหนังจากต่างประเทศที่มีผลงานหลายเรื่อง ไม่ว่าภาพยนตร์ "พัทยา พาราไดซ์ คนเดือดเมืองพัทยา" "นาค รักแท้ วิญญาณ ความตาย" เปิดเผยถึงแนวทางการขยายธุรกิจใหม่ว่า ตนและหุ้นที่ทำธุรกิจภาพยนตร์ได้ตัดสินใจเข้าสู่การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างจริงจัง เนื่องจากโดยส่วนตัวแล้ว อยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มากว่า 20 ปี เคยบริหารโครงการก่อสร้างมาก่อน แต่หลังจากเริ่มเห็นโอกาสที่จะลงทุน ตนจึงได้มองหาโอกาสที่จะเข้าสู่ธุรกิจนี้ โดยมีการจัดตั้งบริษัทเฉพาะขึ้นมาพัฒนาโครงการ ปัจจุบันมีโครงการที่กำลังพัฒนาอยู่ 2 โครงการ คือ บริษัท บ็อก แอสเสท จำกัด รับผิดชอบโครงการชอปปิ้ง ซึ่งเป็นโครงการบนที่ดินผืนสุดท้ายในพัทยาที่เป็นไพร์มเอเรียทอดผ่านริมถนนทัพพระยาทางเลียบทะเลริมแหลมบาลีฮาย และอยู่ใกล้กับท่าเรือไปเกาะช้าง โดยด้านหน้าของโครงการยาวติดทะเล 400 เมตร เป็นอาคารสูงชั้นครึ่ง มีจำนวน 35 ยูนิต เป็นการขายแบบเช่าเซ้งช่วง 6 ปี และสามารถต่อสัญญาณได้ ราคาเช่าเซ้งประมาณ 3-4.5 ล้านบาท ส่วนค่าเช่าเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 30,000-40,000 บาท และในแต่ละปีจะมีการปรับราคาค่าเช่าขึ้น
"ที่ดินดังกล่าวทางบริษัทได้เช่าต่อมาจากบริษัทของคนในตระกูลอัศวเหม โดยมีอายุการเช่าประมาณ 6 ปี และสามารถต่อได้ครั้งละ 3 ปี เนื่องจากตนมองว่าเป็นทำเลที่มีโอกาสในการลงทุนและให้ผลตอบแทนให้แก่ลูกค้าที่จะเข้ามาทำธุรกิจ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างประเทศ ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะมีการเปิดขายปลายปี 2549 และจะก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2550 โดยโครงการดังกล่าวจะมีมูลค่าประมาณ 230 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนดังกล่าวจะเป็นค่าก่อสร้างประมาณ 80 ล้านบาท" นายสมบูรณ์กล่าว
นอกจากนี้ ทางโครงการได้จัดทำลานเอนกประสงค์ไว้สำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกื้อหนุนการทำธุรกิจให้แก่โครงการ รวมถึงยังอาจจะใช้เป็นสถานที่สนับสนุนธุรกิจภาพยนตร์ของบริษัท บ็อก ออฟฟิศฯอีกทางหนึ่ง
ในส่วนของโครงการจัดสรรนั้น จะเป็นความรับผิดชอบโครงการบริษัท พาราไดซ์ ทู จำกัด ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท โดยขณะนี้ได้เข้าไปซื้อกิจการโครงการจัดสรรต่อจากนักพัฒนาท้องถิ่นในวงเงิน 70 ล้านบาท และนำมาพัฒนาเป็นโครงการจัดสรรภายใต้ชื่อ "พัทยา พาราไดซ์ เฮ้าส์ซิ่ง" สไตล์บ้านเดี่ยว จำนวน 33 ยูนิต ขนาดของพื้นที่ 88-110 ตารางวา ลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวและ 2 ชั้น บนเนื้อที่ 11 ไร่ ซึ่งทางบริษัทยังได้รับเงินสนับสนุนจากธนาคารกรุงเทพฯ ในการพัฒนาโครงการต่อ โดยโครงการมีมูลค่าการขาย 240 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 7- 10 ล้านบาท
"จุดหลักที่เลือกโครงการนี้ เพราะเป็นบ้านเดี่ยวที่อยู่ใจกลางเมือง มีห้างสรรพสินค้าที่สามารถให้ความสะดวกแก่ลูกค้าได้ ขณะที่ราคาเทกโอเวอร์ที่ไม่สูง ประกอบกับการดีไซน์ของโครงการที่ยังมีความเป็นธรรมชาติ มีทางเข้าออกเดียว ทำให้ดูแลความปลอดภัยได้ ตรงนี้น่าจะเป็นข้อได้เปรียบกว่าคู่แข่งขัน ซึ่งกลุ่มลูกค้าจะมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ที่ต้องการบ้านหลังที่สองไว้พักผ่อน ซึ่งตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สามารถขายไปได้มากกว่า 7 แปลง" นายสมบูรณ์กล่าวและย้ำว่า
การลงทุนของบริษัทฯ จะเลือกทำเลที่อยู่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว เนื่องจากชาวต่างประเทศนิยมเข้ามาพักผ่อนในเมืองไทย ประกอบกับการแข่งขันไม่รุนแรงเท่ากับในกรุงเทพฯ และบริษัทยังไม่มีความเชี่ยวชาญเมื่อเทียบกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์มากนัก อย่างไรก็ดี บริษัทยังเตรียมลงทุนโครงการมใหม่ซึ่งเป็นแผนในปี 2550 ได้แก่โครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรท์ ที่ดินติดทะเลจอมเทียน เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเข้าไปซื้อที่ดินหรือร่วมทุนกับเจ้าของเดิม
ส่วนอีกแปลงจะอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่กว่า 40 ไร่ อยู่ริมแม่น้ำปิง โดยใช้วิธีเข้าไปซื้อหุ้นในบริษัทของเจ้าของที่ดินเดิมในสัดส่วนประมาณ 40% ส่วนมูลค่าคงไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งที่ดินเดิมอยู่ในสภาพที่ร้างๆ ทำให้ต้องมีการศึกษาจะพัฒนาในรูปแบบอะไร เนื่องจากที่ดินค่อนข้างใหญ่
|
|
|
|
|