Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์28 สิงหาคม 2549
กำไรบริษัทจดทะเบียนแผ่วลงครึ่งปีแรกโตชะลอตัวแค่7%             
 


   
search resources

Stock Exchange




ครึ่งแรกปี49 บริษัทจดทะเบียนรวมพลังนำตลาดหลักทรัพย์กำไร 2.7 แสนล้าน ขยายตัว 7% เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านๆมาซึ่งเติบโตเกิน10%มาอย่างต่อเนื่อง ปตท.คว้าตำแหน่งกำไรสูงสุดไปครองตามคาดรายเดียว 5.5หมื่นล้าน ด้าน เอ็มเอไอ มีถึง 8 ใน 37 บริษัทที่กำไรกระโดดขึ้นเกิน 100%

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ประกาศ ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ประจำงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 ว่า บริษัทจดทะเบียน ทั้งในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) ได้นำส่งงบการเงินแล้วจำนวน 499 บริษัท หรือคิดเป็น 97% จากจำนวนทั้งสิ้น 516 บริษัท

สุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกล่าวว่า มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นำส่งงบ 462 บริษัท จากทั้งหมด 479 บริษัท ยอดขายรวมทั้งสิ้น 2,698,551 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 22% กำไรสุทธิรวม 272,596 ล้านบาท เพิ่ม 7% และบริษัทที่มีผลกำไรสุทธิรวม 377 บริษัท คิดเป็น 82%

ทั้งนี้ บริษัทในกลุ่ม SET50 มีกำไรสุทธิ 212,304 ล้านบาท คิดเป็น 78% ของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน รวม ยอดขายเพิ่มขึ้น 27% มีกำไรขั้นต้น 23% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 13% บริษัททกลุ่ม SET100 กำไรสุทธิ 224,751 ล้านบาท คิดเป็น 82% ของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน ทั้งหมด ยอดขายเพิ่มขึ้น 27% กำไรขั้นต้น 22% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 13%

สำหรับบริษัทที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก คือ

1. บมจ.ปตท. (PTT) มีกำไรสุทธิรวม 55,381 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 25% เนื่องจากบริษัทมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ยังมีกำไรจากการขายหุ้นใน บมจ.โรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (RRC)

2. บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) มีกำไรสุทธิรวม 17,178 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 8 % จากผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจเคมีภัณฑ์ ธุรกิจซิเมนต์ และธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น

3. บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) มีกำไรสุทธิ 15,116 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 55% ด้วยยอดขายของบริษัทที่เพิ่มขึ้น

4. บมจ.ไทยออยล์ (TOP) มีกำไรสุทธิ 10,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 52% เป็นผลจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นค่อนข้างมาก

5. บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) มีกำไรสุทธิ 9,415 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 5% เนื่องจากบริษัทมีการลดราคาค่าบริการ เพื่อดึงลูกค้ากลุ่มใหม่และรักษาฐานลูกค้าเดิม

ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน 8 กลุ่มอุตสาหกรรม (Industry Group) จำนวน 437 บริษัท (ไม่รวมบริษัทจดทะเบียน ที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน (NC) และบริษัทจดทะเบียน ในกลุ่มที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด (NPG)) กำไรสุทธิรวม 259,901 ล้านบาท คิดเป็น 95% ของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน ทั้งหมด

กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไร 3 อันดับสูงสุดคือ กลุ่มทรัพยากร (หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดเหมืองแร่) กำไรสุทธิ 101,040 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 18% กลุ่มธุรกิจการเงิน (หมวดธนาคาร หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ และหมวดประกันภัยและประกันชีวิต) กำไรสุทธิ 52,030 ล้านบาท ลดลง 9% และกลุ่มบริการ (หมวดพาณิชย์ หมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ หมวดการแพทย์ หมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ หมวดบริการเฉพาะกิจ และหมวดขนส่งและโลจิสติกส์ ) กำไรสุทธิ 31,370 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50%

หากการพิจารณากำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน รวมครึ่งปีแรกจำนวน 272,596 ล้านบาท อัตราการขยายตัวที่ 7% เป็นอัตราการขยายตัวที่ลดลง จากปี 2546-2548 ที่มีอัตราการขยายตัวสูงถึง 52% , 44% และ 14% ตามลำดับ

สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน (Non-Compliance : NC) และบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด (Non-Performing Group : NPG) จำนวน 33 บริษัท นำส่งงบการเงินจำนวน 25 บริษัท

โดยบริษัทที่ขึ้นเครื่องหมาย NC ในหมวดธุรกิจปกติ มีการนำส่งงบการเงิน 15 จาก 16 บริษัท รวมกำไรสุทธิ 12,569 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 3.3 เท่า เนื่องจากกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ที่เพิ่มขึ้น 4 เท่า และมียอดขายเพิ่มขึ้น 22% ส่วนบริษัทในกลุ่ม NPG 17 บริษัทมีการนำส่งงบการเงินจำนวน 10 บริษัท กำไรสุทธิรวม 126 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 98 % จากกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้และยอดขายลดลง

ทั้งนี้สรุปสถานะการฟื้นฟูกิจการของบริษัทในกลุ่มนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มค.49 ถึงวันที่ 16 สค.49 ยังไม่มีบริษัทใดที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน (NC) เพิ่มเติม ส่วนบริษัทที่พ้นเกณฑ์อาจถูกเพิกถอนและหลักทรัพย์ได้กลับไปซื้อขายได้ตามปกติ 9 บริษัท ได้แก่ บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) , บมจ.เอเวอร์แลนด์ (EVER) , บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ (IFEC) บมจ.พรีเมียร์ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เทคโนโลยี่ (PE&T ) , บมจ.ปรีชากรุ๊ป (PRECHA) , บมจ.สยามอุตสาหกรรมการเกษตรสัปปะรดและอื่น ๆ (SAICO) , บมจ.ไทยฮีทเอ็กซ์เช้นจ์ (THECO) , บมจ.ไทยนามพลาสติกส์ (TNPC) , บมจ.ไทยไวร์โพรดัคท์ (TWP)

ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ในตลาดเอ็มเอไอ นั้น นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กล่าวว่า บริษัทจดทะเบียน ทั้ง 37 แห่ง มีกำไรสุทธิรวม 649 ล้านบาท แบ่งเป็นบริษัทจดทะเบียน ที่มีกำไรสุทธิ 32 บริษัท และขาดทุนสุทธิอีก 5 แห่ง ขณะที่ยอดขายรวมทั้งสิ้น 12,878 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มียอดขาย 11,611 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% ทว่ามีบริษัทจดทะเบียนถึง 8 แห่งที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเกิน 100%

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 3 เดือนประจำไตรมาส 2 ปี 2549 บริษัทใน mai มียอดขายรวมทั้งสิ้น 6,759 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 6,116 ล้านบาทในงวดเดียวกันปีก่อน 11% โดยมีกำไรสุทธิ 338 ล้านบาท

บริษัทที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิสูงสุดประจำครึ่งปีแรกในตลาดเอ็มเอไอ 3 บริษัทแรกคือ บมจ. อินเตอร์เนชั่นแนลรีเสริช คอร์ปอเรชั่น (IRCP)กำไรสุทธิ 64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 598% บมจ. ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) กำไรสุทธิ 25 ล้านบาท โตขึ้น 565% และ บมจ. บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK) ที่พลิกจากการขาดทุนสุทธิในปีก่อน 13 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิ 35 ล้านบาท

จากบริษัทที่มีกำไรสุทธิ 32 บริษัท ได้มีบริษัทที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ 16 บริษัท โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยประมาณ 184% ทั้งนี้มีบริษัทจดทะเบียนถึง 8 บริษัท ที่อัตราเติบโตของกำไรสุทธิเกิน 100%

แม้ว่าบริษัทจดทะเบียนจะสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นในครึ่งปีแรก แต่ก็ต้องยอมรับว่าผลประกอบการของบริษัทที่อยู่ในภาคการผลิตมีกำไรสุทธิลดลง เนื่องมาจากต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้น อันเป็นผลจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบในการผลิต ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนของแร่โลหะ, เม็ดพลาสติก น้ำมันเชื้อเพลิง และดอกเบี้ย ที่มีแนวโน้มการปรับตัวสูงขึ้นมาโดยตลอด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us