การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่ง
หันมาสนใจการบริโภคสิ่งที่เคยถูกมองว่าเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย
ตัวอย่างของร้านอาหารประเภทฟ้าสต์ฟู้ดจากตะวันตก ที่เข้ามาเปิดใหม่หรือขยายสาขาเพิ่มได้กลายเป็นดัชนีอย่างหนึ่งสำหรับคนไทย
โดยเฉพาะในเมืองกรุงว่ากำลังอยู่ในช่วงพัฒนาแค่ไหน?
ไอศกรีม เป็นอาหารอีกประเภทที่เคยเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยโดยเฉพาะไอสครีมราคาสูงในตลาดพรีเมียม
ที่มีร้านไอสครีมชื่อดังจากตะวันตกหลายเชนเข้ามาเปิดในประเทศมากมายอย่างเช่น
สเวนเซ่น หรือรอบบิ้นบาสกิ้นส์ ไม่นับตลาดทั่วไปที่แม้กระทั่งยักษ์ใหญ่อย่างลีเวอร์
ยังมองเห็นว่าเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง จนลงมาเล่นด้วยการออกไอสครีม
"วอลล์" และซื้อหุ้นของไอสครีมโฟร์โมสต์
แต่ดูเหมือนว่า ตั้งแต่กลางปีหน้า สงครามการแย่งชิงตลาดลูกค้าไอสครีมในตลาดบนจะระอุขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อเชนร้านอาหารชื่อดังของไทยอย่างเอสแอนด์พี หันมาให้ความสนใจในการเพิ่มเมนูอาหารในร้าน
ด้วยการขายไอสครีมเพิ่ม
มิหนำซ้ำ เชนที่เอสแอนด์พีเลือก ก็เป็นเชนระดับโลกด้วย คือ ฮาเกน-ดาส จากสหรัฐอเมริกา
ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตไอสครีมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และพิถีพิถันในการเลือกประเทศที่ขายมากที่สุดอีกด้วย
"ตอนนี้ เรามีจำหน่ายใน 22 เมืองทั่วโลก มียอดขายรวมประมาณ 1,000
ล้านเหรียญสหรัฐ" สตีเฟ่น เมอร์ฟี่ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ฮาเกน-ดาสฟาร์อีสต์
กล่าว
อมเรศ ศิลาอ่อน กรรมการและที่ปรึกษากรรมการกล่าวว่า จากการที่ตนได้เดินทางไปยังประเทศต่าง
ๆ ก็มองเห็นว่าไอสครีมเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าที่คิดว่าน่าสนใจในการนำมาขายในเมืองไทย
และตัดสินใจเลือกฮาเกน-ดาส เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพ
"การร่วมทุนดังกล่าว ซึ่งเป็นการขยายฐานธุรกิจของเอสแอนด์พีเข้าสู่ธุรกิจไอสครีมเราคาดว่าสามารถที่จะแชร์ตลาดไอสครีมพรีเมียมได้ประมาณ
5-10% ในปีแรกและสามารถขยายจุดขายไม่ต่ำกว่า 100 จุดใน 5 ปี"
แต่การติดต่อที่จะนำฮาเกน-ดาส มาขายในไทยนั้นไม่ได้เป็นเรื่องง่าย เพราะอย่างที่กล่าวคือ
ไอสครีมสัญชาติอเมริกันรายนี้ เลือกมากและเรื่องมากในการตัดสินใจขายที่ใดที่หนึ่ง
แม้วันนี้ ลอนดอล ปารีส โตเกียวหรือไทเป จะมีไอสครีมยี่ห้อนี้จำหน่าย แต่ในเมืองใหญ่อีกหลายแห่ง
ฮาเกน-ดาส ก็ยังไม่มีจำหน่าย
หลังจากใช้เวลาในการปรึกษา ต่อรองนานประมาณ 15 เดือนหรือเกือบปีครึ่ง เอสแอนด์พีจึงได้รับคำตอบว่าฮาเกน-ดาส
สนใจจะเปิดขายในไทย
"เรามองเห็นว่า เมืองไทยเป็นชุมชนที่มีวัฒนธรรมที่เพร้อมที่จะรับการเติบโตของสินค้าชั้นสูงที่มีชื่อเหมือนนิวยอร์ค
ปารีสหรือฮ่องกง" สตีเฟ่น เมอร์ฟี่กล่าวถึงการเลือกกรุงเทพ เป็นเมืองที่
23 ที่ขายไอสครีมฮาเกน-ดาส
ในส่วนของเอสแอนด์พีการลงมาทำตลาดไอสครีมครั้งนี้ไม่ได้เป็นเรื่องเล็ก
ๆ แน่นอน เพราะรูปแบบของการดำเนินงานที่ร่วมทุนกันตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียบ
50 ล้านบาท โดยเอสแอนด์พีซินดิเคทและฮาเกน-ดาสคอมพานี ถือหุ้นฝ่ายละ 49%
ส่วนอีก 2% ประเวศวุฒิ ไรวา ถือหุ้น นับเป็นการลงทุนไม่น้อยสำหรับการขายไอสครีม
เป็นการเปิดตลาดไอสครีมของเอสแอนด์พีและเปิดสงครามไอสครีมระดับสูงในไทยครั้งสำคัญ
"จากนี้ไป สเวนเซ่นหรือรอบบิ้นบาสกิ้น คงจะไม่อยู่เฉยแน่นอน"
คนในวงการให้คอมเมนต์ถึงการรุกตลาดของเอสแอนด์พี
อย่างไรก็ดี การทำตลาดของฮาเกน-ดาส ไม่ได้ง่ายอย่างที่เอสแอนด์พีวาดฝัน
!!!
ปัญหาของเอสแอนด์พีก็คือ กว่าที่พวกเขาจะเริ่มทำการตลาดไอสครีมอย่างจริงจัง
ก็จะเป็นกลางปี คือในเดือนพฤษภาคม ซึ่งนั่นหมายความว่า บรรดาคู่แข่งต่างก็พร้อมและสามารถที่จะตั้งตัวกับการเข้ามาใหม่ของเชนร้านค้าไอสครีมรายใหญ่รายใหม่ของโลกในไทยได้
มิหนำซ้ำ ปัญหาอีกประการที่อาจจะกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ของเอสแอนด์พี ที่แม้จะเป็นจุดเด่นก็คือ
ไอสครีมที่พวกเขาจำหน่ายนั้น เป็นไอสครีมที่นำเข้ามาจากต่างประเทศตามระบบการทำงานของฮาเกน-ดาส
ที่ต้องการให้คุณภาพของสินค้าของเขาเหมือนกันทั่วโลก จึงไม่ให้มีโรงงานมากเกินกว่าที่สามารถควบคุมได้
"การนำเข้านี่สำคัญมาก เพราะต้องรักษาอุณหภูมิเอาไว้ที่ประมาณ 26
องศา" คนที่รู้เรื่องบอกกับ "ผู้จัดการ" ในการทำตลาดไอสครีมอิมพอร์ตครั้งนี้
อย่างไรก็ดี เอสแอนด์พีเอง รู้ตัวว่าพวกเขายังมีจุดอ่อนในเรื่องการตลาด
เพราะที่ผ่านมาแม้ว่าชื่อเสียงของบริษัทในเรื่องร้านอาหาร จะเป็นที่รู้จักดีแต่ไม่ได้เกิดจากการทำตลาดอย่างมืออาชีพมากนัก
โชคดีที่เอสแอนด์พี สามารถที่จะดึงสมชัย ไชยศุภรากุล อดีตกรรมการผู้จัดการอินช์เคปคอนซูเมอร์
มาดูด้านการตลาดของเครือข่ายเอสแอนด์พี รวมทั้งผู้ช่วยอีกคน คืออารยา เตชานันท์
อดีตผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของอินช์แคปอีกคน
ตลาดไอสครีมระดับพรีเมียม ที่มีอัตราการเติบโตสูงถึงปีละประมาณ 20% จะเป็นงานที่ท้าทายฝีมือของทั้งสองมาก
ประเวศวุฒิ ไรวา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาดเอสแอนด์พีซินดิเคท กล่าวถึงการเปิดจำหน่ายไอสครีมฮาเกน-ดาสว่า
จะมี 3 รูปแบบคือเปิดจำหน่ายในร้านเอสแอนด์พี เปิดร้านขายเฉพาะ ซึ่งคาดว่าจะเปิดสาขาแรกที่สีลม
และจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป
ที่น่าสนใจก็คือ การจำหน่ายของฮาเกน-ดาสในเมืองใหญ่ทั่วโลกนั้น พวกเขาจำหน่ายในร้านเซเว่น-อิเลฟเว่นซึ่งมีหลายสาขาในประเทศไทย
แต่สำหรับเมืองไทย ลิขิต ฟ้าปโยชน์ กรรมการผู้จัดการเซเว่น-อิเลฟเว่น บอกกับ
"ผู้จัดการ" ว่า จะมีการเจรจากันอีกครั้ง แต่ในขณะนี้ ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องการจำหน่ายในร้านเลย
ไม่ว่าการเจรจาระหว่างเอสแอนด์พีกับเซเว่น-อิเลฟเว่น ในการขยายช่องทางการจำหน่ายสำเร็จหรือไม่ก็ตามแต่ดูเหมือนว่า
สงครามแย่งชิงความเข้มข้นของรสชาติไอสครีมกำลังจะร้อนแล้ว