Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน21 มกราคม 2546
AJFได้จังหวะออก2กองหุ้น             
 


   
search resources

อยุธยาเจเอฟ, บลจ.
เรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์
Funds




นายเรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อยุธยาเจเอฟ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ในระหว่างการยื่นขอจัดตั้งกองทุนที่ลงทุนในหุ้นกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)จำนวน 2 กองทุน มูลค่าขอจัดตั้งกองทุนละ 1,000 ล้านบาท เป็นกองทุนปิดที่ห้ามไถ่ถอนในระยะเวลา 1 ปี โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการจัดตั้งกองทุนได้ต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ และคาดว่าจะระดมเม็ดเงินใหม่จากทั้งสองกองทุนได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท

สำหรับรูปแบบของกองทุนหุ้นของเอเจเอฟจะลงทุนในหุ้น 50% ถือเป็นรูปแบบกองทุนแบบใหม่ที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นค่อนข้างสูง โดยจะออกแบบมาให้เหมาะสมกับนักลงทุน 2 ประเภท กองแรกออกแบบให้เหมาะสมกับนักลงทุนที่รู้จักตลาดหุ้นดีพอสมควร ดังนั้น ภายใต้ความผันผวนจึงเป็นโอกาสที่จะนำเม็ดเงินใหม่เข้ามาลงทุนในตลาด กองที่สองออกแบบมาให้เหมาะกับนักลงทุนรายย่อยที่ยังกังวลกับการลงทุน แต่จังหวะของความกลัวจะเป็นโอกาสที่ดีของการลงทุน เพราะเมื่อไหร่ที่ทุกคนมั่นใจราคาหุ้นก็จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นไปแล้ว

กรรมการผู้จัดการ บลจ.อยุธยาเจเอฟ กล่าวว่า จากผลตอบแทนการลงทุนหุ้นในอดีต และปีล่าสุดที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 30% คาดว่าผลตอบแทนการลงทุนในกองทุนใหม่คงไม่ต่ำกว่าผลตอบแทนของตลาด โดยให้ความเห็นว่าผลตอบแทนการลงทุนในกองทุนหุ้นในแต่ละบริษัทมีโอกาสแตกต่างกันมากตั้งแต่ 5%-40% แต่การที่จะได้รับผลตอบแทนดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับนักลงทุนจะเลือกลงทุนกับบริษัทไหน

นอกจากนั้น ยังเชื่อว่าเงินออมที่มีอยู่ในระบบและรอจังหวะลงทุนมีอยู่จำนวนมาก แต่ไม่รู้จังหวะเข้ามาในช่วงไหนดี ดังนั้น การลงทุนในกองทุนซึ่งปิดการขาดทุนได้ประมาณ 10% ขณะที่ผลตอบแทนทีได้หากสูงถึง 50% แต่ในการลงทุนผ่านกองทุนนี้ได้รับผลตอบแทนกลับไปประมาณ 30% ก็น่าจะมีโอกาสที่ผลตอบแทนการลงทุนเหนือคนอื่น

"็ตัวเลขผลตอบแทนการลงทุนในกองทุนหุ้นของบริษัทที่ผ่านมาในระยะเวลา 5 ปี กว่า 70% แสดงให้เห็นว่าผลตอบแทนจากการบริหารกองทุนไม่ได้ฟลุ๊ค แต่การลงทุนในหุ้นต้องยอมรับว่ามีจังหวะ ดังนั้นจึงฟันธงว่าปีนี้เป็นโอกาสของการลงทุนของผู้ที่มีวินัยมีความรู้ในข้อมูลการลงทุนที่จะแปลงให้เป็นผลตอบแทนที่ดีในการลงทุนได้"

นายพนิช วิกฤตเศรษฐ์ กรรมการบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายบริหารกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อยุธยาเจเอฟ จำกัด เปิดเผยว่า การจะคาดหวังผลตอบแทนการลงทุนในปีนี้ให้เหมือนกับ 1-2 ปีที่ผ่านมาคงเป็นไปได้ยาก และหากวางแผนการลงทุนผิดตั้งแต่ต้นปีผลตอบแทนการลงทุนที่ได้รับอาจจะผิดพลาดได้ เพราะมีปัจจัยความกดดันจากความผันผวนทั้งภายในและภายนอกประเทศ แต่อย่างไรก็ดี ภายใต้ความผันผวนจึงมีโอกาสที่ ดังนั้นการออกแบบกองทุนที่จึงสอดคล้องต้องสอดคล้องกับภาวะการณ์ดังกล่าว เพราะภายใต้ความผันผวนมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดี

สำหรับกลยุทธการลงทุนในตลาดหุ้นปีนี้มี 2 กลยุทธ์ เพราะโอกาสหรือรอบของการลงทุนในปีนี้จะมากกว่าปีที่แล้ว จากเหตุการณ์ต่างๆที่เข้ามากระทบการลงทุนนั้นมีมากกว่า ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและสงคราม ซึ่งรอบการลงทุนไม่ใหญ่มากนัก เนื่องจากข่าวค่อนข้างพลิกเร็ว ดังนั้นรอบการลงทุนทั้งขาขึ้นขาลงจึงไม่ลึกมากนัก กลยุทธ์ในการบริหาร จึงต้องมีการซื้อขายมากขึ้น และเป็นรอบเล็กๆตามแนวโน้มตลาดช่วงสั้นๆ

กลยุทธที่สอง คือภายใต้ความผันผวนที่เกิดขึ้นนั้น ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่มีผลการดำเนินงานดีก็ยังมีอยู่ ดังนั้น การเฟ้นหาบริษัทจดทะเบียนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ผลกำไรเติบโตต่อเนื่อง และมีการจ่ายปันผลในอัตราที่สม่ำเสมอ ก็จะส่งผลให้ผลตอบแทนในการลงทุนกองทุนหุ้นที่ดี เพราะตลาดหุ้นไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่มีราคาต่อผลตอบแทน(พีอี)ไม่สูง ขณะที่อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น(ROE)ขยายตัวเพิ่มขึ้น จนเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างประเทศ

"ปัจจัยภายนอกที่กระทบคือเรื่องของสงครามที่คาดกันว่าจะเกิดขึ้นก่อนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นช่วงที่ผ่านมาอยู่ในกรอบแคบๆ แต่อย่างไรก็ดีเมื่อสงครามเกิดขึ้นจริง หุ้นอาจจะวิ่งไปเป็นร้อยเปอร์เซนต์ก็ได้ ดังนั้นการจัดสรรเงินการลงทุนในหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานไว้ก่อนจึงเป็นโอกาสที่ดีกว่า เพราะถึงอย่างไรตลาดหุ้นไทยยังหุ้นอยู่กับตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวดีขึ้นในปีนี้ หลังจากใช้เวลาปรับตัวอยู่ถึง 3 ปี"

สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่น่าจับตามองในปีนี้ คงหนีไม่พ้นปีที่ผ่านมา คือหุ้นในกลุ่มธุรกิจสื่อสารบันเทิง และธุรกิจที่เกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศ ส่วนธุรกิจการเงินโดยเฉพาะในกลุ่มธนาคารเริ่มปรับตัวดีขึ้น เพราะอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสูงขึ้นมาก จากการอัตราการเติบโตของสินเชื่อ(loan growth)ที่คาดการณ์กันว่าในปีนี้จะเติบโตในอัตรา 3%-5% แต่แบงก์ยังติดปัญหาเรื่องของทุน อย่างไรก็ดีหากหุ้นในกลุ่มธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้มีปัจจัยให้เล่นมากขึ้น

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us