บัวหลวงขยายปีกปล่อยสินเชื่อต่างแดนกระหน่ำ ประสงค์ อุทัยแสง กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดใจ สินเชื่อต่างแดนมีโอกาสเติบโตสูง รุกขยายสาขาในจีนเพิ่มในมณฑลเสิ่นเจิ้นอีก 1 สาขา มองการณ์ไกลอนาคตพร้อมแปลงเป็นแบงก์ท้องถิ่นหลังทางการจีนสรุปกฎเกณฑ์เรียบร้อย เดินหน้าทำธุรกรรมอย่างเต็มรูปแบบ

การขยายสินเชื่อต่างประเทศของแบงก์กรุงเทพตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

ในช่วงเดือนธันวาคม 2548 ธนาคารมีพอร์ตสินเชื่อต่างประเทศทั้งหมดรวม 2,600 ล้านเหรียญสหรัฐ และในช่วงครึ่งปีแรกนี้สามารถขยายสินเชื่อต่างประเทศไปแล้ว 3,200 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเป้าทั้งปีที่ตั้งไป 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ในปัจจุบันสินเชื่อต่างประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวที่ออกมาทำให้ธนาคารมั่นใจมากขึ้นว่าในสิ้นปีจะสามารถขยายสินเชื่อต่างประเทศได้ตามเป้าที่วางไว้อย่างแน่นอน เนื่องจากอีก 400 ล้านเหรียญสหรัฐที่เหลือ ยังมีกลุ่มลูกค้าที่มาขอสินเชื่อจากธนาคารและได้รับการอนุมัติแต่ยังไม่มีการเบิกจ่ายเงินไปใช้จะทำการเริ่มเข้ามาเบิกจ่ายเงินไปใช้อย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันธนาคารมีสาขาต่างประเทศกี่สาขา

สาขาต่างประเทศของธนาคารตอนนี้มีทั้งหมด 19 สาขาใน 12 ประเทศ โดยตั้งอยู่ที่ นิวยอร์ค 1 สาขา ลอนดอน 1 สาขา ที่เหลือตั้งอยู่ในแถบเอเชีย คือที่ประเทศญี่ปุ่น 2 สาขา ไต้หวัน 3 สาขา ฮ่องกง 2 สาขา จีน 4 สาขา เวียดนาม 2 สาขา สิงคโปร์ 1 สาขา อินโดนีเซีย 1 สาขา ฟิลิปินส์ 1 สาขาและที่มาเลเซียเป็นธนาคารท้องถิ่นอีก 1 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่การดำเนินธุรกิจของสาขาในต่างประเทศของธนาคารกรุงเทพจะเน้นการให้บริการด้านสินเชื่อ อิมพอร์ต เอ็กพอร์ต และการปล่อยสินเชื่อเพื่อใช้ในการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตการลงทุน การซื้อขายเงินตราต่างๆ เพราะตลาดที่ต่างประเทศเป็นศูนย์กลางมากกว่าประเทศไทยจึงเป็นโอกาสมากกว่า สินเชื่อที่ปล่อยต่างประเทศเป็นทั้งระยะสั้นและยาว โดยระยะยาว 5-15 ปี ช่วงสั้นไม่เกิน 360 วัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกเงินทุนหมุนเวียน เป็นหลัก โดยสาขาที่ประเทศฮ่องกงปล่อยสินเชื่อได้มากที่สุด 800 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาคือสิงคโปร์ 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และไทเป 250-300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้มีเป้าหมายที่จะเพิ่มสินเชื่อในปี 50 เป็น 6,500 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเพิ่มยอดสาขาฮ่องกงเป็น 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ สิงคโปร์เป็น 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนสาขาอื่นๆ ที่มียอดสินเชื่อ 250-300 ล้านเหรียญสหรัฐ จะเพิ่มเป็น 500 ล้านเหรียญสหรัฐด้วย

เป้าหมายการขยายสาขาต่างประเทศเป็นอย่างไร

ในปีนี้เรามีแผนจะเปิดสาขาที่ประเทศจีนอีก 1 แห่งที่มณฑลเสิ่นเจิ้น ซึ่งนับเป็นสาขาที่ 5 ในประเทศจีน จากปัจจุบันที่มีสาขาในจีนแล้ว 4 แห่ง คือที่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซี้ยะเหมิน และซัวเถา ซึ่งขณะนี้ทางการจีนได้เปิดให้ธนาคารยื่นเอกสารเพื่อขอเปิดสาขาแล้ว คาดว่าภายใน 6 เดือนถึง 1 ปีข้างหน้านี้ ธนาคารจะเปิดสาขาได้แน่นอน ทั้งนี้ระยะยาวแล้ว มีความเป็นไปได้ที่ธนาคารจะเปิดสาขาในจีนถึง 50 สาขา เนื่องจากมองว่าโอกาสของการเติบโตทางธุรกิจในประเทศจีนยังอยู่ในระดับที่สูง หากดูตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจก็ยังไปได้สวย ขณะที่อาณาพื้นที่ในประเทศจีนกว้างขวางมากที่จะขยายสาขาเพิ่มได้อีกหลายสาขา ขณะเดียวกันธนาคารต้องพิจารณากฎเกณฑ์การเปิดสาขาของประเทศจีนใช้ชัดเจนก่อน เพราะที่ผ่านมาจีนเริ่มออกกฎเกณฑ์ใหม่ๆ เพื่อที่จะควบคุมระบบการธนาคารของเขาให้แข็งแรงมากขึ้น ซึ่งในเดือนธันวาคมปีนี้ทางการจีนจะมีการออกกฎเกณฑ์เสนอให้แบงก์ต่างชาติแปลงเป็นแบงก์ท้องถิ่นได้นานๆ ครั้ง ซึ่งเราก็สามารถปฏิบัติตามได้ เช่นครั้งนี้อนุญาตให้เปิดสาขาที่ 5 ได้แต่ในเดือนธ.ค.นี้เขาจะเสนอให้แบงก์ต่างชาติแปลงเป็นแบงก์ท้องถิ่น

“ประเทศไทยมีประชากร 63 ล้านคน แต่ธนาคารยังเปิดสาขาได้กว่า 600 แห่ง ขณะที่ประเทศจีนนั้นมีประชากรมหาศาล มีเมืองที่พัฒนาแล้วจำนวนมาก และเป็นศูนย์กลางธุรกิจของโลกแห่งใหม่ในขณะนี้ โดยเฉพาะที่เสิ่นเจิ้น ที่บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนอย่างมาก ทำให้เติบโตรวดเร็ว อีกทั้งเสิ่นเจิ้นนั้นอยู่ติดกับฮ่องกง ซึ่งเป็นแหล่งศูนย์กลางธุรกิจอีกแห่งหนึ่งของเอเชีย ขณะที่ปัจจุบันนี้ธนาคารก็ใช้สาขาที่ซัวเถาไปหาลูกค้าจากเสิ่นเจิ้นอยู่แล้ว ดังนั้นหากสามารถเปิดสาขาเองได้ ก็น่าจะสะดวกและให้บริการได้เข้าถึงมากขึ้น”

ธนาคารสนใจจะแปลงเป็นแบงก์ท้องถิ่นไหม

หากทางการจีนออกกฎดังกล่าวมาแล้วเราก็มีความสนใจแต่คงต้องพิจารณาดูเหตุการณ์ก่อนซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปีในการตัดสินใจ ขณะเดียวกันเราต้องมาพิจารณาข้อดีข้อเสียของการแปลงไปเป็นแบงก์ท้องถิ่นก่อน แต่ทั้งนี้ในอนาคต หากแปลงเป็นธนาคารท้องถิ่นแล้ว ธนาคารจะสามารถทำธุรกรรมได้มากขึ้น ก็นับว่าเป็นผลดีต่อธนาคารเพิ่มขึ้น ธนาคารก็อาจจะแปลงเป็นสาขาท้องถิ่นของจีน แต่ทั้งนี้ยังไม่รีบเร่งมากนัก เนื่องจากยังมีเวลา โดยคาดว่าภายในเดือนมิ.ย. 50 ธนาคารจะตัดสินใจว่าจะแปลงเป็นสาขาท้องถิ่นหรือไม่ อย่างไร

สำหรับกฎเกณฑ์ดังกล่าวของจีนที่ออกมาจะเริ่มเสนอให้ใช้ตั้งแต่เดือนธ.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งมีทั้งข้อดี ข้อเสีย โดยข้อดีต่อจีนคือ จีนจะเข้ามาควบคุมการดำเนินงานได้ 100% และจะบังคับให้ธนาคารต้องจดทะเบียน 5,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่ธนาคารต่างชาติจะเข้าไปเปิดสาขาในจีนต้องมีทุนจดทะเบียน 500-1,500 ล้านบาท (100-300 อาร์เอ็มบี) ทำให้ธนาคารต่างชาติที่จะแปลงเป็นสาขาท้องถิ่นต้องเพิ่มเงินทุน รวมถึงบุคลากรด้วย แต่จะสามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะธุรกรรมกับคนจีนโดยตรง จากเดิมที่ทำได้เฉพาะกับบริษัทต่างชาติที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในจีนเท่านั้น แต่ขณะเดียวกัน จีนก็จะลดภาษีให้ ที่ปัจจุบันธนาคารต่างชาติต้องเสียภาษี 15% แต่หากเป็นธนาคารท้องถิ่นต้องเสียภาษี 33% อย่างไรก็ตามในเรื่องภาษีนี้ จีนจะปรับให้เหลือเท่ากันที่ 25% ในปี 50-51 ทำให้ธนาคารคิดหนักว่าจะแปลงเป็นสาขาท้องถิ่นหรือไม่ อย่างไร แต่ในอนาคตธนาคารคงต้องแปลงเป็นสาขาท้องถิ่นเช่นกัน เพื่อให้ทำธุรกิจได้มากขึ้น โดยธนาคารสนใจที่จะเปิดรับเงินฝากประมาณ 5,000 ล้านบาท เพื่อนำมาปล่อยสินเชื่อต่อไป แต่เบื้องต้นนั้น จะรอดูธนาคารต่างชาติขนาดใหญ่แห่งอื่นนำร่องไปก่อนว่าเป็นอย่างไร หากเป็นไปด้วยดี จะทำให้การยื่นขออนุญาตต่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อดำเนินการดังกล่าวเป็นไปโดยอย่างราบรื่น

ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันส่งผลให้การทำธุรกิจเป็นอย่างไรบ้าง

การทำธุรกิจธนาคารทุกวันนี้ยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะในโซนสหภาพยุโรปนั้น ธนาคารต้องนำระบบบาเซิล 2 มาใช้ ซึ่งต้องเพิ่มเงินกองทุนให้แข็งแรงมากขึ้น มีกฎระเบียบบังคับว่าต้องบริหารความเสี่ยงอย่างไรบ้าง ขณะที่โซนสหรัฐอเมริกานั้น จะเพิ่มความเข้มงวดในเรื่องระบบการตรวจสอบการเงินที่เข้มข้นมากขึ้น เพราะเป็นประเทศที่อาจมีการก่อการร้ายแฝงตัวเข้ามา ดังนั้นการเข้าออกของเงินจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดได้ทั้งหมด ขณะที่เราเป็นธนาคารจากเอเชียที่อยู่ตรงกลาง ก็จะโดนบีบจากทั้งสองฝั่งดังกล่าว อีกทั้งกฎระเบียบเหล่านี้ ออกเพิ่มมาทุกวัน ๆ ด้วย และมีผลทำให้เราต้องลงทุนเรื่องเหล่านี้อย่างมหาศาล ดังนั้นธนาคารต้องพยายามลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นลงให้ได้มากที่สุด และเน้นการขยายสินเชื่อให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้มากขึ้น ขณะเดียวกันการดำเนินธุรกิจของธนาคารในสาขาต่างแดนนั้น มีต้นทุนเพิ่มขึ้นสูงมาก หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 40% เนื่องจากจะต้องลงทุนเพื่อปรับปรุงระบบการจัดการความเสี่ยงและการบริหารงานให้ได้ตามมาตรฐานสากลของแต่ละประเทศที่กำหนดไว้ ส่งผลให้แม้ว่าธนาคารจะขยายสินเชื่อได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ก็ทำผลกำไรได้ต่ำลง โดยมีผลกำไรเพียง 1% ของยอดสินเชื่อที่ปล่อยได้เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้วางเป้าหมายว่า ภายใน 3 ปีนับจากนี้ จะลดต้นทุนให้เหลือเพียง 25% ด้วยการทั้งพยายามเพิ่มยอดการปล่อยสินเชื่อ และเพิ่มการทำธุรกรรมต่างๆ ให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นแล้วโอกาสในการทำธุรกิจต่างแดนจะยิ่งมีกำไรลดน้อยลงมาก

เป้าหมายการปล่อยสินเชื่อต่างประเทศในปีหน้า

ธนาคารตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อในต่างประเทศปีหน้าที่ 6,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงค่อนข้างรวดเร็วกว่าปีที่ผ่านมามาก โดยการเติบโตที่รวดเร็วของธนาคารนั้นเนื่องจากเรามีการเสริมสร้างหน่วยงานรองรับทั้งการพัฒนาระบบเครื่องไม้เครื่องมือมาบริหารความเสี่ยง การรับบุคลากรเข้ามาเพิ่มเพื่อให้สอดคล้องกับการทำระบบการทำงาน โดยในปัจจุบันนี้ ธนาคารมีจำนวนพนักงานสาขาต่างประเทศทั้งหมด 660 คน และปีนี้ปล่อยสินเชื่อได้ 4,000 ล้านบาท มีกำไรที่ 1% เศษ ๆ เนื่องจากธนาคารจะต้องลงทุนด้านระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงต่าง ๆ เกี่ยวกับสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น และต้องมีหน่วยงานที่คอยให้คำแนะนำ ปรึกษา ทำความเข้าใจกับกฎระเบียบต่างๆ ของแต่ละประเทศ เพื่อให้ธนาคารดำเนินงานได้ถูกต้องตามกฎระเบียบเหล่านั้น ซึ่งต้องจ้างบุคลากรเพิ่มสูงขึ้น เช่นที่สาขาประเทศญี่ปุ่น ได้จ้างพนักงานเพิ่มอีก 4 คน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 40 ล้านเยน เป็นต้น

NPL ของสินเชื่อต่างประเทศเป็นอย่างไรบ้าง

NPL ที่เกิดจากสินเชื่อต่างประเทศของธนาคารปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 8-9%ของสินเชื่อรวม หรือคิดเป็นจำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่วนใหญ่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ดังกล่าวเกิดจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้กำหนดราคาซื้อขายผิดพลาด แต่ธนาคารก็ได้สำรองหนี้สูญเต็มจำนวนไว้แล้ว และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะลดเอ็นพีแอลเหลือ 6% ได้ ซึ่งส่วนหนึ่งที่ลดเอ็นพีแอลได้ช้า เพราะระบบทางศาลของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ทำให้ใช้เวลาแตกต่างกันด้วย